ฉบับที่ 19/2555
ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้เดือนกันยายน 2555 ขยายตัวตามการผลิตภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งผลผลิตยางและปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดมาก ขณะเดียวกันการลงทุนและการอุปโภคบริโภคขยายตัว สอดคล้องกับสินเชื่อการบริโภคส่วนบุคคลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไปตลาดหลักปรับตัวดีขึ้น และมีการขยายตลาดใหม่ไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวชะลอลง เนื่องจากเดือนนี้เป็นช่วงที่ชาวมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ทำให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียซึ่งเป็นตลาดหลักของภาคใต้ลดลง
ผลผลิตพืชผลเกษตรเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.2 ตามผลผลิตยางและปาล์มน้ำมัน ขณะที่ผลผลิตกุ้งเลี้ยงลดลงร้อยละ 31.7 เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดแคลนลูกกุ้ง สำหรับราคาสินค้าเกษตรลดลงร้อยละ 30.7 ตามราคายางที่ลดลงต่อเนื่องร้อยละ 34.1 และราคาปาล์มลดลงร้อยละ 12.6 จากผลผลิตออกมากและราคาตลาดโลกที่ลดลง ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลงร้อยละ 24.4
ขณะเดียวกันการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เป็นผลจากการผลิตอาหารทะเลแปรรูป และถุงมือยาง เพิ่มขึ้นตามความต้องการของประเทศคู่ค้าหลัก อาทิ ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ประกอบกับการผลิตน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นตามผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การผลิตยางแปรรูปลดลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของประเทศคู่ค้าหลัก ได้แก่ จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ส่วนการผลิตไม้แปรรูปลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน
ด้านมูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 20.3 ตามการลดลงของมูลค่าส่งออกสินค้าหลัก ได้แก่ ยางพารา ที่ลดลงร้อยละ 46.0 และสินค้าอื่นที่มีมูลค่าลดลง ได้แก่ ไม้ยางพาราแปรรูป สัตว์น้ำแช่แข็ง และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่มูลค่าส่งออกอาหารกระป๋องและถุงมือยาง เพิ่มขึ้น สำหรับการนำเข้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.4 ตามการเพิ่มขึ้นของเครื่องจักรและอุปกรณ์ และอุปกรณ์ก่อสร้าง ส่วนมูลค่าการนำเข้าสัตว์น้ำแช่แข็ง น้ำมันเชื้อเพลิง และน้ำยางสังเคราะห์ลดลง
สำหรับการลงทุนขยายตัวสูงขึ้น โดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 5.8 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่อนุญาตก่อสร้างทุกประเภท รวมทั้งยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์และมูลค่านำเข้าสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการอุปโภคบริโภคขยายตัวตามการเพิ่มขึ้นของการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ธุรกิจก่อสร้าง รวมทั้งธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ประกอบกับยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการภาครัฐ ทำให้ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 2.3
ขณะที่การท่องเที่ยวขยายตัวในอัตราชะลอลง เนื่องจากเดือนนี้เป็นช่วงที่ชาวมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ทำให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียซึ่งเป็นตลาดหลักของภาคใต้ลดลง อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจากประเทศจีน เกาหลี และรัสเซีย ยังเดินทางเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งนี้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้มีจำนวน 399,354 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 1.7 ทำให้อัตราการเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ร้อยละ 54.2 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนโดยปรับตัวลดลงในโรงแรมภาคใต้ชายแดน
รายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.0 ตามการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ สำหรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 ทั้งรายจ่ายประจำและลงทุน ตามการเบิกจ่ายเงินในหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจและเงินอุดหนุนทั่วไป
ส่วนเงินให้สินเชื่อขยายตัวร้อยละ 16.4 โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคล จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ นโยบายบ้านหลังแรกและรถยนต์คันแรก สำหรับเงินฝากขยายตัวร้อยละ 12.6 เนื่องจากธนาคารพาณิชย์เร่งระดมเงินฝากเพื่อรักษาฐานลูกค้าและรองรับการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อ
ด้านอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 3.89 เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 3.29 ในเดือนก่อน ตามราคาสินค้าในหมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาพลังงานสูงขึ้นผลจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ และฐานต่ำในช่วงเดือนเดียวกันปีก่อนจากการที่ภาครัฐมีนโยบายงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ประกอบกับมีการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบและสุรา ขณะที่ราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ตามการหดตัวของราคาเนื้อสัตว์ ทั้งเนื้อหมู เป็ด-ไก่สด และไข่ เนื่องจากปัญหาผลผลิตล้นตลาด
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้
ข้อมูลเพิ่มเติม : ส่วนเศรษฐกิจภาค โทรศัพท์ 0-7427-2000 ต่อ 4716
e-mail : Puangpeu@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย