ภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคเหนือเดือนกันยายน 2556 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยการท่องเที่ยว การส่งออก และผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัวดี การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่การบริโภคอุปโภคภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ หดตัวน้อยลง มีเพียงการลงทุนภาคเอกชนที่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง เสถียรภาพเศรษฐกิจของภาคเหนืออยู่ในเกณฑ์ดีมาก ทั้งอัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานต่ำ สินเชื่อและเงินฝากชะลอตัว
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือ มีดังนี้
ภาคอุปทานขยายตัว โดยการท่องเที่ยวขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเข้ามาท่องเที่ยวของชาวจีนจำนวนมาก ผลผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 ตามผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวนาปี เนื่องจากการขยายพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรประกอบกับผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น เพราะสภาพอากาศเอื้ออ่านวย ส่วนราคาสินค้าเกษตรลดลงร้อยละ 6.1 จากราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวเปลือกนาปี เพราะปริมาณผลผลิตในตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการซื้อชะลอลง ทำให้รายได้เกษตรกรหดตัวร้อยละ 3.6 ทางด้านดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ 0.5 จากการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ใน Smart Phone, Tablet และเป็นส่วนประกอบอุปกรณ์ในรถยนต์ นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการย้ายฐานการผลิตบางส่วนจากต่างประเทศมาผลิตที่โรงงานในภาคเหนือ รวมทั้งการผลิตเครื่องประดับเทียมเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ
ภาคอุปสงค์ส่วนใหญ่หดตัวน้อยลง โดยการเบิกจ่ายงบประมาณผ่านคลังจังหวัดมีจำนวน 18,338.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.9 ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 จากผลของฐานสูงในปีก่อนที่มีเงินตกเบิกจากการปรับเพิ่มเงินเดือนและเงินประจ่าตำแหน่งของข้าราชการ ประกอบกับการโอนเงินให้กับหน่วยงานท้องถิ่นลดลงหลังจากเร่งโอนมากในช่วงก่อนหน้า รวมทั้งโครงการก่อสร้างหลายโครงการมีความล่าช้าทำให้การเบิกจ่ายในหมวดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลดลง ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัวร้อยละ 9.5 เมื่อเทียบกับฐานปีก่อนที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับภาวะการก่อสร้างชะลอลงหลังจากหลายโครงการแล้วเสร็จ โดยเครื่องชี้สำคัญลดลง ได้แก่ มูลค่านำเข้าเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ ยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลงร้อยละ 28.9, 12.8 และ 1.8 ตามลำดับ การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนหดตัวเล็กน้อยร้อยละ 0.5 ตามการลดลงของยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ ประกอบกับยอดจำหน่ายสินค้าส่งและปลีกลดลงเล็กน้อยโดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย เนื่องจากการระมัดระวังการใช้จ่ายและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจและมีภาระหนี้เพิ่มขึ้น
การส่งออกมีมูลค่า 388.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 3.6 จากการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องประดับไปกลุ่มประเทศยุโรป และการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคและน้ำมันเชื้อเพลิงไปเมียนมาร์และลาว ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 141.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. หดตัวร้อยละ 3.1 ตามการนำเข้าสินค้าทุน ผักและผลไม้จากจีน
เสถียรภาพในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 2.14 ทรงตัวจากเดือนก่อน ส่วนอัตราการว่างงานปรับลดลงเหลือร้อยละ 0.3 ทางด้านจำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ภาคการเงินชะลอตัว โดยเงินให้สินเชื่อ ของสาขาธนาคารพาณิชย์ เพียงสิ้นเดือนสิงหาคม 2556 มียอดคงค้าง 543,886 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 21.3 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อในธุรกิจประเภท เช่าซื้อรถยนต์ค้าปลีกค้าส่งค้าพืชไร่ แปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ เงินฝาก มีจำนวน561,403 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.8 ชะลอลงจากร้อยละ 10.1 เดือนก่อน จากการถอนเงินของหน่วยงานราชการบางแห่งเพื่อนำไปจัดซื้อจัดจ้าง
ภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ปี 2556 ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนและระยะเดียวกันปีก่อน โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนลดลงโดยเฉพาะยอดจำหน่ายสินค้าในหมวดยานยนต์ เพราะไม่มีมาตรการกระตุ้นเช่นปีก่อนประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจและภาระหนี้สูงขึ้น การลงทุนของเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากผลของฐานสูงในปีก่อนเป็นสำคัญ ด้านการผลิตสินค้าเกษตรลดลงตามผลผลิตพืชสำคัญ อาทิ ข้าวนาปรังลำไย สับปะรด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนและปริมาณน้ำน้อย ขณะที่การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมลดลงตามการผลิตเครื่องดื่ม เสื้อผ้าสำเร็จรูป เลนส์กล้องถ่ายภาพประเภทคอมแพค และส่วนประกอบฮาร์ดิสไดร์ฟอย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวขยายตัวดี เนื่องจากการเข้ามาท่องเที่ยวของชาวจีนและการเข้ามาทัศนศึกษาของกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากภาคอื่น การส่งออกขยายตัวต่อเนื่องจากการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคและน้ำมันเชื้อเพลิงไปประเทศเพื่อนบ้าน ทางด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจของภาคเหนืออยู่ในเกณฑ์ดีมาก จากอัตราการว่างงานและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ เงินฝากและเงินให้สินเชื่อชะลอตัวแม้ขยายตัวสูง
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ
ข้อมูลเพิ่มเติม : ทวีศักดิ์ ใจคำสืบ
โทร. 0 5393 1162
e-mail : Thaveesc@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย