ฉบับที่ 57/2558
ธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดเผยผลการหารือร่วมกันระหว่าง กนง. และ กนส. ครั้งที่ 2/2558 โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
ที่ประชุมเห็นว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและไทยที่ช้ากว่าคาด ส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของภาคเอกชน โดยเฉพาะครัวเรือนภาคเกษตร และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) อย่างไรก็ดี ฐานะการเงินของภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับสถาบันการเงินมีความเข้มแข็งจากเงินกองทุนและการกันสารองที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งจะช่วยรองรับความเสี่ยงจากการด้อยลงของคุณภาพสินทรัพย์ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะมีส่วนช่วยภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบได้บ้าง และหากโครงการลงทุนขนาดใหญ่สามารถดาเนินการได้ตามกาหนดจะมีส่วนสนับสนุน การขยายตัวของเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ที่ประชุมประเมินว่า ยังคงปรากฏพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (Search for yield) ภายใต้สภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำแต่ผลกระทบจากพฤติกรรมดังกล่าวต่อเสถียรภาพของระบบการเงินยังคงมีจำกัด นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นว่าสหกรณ์ออมทรัพย์มีขนาดของสินทรัพย์เติบโตขึ้นและมีแนวโน้มการดำเนินงานที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นการสะสมความเปราะบางในระบบการเงิน จึงควรติดตามการปรับปรุงกรอบการกำกับดูแลระบบสหกรณ์ออมทรัพย์ในช่วงต่อไป
สำหรับความไม่แน่นอนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อความผันผวนในตลาดการเงินรวมทั้งตลาดอัตราแลกเปลี่ยน แต่เสถียรภาพภาคต่างประเทศของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี และสามารถรองรับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศของภาคธุรกิจส่วนใหญ่เป็นหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งมีรายได้ในรูปเงินตราต่างประเทศและมีการใช้เครื่องมือทางการเงินในการป้องกัน ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในเกณฑ์ดี
ที่ประชุมเห็นว่า ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น แต่หากในระยะต่อไปเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้าและจากัดเฉพาะบางภาคเศรษฐกิจ อาจทำให้ภาคเอกชนบางกลุ่ม เช่น ครัวเรือนภาคเกษตร และ กลุ่มธุรกิจ SMEs ซึ่งมีความเปราะบางอยู่แล้วได้รับผลกระทบมากขึ้น จึงควรให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมและปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อมูลเพิ่มเติม : ทีมเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน 1-2 โทร: 0-2283-6197, 0-2356-7089
e-mail: MacroSurveillanceTeam@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย