ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนตุลาคม 2550 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยอุปสงค์ในประเทศปรับตัวดีขึ้นสอดคล้องกับการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกขยายตัวในเกณฑ์สูง ในด้านอุปทาน ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นจากเดือนก่อน เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี อย่างไรก็ดี ดัชนีผลผลิตพืชผลสำคัญลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะ ข้าวนาปี จากภาวะอุทกภัยที่ทำให้มีการเร่งเก็บเกี่ยวข้าวในปีก่อน ทำให้ฐานการคำนวณสูง ขณะที่ดัชนีราคาพืชผลสำคัญขยายตัว ในอัตราที่ชะลอลง ส่งผลให้ดัชนีรายได้เกษตรกรชะลอลงจากเดือนก่อน สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง โดย ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลและเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้นบ้างจากผลของ ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนตุลาคม ปี 2550 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) ในเดือนตุลาคม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 12.2 จากระยะ เดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนตามการขยายตัวของการส่งออกและการใช้จ่ายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยหมวดที่ขยายตัวสูงได้แก่ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ และ หมวดยานยนต์ และการผลิตในหมวดเครื่องดื่ม ตามการผลิตเบียร์ที่มีการเร่งผลิตเพื่อรองรับเทศกาล ช่วงปลายปีและเพื่อเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 77.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 76.3 ในเดือนก่อน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยเครื่องชี้ในหมวดสินค้าคงทน ปรับดีขึ้นทั้งปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งที่ขยายตัวดีและปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่หดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ในขณะที่เครื่องชี้ในหมวดสินค้าไม่คงทนทุกตัวยังขยายตัวเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะมูลค่าการนำเข้าสินค้า อุปโภคบริโภค ณ ราคาคงที่ ซึ่งขยายตัวเร่งขึ้นมาก และปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ยังคงขยายตัว แม้ราคาขายปลีกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 2.0 ปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่หดตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี จากการนำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ที่เร่งขึ้นและปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ขยายตัวในเกณฑ์สูง
3. ภาคการคลัง ในเดือนตุลาคม 2550 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 132.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.1 โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 ตามภาษีจากฐานรายได้ สำหรับภาษีฐานการบริโภคขยายตัวเพิ่มขึ้นตามภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าและอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี ภาษีสรรพสามิตหดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามการลดลงของภาษีสุรา และ ยาสูบ ที่มีการเร่งผลิตในช่วงก่อนหน้า สำหรับรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นตามการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ในเดือนนี้รัฐบาลขาดดุลเงินสด 39.8 พันล้านบาท เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนลดลง 48.3 พันล้านบาท อยู่ที่ 94.5 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ ในเดือนตุลาคม ดุลการค้า เกินดุล 1,440 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมูลค่าการส่งออกเท่ากับ 14,477 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.9 เป็นการขยายตัวเร่งขึ้นในเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์โลหะและพลาสติก และเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า รวมทั้งสินค้าเกษตรที่ส่งออกได้ดีตามการส่งออกข้าว ยางพาราและมันสำปะหลัง สำหรับการนำเข้ามีมูลค่า 13,037 ล้านดอลลาร์สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.2 เร่งขึ้นเช่นกัน ทั้งหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค หมวดวัตถุดิบที่เร่งขึ้นตามการส่งออก หมวดสินค้าทุนตามการนำเข้าเครื่องจักรและชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ รวมทั้ง ในเดือนนี้ยังมีการนำเข้าเครื่องบินจำนวน 1 ลำ และรถไฟฟ้า Airport link ส่วนการนำเข้าในหมวดเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เพิ่มขึ้นตามการนำเข้าน้ำมันเบนซิน และก๊าซธรรมชาติ เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ที่เกินดุล 435 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากดุลการท่องเที่ยวที่เกินดุลเพิ่มขึ้นและการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชนที่ลดลง ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 1,876 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 1,231 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2550 อยู่ที่ระดับ 82.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิ จำนวน 16.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนตุลาคม 2550 อยู่ที่ร้อยละ 2.5 เร่งขึ้นจากเดือนก่อน จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้า ในหมวดพลังงานเป็นสำคัญ โดยในเดือนนี้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลปรับเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 1.20 และ 0.80 บาท ตามลำดับ ขณะที่ราคาในหมวดอาหารสดชะลอลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.0 สูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน จากการปรับขึ้นราคาอาหารบริโภคนอกบ้าน เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ค่าโดยสารสาธารณะและราคาในหมวดยานพาหนะ ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 เร่งขึ้นมากจากเดือนก่อน จากราคาผลผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมัน
6. ภาวะการเงิน ในเดือนตุลาคม 2550 เงินฝากของสถาบันรับฝากเงิน* (Depository Corporations) ขยายตัวร้อยละ 3.5 โดยยังอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 2.4 ตามการขยายตัวของสินเชื่อที่ให้แก่ครัวเรือนแต่สินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจยังหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money) ขยายตัวร้อยละ 3.3
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ทั้งอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี และทรงตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนเดือนสิงหาคม เนื่องจาก กนง. ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุมเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2550
7. ค่าเงินบาทและดัชนีค่าเงินบาท ในเดือนตุลาคม ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 34.17 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ สรอ. เป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี ในภาพรวมค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลภูมิภาคและค่าเงินสกุลหลักบางสกุล เช่น ยูโร ส่งผลให้ ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ในเดือนตุลาคม อยู่ที่ระดับ 77.47 อ่อนลงจากระดับ 78.28 ในเดือนก่อน ในช่วงวันที่ 1-26 พฤศจิกายน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเดือนตุลาคม โดยเคลื่อนไหวในช่วงแคบ ๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 33.90 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ.
* สถาบันรับฝากเงิน หมายถึง สถาบันรับฝากเงินทุกประเภท ยกเว้น ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อมูลเพิ่มเติม: พรรณพิลาส เรืองวิสุทธิ์ โทร. 0-2283-5648, 0-2283-5639 e-mail: punpilay@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนตุลาคม ปี 2550 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) ในเดือนตุลาคม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 12.2 จากระยะ เดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนตามการขยายตัวของการส่งออกและการใช้จ่ายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยหมวดที่ขยายตัวสูงได้แก่ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ และ หมวดยานยนต์ และการผลิตในหมวดเครื่องดื่ม ตามการผลิตเบียร์ที่มีการเร่งผลิตเพื่อรองรับเทศกาล ช่วงปลายปีและเพื่อเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 77.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 76.3 ในเดือนก่อน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยเครื่องชี้ในหมวดสินค้าคงทน ปรับดีขึ้นทั้งปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งที่ขยายตัวดีและปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่หดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ในขณะที่เครื่องชี้ในหมวดสินค้าไม่คงทนทุกตัวยังขยายตัวเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะมูลค่าการนำเข้าสินค้า อุปโภคบริโภค ณ ราคาคงที่ ซึ่งขยายตัวเร่งขึ้นมาก และปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ยังคงขยายตัว แม้ราคาขายปลีกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 2.0 ปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่หดตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี จากการนำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ที่เร่งขึ้นและปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ขยายตัวในเกณฑ์สูง
3. ภาคการคลัง ในเดือนตุลาคม 2550 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 132.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.1 โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 ตามภาษีจากฐานรายได้ สำหรับภาษีฐานการบริโภคขยายตัวเพิ่มขึ้นตามภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าและอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี ภาษีสรรพสามิตหดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามการลดลงของภาษีสุรา และ ยาสูบ ที่มีการเร่งผลิตในช่วงก่อนหน้า สำหรับรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นตามการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ในเดือนนี้รัฐบาลขาดดุลเงินสด 39.8 พันล้านบาท เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนลดลง 48.3 พันล้านบาท อยู่ที่ 94.5 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ ในเดือนตุลาคม ดุลการค้า เกินดุล 1,440 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมูลค่าการส่งออกเท่ากับ 14,477 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.9 เป็นการขยายตัวเร่งขึ้นในเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์โลหะและพลาสติก และเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า รวมทั้งสินค้าเกษตรที่ส่งออกได้ดีตามการส่งออกข้าว ยางพาราและมันสำปะหลัง สำหรับการนำเข้ามีมูลค่า 13,037 ล้านดอลลาร์สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.2 เร่งขึ้นเช่นกัน ทั้งหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค หมวดวัตถุดิบที่เร่งขึ้นตามการส่งออก หมวดสินค้าทุนตามการนำเข้าเครื่องจักรและชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ รวมทั้ง ในเดือนนี้ยังมีการนำเข้าเครื่องบินจำนวน 1 ลำ และรถไฟฟ้า Airport link ส่วนการนำเข้าในหมวดเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เพิ่มขึ้นตามการนำเข้าน้ำมันเบนซิน และก๊าซธรรมชาติ เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ที่เกินดุล 435 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากดุลการท่องเที่ยวที่เกินดุลเพิ่มขึ้นและการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชนที่ลดลง ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 1,876 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 1,231 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2550 อยู่ที่ระดับ 82.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิ จำนวน 16.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนตุลาคม 2550 อยู่ที่ร้อยละ 2.5 เร่งขึ้นจากเดือนก่อน จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้า ในหมวดพลังงานเป็นสำคัญ โดยในเดือนนี้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลปรับเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 1.20 และ 0.80 บาท ตามลำดับ ขณะที่ราคาในหมวดอาหารสดชะลอลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.0 สูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน จากการปรับขึ้นราคาอาหารบริโภคนอกบ้าน เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ค่าโดยสารสาธารณะและราคาในหมวดยานพาหนะ ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 เร่งขึ้นมากจากเดือนก่อน จากราคาผลผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมัน
6. ภาวะการเงิน ในเดือนตุลาคม 2550 เงินฝากของสถาบันรับฝากเงิน* (Depository Corporations) ขยายตัวร้อยละ 3.5 โดยยังอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 2.4 ตามการขยายตัวของสินเชื่อที่ให้แก่ครัวเรือนแต่สินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจยังหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money) ขยายตัวร้อยละ 3.3
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ทั้งอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี และทรงตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนเดือนสิงหาคม เนื่องจาก กนง. ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุมเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2550
7. ค่าเงินบาทและดัชนีค่าเงินบาท ในเดือนตุลาคม ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 34.17 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ สรอ. เป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี ในภาพรวมค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลภูมิภาคและค่าเงินสกุลหลักบางสกุล เช่น ยูโร ส่งผลให้ ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ในเดือนตุลาคม อยู่ที่ระดับ 77.47 อ่อนลงจากระดับ 78.28 ในเดือนก่อน ในช่วงวันที่ 1-26 พฤศจิกายน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเดือนตุลาคม โดยเคลื่อนไหวในช่วงแคบ ๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 33.90 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ.
* สถาบันรับฝากเงิน หมายถึง สถาบันรับฝากเงินทุกประเภท ยกเว้น ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อมูลเพิ่มเติม: พรรณพิลาส เรืองวิสุทธิ์ โทร. 0-2283-5648, 0-2283-5639 e-mail: punpilay@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--