ฉบับที่ 22/2555
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อรวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
เศรษฐกิจโลกยังคงฟื้นตัวช้าๆ และมีสัญญาณที่ดีขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่การจ้างงานยังขยายตัวในเกณฑ์ดี และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนปรับดีขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอยและยังต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่ประเทศหลักมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและ เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เศรษฐกิจเอเชียชะลอตัว แต่เครื่องชี้การส่งออกเริ่มแสดงสัญญาณการฟื้นตัวประมาณปลายไตรมาสที่ 2 สอดคล้องกับการคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วง ครึ่งหลังของปี สาหรับแรงกดดันเงินเฟ้อโลกยังคงมีอยู่จากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่องของประเทศอุตสาหกรรมหลัก
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด การผลิตในภาพรวมคาดว่าจะกลับมาเป็นปกติได้ในปลายไตรมาสที่ 2 การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเร่งตัวขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและของภาคธุรกิจ และกำลังซื้อในประเทศที่ปรับดีขึ้น สำหรับการส่งออกคาดว่าจะฟื้นตัวได้ เร็วขึ้นตามการผลิตที่จะกลับเป็นปกติได้เร็วกว่าที่คาด นอกจากนี้ แรงกระตุ้นจากภาครัฐ รวมทั้งภาวะการเงินที่ยังเอื้ออำนวย จะเป็นแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องต่อไป
อัตราเงินเฟ้อในเดือนเมษายนชะลอลง ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานสูงในปีก่อนและการลดลงของราคาอาหารสดบางชนิดเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูงและการปรับค่าจ้าง ขั้นต่าที่เริ่มทยอยเห็นผลภายใต้ภาวะอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด อาจเอื้อให้มีการส่งผ่านต้นทุน ที่สูงขึ้นไปยังราคาสินค้าและบริการเร็วขึ้น ทาให้แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีอยู่ในระยะข้างหน้า
คณะกรรมการฯ ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่อนคลายลงในช่วงที่ผ่านมามีส่วนช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างน่าพอใจและเร็วกว่าที่คาด แต่ก็ยังมีความเสี่ยง อยู่บ้างโดยเฉพาะจากปัจจัยต่างประเทศ ในขณะที่ภาวะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังเป็นระดับที่เหมาะสมในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องให้เข้าสู่ภาวะปกติ และสอดคล้องกับการรักษาเงินเฟ้อในกรอบเป้าหมาย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อมูลเพิ่มเติม : ทีมกลยุทธ์นโยบายการเงิน 1 โทร: 0-2283-5621, 0-2283-6186 e-mail: MonetaryPolicyStrategyTeam@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย