ฉบับที่ 18/2558
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ ได้จัดสัมมนาทางวิชาการ ประจำปี 2558 เรื่อง “อนาคตเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก” ในวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2558 เวลา 13.00 – 17.00 น. ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองด้านเศรษฐกิจ แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ ตลอดจนการปรับตัวของภาคธุรกิจ โดยมี ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ความท้าทายในการดาเนินนโยบายการเงินในอนาคต”
จากนั้นเป็นการเสวนาเรื่อง “อนาคตเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก” ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ได้แก่ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) คุณกลินท์ สารสิน รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และ ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง โดยมี คุณวจีทิพย์ พงษ์เพ็ชร ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ เป็นผู้ดำเนินการเสวนา โดยผลการเสวนาสรุปได้ดังนี้
สาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตต่า มาจากการมุ่งเน้นแก้ปัญหาในระยะสั้น โดยขาดการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว และท่ามกลางความท้าทายมากมายที่ประเทศไทยต้องเผชิญ อาทิ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โครงสร้างการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลง ข้อบังคับต่าง ๆ ในระดับนานาชาติที่เข้มข้นมากขึ้น ผลิตภาพการผลิตที่อยู่ในระดับต่ำ
สำหรับแนวทางการพัฒนาที่สาคัญ คือ การวางยุทธศาสตร์ประเทศ เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่าประเทศไทยจะเดินไปทางไหน จากนั้น จึงเป็นบทบาทหน้าที่ของแต่ละภาคส่วน เริ่มจากภาครัฐที่ต้องดำเนินการ 2 เรื่องใหญ่ ได้แก่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับปรุงประสิทธิภาพภาครัฐ ทั้งในด้านความโปร่งใส และด้านกฎระเบียบต่างๆ ขณะที่ภาคธุรกิจ ต้องเพิ่มผลิตภาพการผลิต ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ ผ่านการพัฒนาทักษะแรงงาน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี รวมถึงการวิจัยและพัฒนา (R&D) ส่วนภาคการเงินต้องพัฒนาการให้บริการ เพื่อลดต้นทุนในการทำธุรกรรม และเอื้อให้ผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น นอกจากนั้น สิ่งที่ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันสร้างขึ้นมา คือ ประชาคมทางนโยบาย (Policy Community) ซึ่งจะช่วยให้ความเห็นของคนในสังคมมีเสถียรภาพ นาไปสู่การดำเนินนโยบายที่ต่อเนื่อง
ดังนั้น การประสานความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยมีเป้าหมายชาติร่วมกัน จึงเป็นกลไกหลักที่จะปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ “ภาคเอกชนต้องเดินหน้า โดยมีภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน” เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง นำไปสู่การก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ควบคู่ไปกับการลดความเหลื่อมล้าในสังคม
ธนาคารแห่งประเทศไทย สานักงานภาคใต้
ข้อมูลเพิ่มเติม: ส่วนเศรษฐกิจภาค
โทรศัพท์ 0 7427 2000 ต่อ 4735
E-mail: JutaporK@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย