แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนธันวาคม 2556

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 31, 2014 12:55 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ฉบับที่ 01/2557

ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนธันวาคม 2556 ยังคงชะลอลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนจากการลดลงทั้งการบริโภคและการลงทุน ประกอบกับรายได้ของเกษตรกรที่ลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้ภาคการค้ายังคงลดลง โดยเฉพาะการค้ารถยนต์ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจยังได้รับอานิสงส์จากการใช้จ่ายของภาครัฐเพิ่มขึ้นรวมทั้งการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ แม้จะชะลอลงแต่ยังขยายตัวระดับสูง สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 2.25 และอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีดังนี้

การบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ1.7 และลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน สะท้อนจากยอดจดทะเบียนรถยนต์ที่ลดลง เนื่องจากผลของโครงการรถยนต์คันแรกส่งผลให้ฐานสูงในปีก่อน สอดคล้องกับภาคการค้า โดยดัชนีการค้าลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.2 และยังคงลดลงต่อเนื่อง ตามการค้าปลีกรถยนต์เป็นสำคัญ ขณะที่การค้าส่งชะลอลงตามการค้าส่งวัตถุดิบทางการเกษตร สำหรับการบริโภคสินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มชะลอลง ตามกำลังซื้อของประชาชนที่ชะลอลงจากภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น พิจารณาจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับต่ำที่ 38.7 และลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ระดับ 40.5

การลงทุนภาคเอกชน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.9 แต่หดตัวน้อยลงจากเดือนก่อนตามการก่อสร้างที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นบ้าง จากการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์ สอดคล้องกับยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่หดตัวน้อยลง อย่างไรก็ตาม ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาการก่อสร้างยังคงทรงตัว สำหรับความสนใจลงทุนในระยะต่อไปของนักลงทุนมีแนวโน้มลดลง ส่วนหนึ่งจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศเป็นสำคัญ

การใช้จ่ายของภาครัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.0 และปรับตัวดีขึ้นจากที่หดตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน เนื่องจากมีการโอนเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้กับสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพิ่มขึ้น โดยรายจ่ายงบประจำเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 27.0 ขณะที่รายจ่ายงบลงทุนลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25.2 จากรายจ่ายหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้างเป็นสำคัญ

ภาคเกษตรกรรม ดัชนีมูลค่าผลผลิตพืชสำคัญ ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อยร้อยละ 0.6 เป็นผลจากราคาที่ลดลง ขณะที่ผลผลิตชะลอลง โดยดัชนีราคาพืชสำคัญลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.2 และลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามการลดลงของทั้งข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวเนื่องจากปริมาณข้าวในตลาดเพิ่มขึ้นตามผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ราคาอ้อยโรงงานลดลง เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้นและราคาน้ำตาลโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับดัชนีผลผลิตพืชสำคัญเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.8 แต่ชะลอลงจากเดือนก่อน ตามผลผลิตมันสำปะหลังและยางพาราขณะที่ผลผลิตข้าวและอ้อยโรงงานเพิ่มขึ้น

การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.2 แม้ยังคงลดลงแต่เริ่มปรับตัวดีขึ้นบ้าง เนื่องจากการผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาลเพิ่มขึ้น ทั้งการผลิตน้ำตาลทรายดิบและน้ำตาลทรายขาว ตามความต้องการใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มภายในประเทศเป็นหลัก ส่วนการผลิตในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อยู่ระดับทรงตัว จากความต้องการที่มีแนวโน้มลดลง ขณะที่การผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ยังคงลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากสต็อกสินค้าในโรงงานบางแห่งยังคงมีอยู่ในระดับสูง ส่วนหนึ่งจากความต้องการบริโภคที่ชะลอลง จากราคาขายปลีกสูงขึ้นสำหรับภาคบริการ อัตราการเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ร้อยละ 48.8 ใกล้เคียงกับเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราการเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ร้อยละ 48.5

ภาคการเงิน ธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2556 ธนาคารพาณิชย์มีเงินฝากคงค้าง 590.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.7 แต่ชะลอตัวจากเดือนตุลาคม ส่วนเงินให้สินเชื่อมียอดคงค้าง 763.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.0 ขยายตัวใกล้เคียงกับเดือนตุลาคมโดยอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 129.3 สำหรับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ มีเงินฝากคงค้าง 319.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.5 แต่ชะลอตัวจากเดือนตุลาคมตามเงินฝากของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นสำคัญ ด้านเงินให้สินเชื่อมียอดคงค้าง 939.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของก่อนร้อยละ 8.7 แต่ชะลอลงจากเดือนตุลาคม ตามการชะลอลงของเกือบทุกธนาคาร โดยอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 294.5

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 2.25 ชะลอลงจากเดือนก่อนตามราคาผักสด เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ ปลา และสัตว์น้ำ เป็นสำคัญ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.49 ขยายตัวจากเดือนก่อนเล็กน้อย ตามราคาอาหารสำเร็จรูปบริโภคนอกบ้าน สำหรับอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.5

ธนาคารแห่งประเทศไทย

สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข้อมูลเพิ่มเติม : ส่วนเศรษฐกิจภาค

โทร: 0 4333 3000 ต่อ 3410

E-mail: Rotelakp@bot.or.th

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ