แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนมกราคม 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 28, 2013 14:31 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนมกราคม 2556 ขยายตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนและปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย ตามการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ขยายตัว จากการปรับตัวดีขึ้นของรายได้ภาคเกษตรอีกทั้งแรงสนับสนุนจากสินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทำให้การค้าปลีกค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค และการค้ารถยนต์ยังขยายตัวดี ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐ แม้จะชะลอจากเดือนก่อนแต่งบลงทุนยังขยายตัวในหมวดการก่อสร้าง สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวดีในภาคการก่อสร้าง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ชะลอจากเดือนก่อนที่มีอัตราร้อยละ 3.77 ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีดังนี้

การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ในเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.0 สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ รวมทั้งการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เร่งตัวขึ้นตามปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนหน้า สอดคล้องกับยอดจดทะเบียนรถยนต์ที่ยังอยู่ในระดับสูงจากการที่บริษัทจำหน่ายรถยนต์ยังเร่งการส่งมอบรถยนต์ให้กับประชาชนที่ได้สั่งจองไวในปีก่อนสอดคล้องกับภาคการค้า โดยดัชนีการค้าเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25.7 ที่แม้จะชะลอลงบ้างจากการเร่งตัวในช่วงก่อนหน้า แต่ถือว่ายังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะการค้าปลีกในหมวดยานยนต์ การค้าส่งและการค้าปลีกในหมวดอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ยังคงขยายตัว โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในโครงการรถยนต์คันแรกเป็นสำคัญ รวมทั้งการขยายตัวของสินเชื่อ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินเชื่อเพื่อสังคมตามนโยบายของรัฐบาล รองลงมาเป็นสินเชื่อบุคคลสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในขณะที่ภาคเกษตรเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามราคามันสำปะหลัง ข้าวเปลือกเหนียว และอ้อยโรงงานที่หดตัวน้อยลง ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของผลผลิตยางพาราที่มีพื้นที่กรีดมากขึ้น ผลผลิตมันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้นจากการระบาดของเพลี้ยแป้งลดลง อย่างไรก็ตาม ข้าว และอ้อยโรงงานมีผลผลิตลดลงเนื่องจากประสบภัยแล้ง

การลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.7 สะท้อนจากพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 ทั้งการเพิ่มขึ้นของการก่อสร้างเพื่อการพาณิชย์และการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย สอดคล้องกับยอดจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 149.3 จากหมวดก่อสร้าง สำหรับการใช้จ่ายของภาครัฐ ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจ โดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.1 แม้จะชะลอลงจากเดือนก่อน แต่งบลงทุนยังเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 72.3 โดยเฉพาะในหมวดการก่อสร้างอาคารและถนน ขณะที่งบประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากหมวดเงินเดือนเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม การผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ลดลง ขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรมน้ำตาล และอุตสาหกรรมผลิตมันสำปะหลังขยายตัว สำหรับภาคบริการ อัตราการเข้าพักแรมอยู่ที่ร้อยละ 46.3 ลดลงจากเดือนก่อนที่มีอัตราการเข้าพักแรมอยู่ที่ร้อยละ 48.6

เสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 3.77 ตามราคา น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.32 ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 1.85 สำหรับอัตราการว่างงานเดือนธันวาคม 2555 อยู่ที่ร้อยละ 0.6 เร่งขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.2 ธนาคารแห่งประเทศไทย

สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข้อมูลเพิ่มเติม : ส่วนเศรษฐกิจภาค

โทร: 0 4333 3000 ต่อ 3410

E-mail: Rotelakp@bot.or.th

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ