ฉบับที่ 38/2555
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อรวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไปเพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
เศรษฐกิจโลกโดยรวมมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากความเปราะบางของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในภาคการจ้างงานและการบริโภค และความล่าช้าของการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของกลุ่มประเทศยูโร ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเอเชียและเศรษฐกิจจีนผ่านการส่งออกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อโลกลดลงตามอุปสงค์ที่อ่อนลง ทำให้ธนาคารกลางในบางประเทศสามารถดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อดูแลความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากเหตุการณ์น้ำท่วมและกลับเข้าสู่ระดับปกติ โดยอุปสงค์ในประเทศมีแรงสนับสนุนจากภาวะการเงินที่ผ่อนคลาย สินเชื่อภาคเอกชนที่ขยายตัวสูง ภาวะการจ้างงานที่อยู่ในเกณฑ์ดี รวมทั้งนโยบายกระตุ้นของภาครัฐที่มีอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนขยายตัวได้ต่อไป แต่ภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่รุนแรงกว่าที่เคยคาดไว้ ทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมจะขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิม ในขณะเดียวกัน แรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศอ่อนลง โดยประมาณการเงินเฟ้อในระยะต่อไปอยู่ในกรอบเป้าหมาย
คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวใกล้เคียงกับศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย สะท้อนว่าการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในขณะนี้ยังมีความเหมาะสมคณะกรรมการฯ จึงมีมติ 5 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี โดย 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อปี ทั้งนี้ เสียงส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินในขณะนี้อยู่ในภาวะผ่อนปรนเพียงพอที่จะสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศในระยะต่อไป และสามารถรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ จะติดตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์ในประเทศอย่างใกล้ชิด และพร้อมดำเนินนโยบายที่เหมาะสมตามความจำเป็น
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อมูลเพิ่มเติม : ทีมกลยุทธ์นโยบายการเงิน 1 โทร: 0-2283-5621, 0-2283-6186
e-mail: MonetaryPolicyStrategyTeam@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย