ฉบับที่ 25 /2554
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยแถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อรวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไปเพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
ในครึ่งแรกของปี เศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลักขยายตัวชะลอลงกว่าที่คาด โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และปัญหาการผลิตในภาคยานยนต์จากผลกระทบของภัยพิบัติในญี่ปุ่นซึ่งคาดว่าจะคลี่คลายลงในครึ่งหลังของปี ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาด ด้านเศรษฐกิจยุโรปยังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนของประเทศหลัก โดยปัญหาหนี้สาธารณะยังเป็นความเสี่ยงที่สำ คัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป สำ หรับเศรษฐกิจเอเชียยังขยายตัวดีจากอุปสงค์ในประเทศและการส่งออก แต่ในระยะต่อไป คาดว่าการขยายตัวอาจชะลอลงบ้างจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นในหลายประเทศเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ยังขยายตัวได้ จากแรงขับเคลื่อนหลักทั้งอุปสงค์ในประเทศการส่งออก รวมทั้งแรงกระตุ้นด้านการคลังที่ยังมีต่อเนื่อง ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์คลี่คลายลงเร็วกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้การผลิตฟื้นตัวได้ในครึ่งหลังของปี มองไปข้างหน้าการบริโภคและการลงทุนยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาวะการจ้างงานและสินเชื่อที่อยู่ในเกณฑ์ดีรวมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐที่จะเพิ่มขึ้น
อัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง จากราคาพลังงานและการปรับราคาในหมวดอาหารสำเร็จรูปที่ยังมีอยู่ แม้การต่ออายุมาตรการดูแลค่าครองชีพออกไป จะชะลอการเร่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อออกไป แต่มาตรการต่างๆ รวมทั้งการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำและแผนการใช้จ่ายของภาครัฐในระยะข้างหน้า ภายใต้เศรษฐกิจที่ขยายตัวดี จะเป็นปัจจัยเพิ่มเติมต่อแรงกดดันด้านราคา และอาจส่งผลให้การคาดการณ์เงินเฟ้อเร่งตัวมากขึ้น
คณะกรรมการฯ เห็นว่า ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงภายใต้อุปสงค์ที่ขยายตัวดีอัตราดอกเบี้ยนโยบายจึงยังควรปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและดูแลไม่ให้เงินเฟ้อคาดการณ์เร่งขึ้น จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 3.0 เป็นร้อยละ 3.25 ต่อปี โดยให้มีผลทันที
ข้อมูลเพิ่มเติม : ทีมกลยุทธ์นโยบายการเงิน 1 โทร: 0-2283-5621, 0-2283-6186
e-mail: MonetaryPolicyStrategyTeam@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย