ฉบับที่ 53/2558
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน สายนโยบายสถาบันการเงินเปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ปี 2558 ว่าระบบธนาคารพาณิชย์มีเสถียรภาพสินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ขณะที่เงินสำรองและเงินกองทุนยังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าสัดส่วน NPL จะเร่งตัวขึ้นจากลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม และส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับ NPL ของลูกหนี้รายใหญ่ที่เพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ตามการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้นเล็กน้อยส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 โดยขยายตัวที่ร้อยละ 5.3 จากระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.6 ในไตรมาสก่อน
สินเชื่อธุรกิจ (ร้อยละ 68.5 ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวร้อยละ 4.3 จากระยะเดียวกันปีก่อนโดยขยายตัวสูงขึ้นในภาคบริการ ธุรกิจการเงิน ก่อสร้างและพาณิชย์ สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัวร้อยละ 3.7 เพิ่มขึ้นมากจากที่ขยายตัวค่อนข้างต่ำที่ร้อยละ 0.7 ในไตรมาสก่อน สินเชื่อ SME ขยายตัวร้อยละ 4.9 ชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 5.2 ณ สิ้นไตรมาสก่อนจากสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก สินเชื่ออุปโภคบริโภค (ร้อยละ 31.5 ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวชะลอลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 7.5 โดยชะลอตัวในสินเชื่อเกือบทุกประเภทขณะที่สินเชื่อรถยนต์หดตัวน้อยลงที่ร้อยละ 2.7
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPL) มียอดคงค้าง 360.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 48.9 พันล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้นในสินเชื่อทุกประเภทโดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จากกรณีลูกหนี้บางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ถูกจัดชั้นเป็น NPL ส่งผลให้สัดส่วน Gross NPL ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.78 จากร้อยละ 2.38 ในไตรมาสก่อน สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention Loan :SM) มียอดคงค้างทั้งสิ้น 309.8 พันล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 45.8 พันล้านบาท ทำให้สัดส่วน SM ต่อสินเชื่อรวมลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.39 จากร้อยละ 2.72 ณ สิ้นไตรมาสก่อน ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์มีการกันสำรองสำหรับสินเชื่อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเงินสำรองของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเป็น445.6 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 11.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตาม เงินสำรองเพิ่มขึ้นน้อยกว่าNPL ของลูกหนี้รายใหญ่ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ส่งผลให้สัดส่วนเงินสำรองที่มีต่อเงินสำรองพึงกันลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 153.9
ระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลง ในไตรมาส 3 ปี 2558 ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิ 50.1 พันล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิหดตัวร้อยละ 1.1 ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากเงินปันผลและการขายเงินลงทุน ผลของการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นมากในไตรมาสนี้ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets : ROA) ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 1.2
ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,194.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการจัดสรรกำไรครึ่งแรกของปี 2558 เป็นเงินกองทุน การเพิ่มทุนและการออกตราสารที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (Tier-2)ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier-1 ratio)เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 17.3 และร้อยละ 14.4 ตามลำดับ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อมูลเพิ่มเติม: ทีมวิเคราะห์ฐานะและสินเชื่อ
โทร. 0 2283 5980
e-mail: FP&LATeam@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย