ฉบับที่ 3/2560
เรื่อง แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเดือนธันวาคมและไตรมาสที่ 4 ปี 2559
เศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม 2559 ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวสูงทั้งรายจ่ายประจำและลงทุน และมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้น สอดคล้องกับการผลิตในอุตสาหกรรมเพื่อ การส่งออกและการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวกลับมาขยายตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ได้รับผลดีจากมาตรการยกเว้นและลดค่าธรรมเนียมวีซ่าชั่วคราวสำหรับบางประเทศ ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนโดยรวมปรับดีขึ้นตามความเชื่อมั่นผู้บริโภค และผลของมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงปลายปี สำหรับการลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางปรับดีขึ้นต่อเนื่องแต่ยังกระจุกตัวอยู่ในบางธุรกิจ
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศเป็นสำคัญ สำหรับอัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลทรงตัวจากเดือนก่อน ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่องจากทั้งดุลการค้า และดุลบริการ รายได้ และเงินโอน
การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวทั้งรายจ่ายประจำและลงทุน และยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพื่อการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขณะที่รายจ่ายลงทุนขยายตัวจากโครงการคมนาคมและระบบชลประทานที่เร่งเบิกจ่ายได้มากตามผลของมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กและการเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณ ด้านรายได้จัดเก็บของรัฐบาลหดตัวจากรายได้ที่ไม่ใช่ภาษีเป็นสำคัญเนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อนซึ่งมีการนำส่งรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 4G แต่หากหักผลดังกล่าว รายได้จัดเก็บของรัฐบาลยังขยายตัวได้ตามภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เพิ่มขึ้นจากกำไรส่งกลับของบริษัทต่างชาติในไทย
มูลค่าการส่งออกสินค้าฟื้นตัวชัดเจนขึ้น โดยในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 5.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน จาก 1) อุปสงค์ต่างประเทศในหลายสินค้าปรับดีขึ้นต่อเนื่อง อาทิ แผงวงจรรวม (IC) เพื่อผลิตสมาร์ทโฟน รถยนต์และอุปกรณ์เพื่อรองรับ Internet of Things (IoT) สอดคล้องกับการขยายกำลังการผลิตในช่วงก่อนหน้า เครื่องใช้ไฟฟ้าขยายตัวตามการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปยังอินเดีย ประเทศในตะวันออกกลาง และเวียดนาม และการส่งออกแผงกำเนิดไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังสหรัฐฯ 2) อุปสงค์ที่เร่งขึ้นชั่วคราวจากการเร่งนำเข้าสินค้าจากจีน อาทิ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางเพื่อใช้ผลิตยางล้อไปสหรัฐฯ และ 3) สินค้าที่ราคาส่งออกเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นหลังจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันบรรลุข้อตกลงการลดกำลังการผลิต และปริมาณ ที่ขยายตัวจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าปิโตรเคมีไปจีน ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเล็กน้อยตามการผลิตในหลายหมวดสินค้าสอดคล้องกับภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม การผลิตในกลุ่มยานยนต์หดตัวสูงเนื่องจากผู้ผลิตบางรายหยุดการผลิตเพื่อปรับเปลี่ยนสายการผลิตเป็นรถยนต์รุ่นใหม่
สำหรับมูลค่าการนำเข้าสินค้าขยายตัวสูงที่ร้อยละ 10.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการขยายตัวในทุกหมวด โดยเฉพาะหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ขยายตัวตัวสูงต่อเนื่องโดยการนำเข้าเชื้อเพลิงขยายตัวจากทั้งปริมาณเนื่องจากฐานที่ต่ำในระยะเดียวกันปีก่อน และราคาที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ การนำเข้าโลหะขยายตัวตามการผลิตเหล็กแผ่นสำเร็จรูปเพื่อใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและเตรียมผลิตรถยนต์ และการนำเข้าชิ้นส่วนแผงวงจรรวม พลาสติก และเคมีภัณฑ์ขยายตัวต่อเนื่องสอดคล้องกับแนวโน้มการส่งออกของสินค้าดังกล่าว
ภาคการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่กลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ 1.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน และเมื่อขจัดผลของฤดูกาลจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 จากเดือนก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ปรับดีขึ้นบ้างหลังการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมายในช่วงก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการยกเว้นและลดค่าธรรมเนียมวีซ่าเป็นการชั่วคราวสำหรับบางประเทศโดยเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559
การบริโภคภาคเอกชนโดยรวมปรับดีขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคด้านรายได้ในอนาคต สอดคล้องกับภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนหดตัวจากผลของฐานที่สูงในระยะเดียวกันปีก่อนจากการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนมีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตในเดือนมกราคม 2559
การลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนภาคการก่อสร้างและการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ อย่างไรก็ดี ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนและกระจุกตัวอยู่ในธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจบริการและขนส่ง และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกับการส่งออกและการก่อสร้างของภาครัฐ
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 1.13 เร่งสูงขึ้นจากร้อยละ 0.60 ในเดือนก่อนตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวตามต้นทุนโดยรวมและแรงกดดันจากอุปสงค์ในประเทศยังต่ำ อัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลทรงตัวจากเดือนก่อน ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่องจากทั้งดุลการค้าตามมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ยังขยายตัว และดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ตามรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้นสอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สำหรับดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจาก 1) การนำเงินออกไปฝากในต่างประเทศของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) โดยเฉพาะในฮ่องกง มาเก๊า และจีน และ 2) การออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของภาคธุรกิจไทย (TDI) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้เงินกู้ยืมแก่บริษัทในเครือธุรกิจอาหารในสหรัฐฯ
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ขยายตัวต่อเนื่อง โดยการใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้ามีทิศทางฟื้นตัวชัดเจนขึ้นทั้งด้านราคาและปริมาณ สอดคล้องกับการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวชะลอลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนโดยรวมชะลอลงจากปัจจัยชั่วคราวในประเทศ อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐในช่วงปลายปีมีส่วนช่วยพยุงการบริโภคภาคเอกชนได้บางส่วน ด้านการลงทุนภาคเอกชนหดตัวในอัตราที่ลดลงแต่ยังจำกัดอยู่ในบางธุรกิจโดยเฉพาะภาคบริการ พลังงานทดแทนอุตสาหกรรมที่การส่งออกปรับดีขึ้น ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศและราคาอาหารสด อัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับต่าขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่องจากดุลการค้าตามมูลค่าการส่งออกที่ปรับดีขึ้น
ธนาคารแห่งประเทศไทย
31 มกราคม 2560
ข้อมูลเพิ่มเติม: ทีมเศรษฐกิจมหภาค
โทร. 0 2283 5648, 0 2283 5639
e-mail: MPGMacroEconomics@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย