ฉบับที่ 29/2554
ในวันนี้ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ และผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เชิญผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทยร่วมพบปะสนทนา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจการเงินและสถาบันการเงิน ตลอดจนรับทราบความคืบหน้าและประเด็นเพื่อการพัฒนาศักยภาพของระบบสถาบันการเงิน การประสานความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางกับธนาคารพาณิชย์ และการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่อสอดคล้องกับทิศทางของเศรษฐกิจการเงินไทยและพัฒนาการของเศรษฐกิจโลก
1. แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนของอุปสงค์ในประเทศจากการบริโภคที่ยังขยายตัวได้ดี และการลงทุนมีแนวโน้มขยายตัวตามอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นสะท้อนการวางแผนเพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป นอกจากนี้ ยังมีแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ต่างประเทศที่เห็นได้จากการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวดี แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปรวมทั้งแรงกดดันเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศในเอเชียที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ธปท. ยังคงดำเนินนโยบายการเงินโดยมีเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และทันกับสถานการณ์เพื่อไม่ก่อให้เกิดปัญหาความไม่สมดุลทางการเงิน
2. การเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ซึ่งมียุทธศาสตร์การดำเนินงานไปสู่การรวมตัวกัน คือ การมีตลาดและฐานการผลิตร่วมกันการมีความสามารถในการแข่งขันสูง การสร้างความเท่าเทียมกันในการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างสมาชิกลดช่องว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ การส่งเสริมการรวมกลุ่มอาเซียนเข้ากับประชาคมโลกและการประสานการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจกับประเทศนอกอาเซียน โดยธนาคารพาณิชย์พิจารณาเตรียมความพร้อมและเสนอแนะข้อคิดเห็นมายัง ธปท. เพื่อประโยชน์ในการเจรจาระหว่างประเทศและการจัดทำแผนปฎิบัติการในระยะต่อไป
3. การเตรียมการใช้หลักเกณฑ์ Basel III ตามมาตรฐานสากลเพื่อดูแลให้สถาบันการเงินมีความเข้มแข็งและมีเงินทุนเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกรรมที่มีความเสี่ยงแตกต่างกัน ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน คือ การดำรงเงินกองทุน การบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และการกำกับดูแลสถาบันการเงินที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินโลก โดย ธปท. จะทยอยนำหลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนและการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องออกใช้ในปี พ.ศ. 2556และใช้เต็มรูปแบบในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งธปท.และธนาคารพาณิชย์จะร่วมมือกันในการเตรียมการรองรับการนำใช้เกณฑ์ใหม่ดังกล่าวต่อไป
4. การจัดทำแผนกลยุทธ์ระบบชำระเงิน พ.ศ. 2555 — 2559 และแนวทางการบริหารจัดการธนบัตรในระยะต่อไป เพื่อส่งเสริมการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันของระบบสถาบันการเงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบการชำระเงินของประเทศ ลดความเสี่ยง และดูแลคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งได้มีโครงการรองรับวัตถุประสงค์แต่ละด้าน ได้แก่ การส่งเสริมให้มี e-payment ต่าง ๆ เป็นทางเลือกแทนการใช้เงินสด รวมทั้งการให้ความรู้แก่ผู้ใช้บริการ การเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การลดความเสี่ยงในการชำระดุล การเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บริการ ATM ซึ่งขณะนี้การดำเนินการมีความคืบหน้าตามแผนที่กำหนด
การหารือร่วมกันในครั้งนี้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้มีศักยภาพในการแข่งขันและมีความมั่นคงเข้มแข็ง ซึ่ง ธปท. จะจัดให้มีการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นระยะในเรื่องที่สถาบันการเงินสนใจ เพื่อร่วมกันพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคธุรกิจและประชาชนต่อไป
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย