ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ระดมความเห็นจากสถาบันการเงินเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ นายเกริก วณิกกุล
ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามในหนังสือเวียนส่งไปยัง ธพ.ทุกแห่ง เพื่อให้ตอบแบบสอบถามของ
ธปท.เกี่ยวกับความเห็นของสถาบันการเงิน ในเรื่องผลกระทบจากการใช้มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับตราสารทางการเงิน
3 ฉบับคือ IAS39, IAS32 และ IFRS71 ซึ่งครอบคลุมถึงการรับรู้รายการ การวัดมูลค่า การแสดงรายการ และการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงิน
ทั้งนี้ เพื่อให้ทราบถึงการเตรียมความพร้อมของสถาบันการเงินและปัญหาอุปสรรคต่างๆ ตลอดจนผลกระทบทางการเงินที่จะเกิดขึ้น โดยธปท.
จะนำข้อมูลที่ได้รับมาใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแล พร้อมทั้งกำหนดแนวทางในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนสถาบัน
การเงินต่อไป อนึ่ง ธปท.ได้จัดส่งบทศึกษา IAS39 ที่ ธปท.จัดทำขึ้น เพื่อให้สถาบันการเงินศึกษาและทำความเข้าใจ โดยสถาบันการเงินจะ
ต้องจัดส่งแบบสอบถามที่กรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว รวมทั้งความเห็นที่มีต่อบทศึกษาให้แก่ ธปท.ภายในวันศุกร์ที่ 18 ม.ค.51 (โลกวันนี้, ไทยรัฐ)
2. ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ก.ย.50 มีจำนวน 59,783 ล.ดอลลาร์ สรอ. รายงานข่าวจากธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยยอดหนี้ต่างประเทศล่าสุด ณ สิ้นเดือน ก.ย.50 หรือไตรมาส 3 ว่า มียอดคงค้างหนี้ต่างประเทศรวมทั้งสิ้น
59,783 ล.ดอลลาร์ สรอ. โดยหนี้ภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคารลดลง ในขณะที่ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศของภาคธนาคารเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการ
เพิ่มขึ้นของหนี้ระยะสั้น โดยสัดส่วนหนี้ระยะสั้นคิดเป็น 36.2% และหนี้ระยะยาวคิดเป็น 63.8% ทั้งนี้ เป็นหนี้ของภาครัฐบาลมียอดคงค้าง
2,201 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ ธปท.มียอดหนี้คงค้าง 344 ล.ดอลลาร์ สรอ. ในส่วนของภาคธนาคารมียอดหนี้ต่างประเทศคงค้างทั้งสิ้น
6,300 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนหนี้ต่างประเทศของภาคอื่นๆ มียอดคงค้างทั้งสิ้น 50938 ล.ดอลลาร์ สรอ. สำหรับหนี้ของภาครัฐวิสาหกิจทรงตัว
จากเดือนก่อนหน้า (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, สยามรัฐ)
3. ก.คลังอนุมัติกรอบวงเงินออก พธบ.เพิ่มเติมให้กับ ธปท. รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้ลงนามอนุมัติกรอบวงเงินออก พธบ.ให้
ธปท. จำนวน 500,000 ล.บาท เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามที่ ธปท.ได้เสนอขอมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท ซึ่งจะ
ทำให้ ธปท.มีวงเงินออก พธบ. 2 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เนื่องจาก
มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนมาก อีกส่วนหนึ่งไทยเกินดุลการค้าสูง การส่งออกมากกว่าการนำเข้า ทำให้ผู้ส่งออกนำเงินดอลลาร์
สรอ.มาแลกเป็นเงินบาท ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
4. อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย.50 เพิ่มขึ้น 3% เทียบต่อปี สูงสุดในรอบ 10 เดือน ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคหรือ
อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย.50 ว่า อยู่ที่ระดับ 118.9 เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 10 เดือน
นับตั้งแต่เดือน ม.ค.50 ขณะที่เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.4% ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยช่วง 11 เดือน
(ม.ค.-พ.ย.) ปี 50 เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ สาเหตุที่เงินเฟ้อเมื่อเทียบต่อปีเพิ่มขึ้น เป็นผลจากดัชนีราคา
หมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 2.6% ขณะที่ดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 3.2% ส่วนสาเหตุที่เงินเฟ้อเมื่อเทียบต่อเดือน
สูงขึ้น สาเหตุหลักมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามภาวะราคาตลาดโลกที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายปลีกในประเทศปรับตัวสูงขึ้น
หลายครั้ง รวมถึงสินค้าหลายประเภทขออนุมัติปรับราคา ทำให้ดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 0.8% อนึ่ง ก.พาณิชย์ เชื่อมั่น
ว่าเงินเฟ้อทั้งปี 50 จะอยู่ที่ 2.5% ตามที่คาดการณ์ไว้ และคาดการณ์เงินเฟ้อปี 51 ที่ 3.0-3.5% (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, โลกวันนี้)
5. สศช.คาดการณ์จีดีพีปี 50 ว่าจะขยายตัว 4.5% เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
เปิดเผยว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศหรือจีดีพีปี 50 คาดว่าจะอยู่ที่ 4.5% เนื่องจากในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จีดีพีขยายตัวถึง 4.9%
หลังจากขยายตัว 4.2% และ 4.3% ในไตรมาสที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้ง
การส่งออกที่ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ส่วนแนวโน้มจีดีพีในปี 51 คาดว่าจะขยายตัว 4.5-5% จากการที่เศรษฐกิจภายในประเทศมีสัญญาณดี แต่ยังคง
มีปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
Global PMI เดือน พ.ย.50 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 52.2 แต่ยังคงต่ำกว่าระดับแนวโน้มเฉลี่ยระยะยาว รายงานจากลอนดอน เมื่อ
3 ธ.ค.50 JP Morgan เปิดเผยว่า Global Manafacturing PMI ในเดือน พ.ย.50 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 52.2 จากระดับ 51.9 ใน
เดือน ต.ค.50 เนื่องจากดัชนี PMI ของเขตเศรษฐกิจยุโรป และอังกฤษเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต่ำกว่าระดับแนวโน้มเฉลี่ยในระยะยาว
ที่อยู่ที่ระดับ 54.4 สำหรับดัชนีการจ้างงานในเดือน พ.ย.50 ลดลงต่ำสุดในรอบ 29 เดือน มีสาเหตุสำคัญจากสถานการณ์การจ้างงานในประเทศ
สรอ.ลดลงอยู่ที่ระดับ 50.4 เทียบกับระดับ 51.6 ในเดือน ต.ค.50 ขณะที่ดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ระดับ 67.0 จาก
ระดับ 63.7 ในเดือนก่อนหน้า เช่นเดียวกับดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ในเดือน พ.ย.50 ที่เพิ่มขึ้นที่ระดับ 53.3 จากระดับ 52.8 ในเดือน ต.ค.50
ขณะที่ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่สินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ระดับ 54.6 อนึ่ง ดัชนี Global PMI ได้จากการสำรวจข้อมูลจากประเทศต่างๆ
รวมถึงประเทศ สรอ. ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ จีน และรัสเซีย (รอยเตอร์)
ราคาน้ำมันของสรอ. ที่จุดบริการน้ำมันลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 50 the Energy
Information Administration (EIA) เปิดเผยผลการสำรวจสถานีบริการน้ำมันพบว่า ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์
ที่ 3 โดยลดลงอีก 3.6 เซนต์ อยู่ที่แกลลอนละ 3.06 ดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้วผู้ขับขี่ยังคงต้องจ่ายค่า
น้ำมันสูงขึ้นถึง 76 เซนต์ ทั้งนี้หลังจากที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ราคาน้ำมันได้เริ่มขยับลงโดยราคาน้ำมัน
ดีเซลลดลง 2.8 เซนต์อยู่ที่แกลลอนละ 3.42 ดอลลาร์ สรอ. แต่หากเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนราคาน้ำมันดีเซลยังคงสูงกว่าอยู่ 80 เซนต์
อนึ่งการลดลงของราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลสะท้อนถึงการลดลงของต้นทุนน้ำมันดิบซึ่งได้ลดลงประมาณบาร์เรลละ 10 ดอลลาร์ สรอ.
ทั้งนี้ต้นทุนน้ำมันดิบคิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของต้นทุนการผลิตน้ำมันเบนซิน อย่างไรก็ตามจากผลสำรวจของ EIA เมื่อสัปดาห์ล่าสุด
พบว่าราคาน้ำมันในรัฐต่างๆมีราคาลดลง (รอยเตอร์)
ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 ต่อปีสูงกว่าที่คาดไว้ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 ต่อปี
สูงสุดในรอบ 3 ปี รายงานจากโซล เมื่อ 3 ธ.ค.50 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้รายงานยอดส่งออกของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 ต่อปีในเดือน
พ.ย.50 สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 ต่อปี โดยสินค้าที่มียอดส่งออกเพิ่มขึ้นมากคือ เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำมันและ
โทรทัศน์จอแบน สะท้อนว่าความต้องการสินค้าของเกาหลีใต้ในตลาดโลกยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีปัญหาในตลาดการเงินและตลาด
บ้านของ สรอ.ก็ตาม โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับตัวของผู้ส่งออกที่พยายามขยายตลาดไปยังประเทศอื่นนอกจาก สรอ. ซึ่งจะเห็นได้จาก
ตัวเลขยอดส่งออกในปี 49 ซึ่งเกาหลีใต้ส่งออกสินค้าไปประเทศจีนถึงร้อยละ 21 ของยอดส่งออกทั้งหมด ในขณะที่ยอดส่งออกไปยัง สรอ.คิด
เป็นเพียงร้อยละ 13 ของยอดส่งออกทั้งหมด ตรงกันข้ามกับเมื่อ 5 ปีก่อนซึ่ง สรอ.เป็นตลาดส่งออกใหญ่สุดของเกาหลีใต้มีสัดส่วนถึงร้อยละ 21
ในขณะที่ตลาดจีนมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 12 ในเวลาเดียวกัน สนง.สถิติกลางของเกาหลีใต้ได้รายงานอัตราเงินเฟ้อในเดือน พ.ย.50 เพิ่มขึ้น
ถึงร้อยละ 3.5 ต่อปีอยู่ในระดับสูงสุดของเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อของ ธ.กลางเกาหลีใต้สำหรับช่วงปี 50-52 ซึ่งกำหนดไว้ระหว่าง
ร้อยละ 2.5-3.5 ต่อปี เพิ่มขึ้นมากจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี และนับเป็นอัตราเงินเฟ้อสูงสุดตั้งแต่เดือน ต.ค.47 เป็นต้นมา
โดยเป็นผลจากราคาอาหารและน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและน้ำมันดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4
ต่อปีเท่ากับเดือน ต.ค.50 แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีในการประชุม
ในสัปดาห์นี้เพื่อรอดูสถานการณ์ในตลาดการเงินโลกและอัตราเงินเฟ้อในประเทศต่อไป (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 ธ.ค. 50 3 ธ.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.843 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.6315/33.9643 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.39328 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 831.12/16.94 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 12,650/12,750 12,600/12,700 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 83.01 84.87 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 32.89*/29.34* 32.89*/29.34* 26.49/23.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มเมื่อ 23 พ.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ระดมความเห็นจากสถาบันการเงินเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ นายเกริก วณิกกุล
ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามในหนังสือเวียนส่งไปยัง ธพ.ทุกแห่ง เพื่อให้ตอบแบบสอบถามของ
ธปท.เกี่ยวกับความเห็นของสถาบันการเงิน ในเรื่องผลกระทบจากการใช้มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับตราสารทางการเงิน
3 ฉบับคือ IAS39, IAS32 และ IFRS71 ซึ่งครอบคลุมถึงการรับรู้รายการ การวัดมูลค่า การแสดงรายการ และการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงิน
ทั้งนี้ เพื่อให้ทราบถึงการเตรียมความพร้อมของสถาบันการเงินและปัญหาอุปสรรคต่างๆ ตลอดจนผลกระทบทางการเงินที่จะเกิดขึ้น โดยธปท.
จะนำข้อมูลที่ได้รับมาใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแล พร้อมทั้งกำหนดแนวทางในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนสถาบัน
การเงินต่อไป อนึ่ง ธปท.ได้จัดส่งบทศึกษา IAS39 ที่ ธปท.จัดทำขึ้น เพื่อให้สถาบันการเงินศึกษาและทำความเข้าใจ โดยสถาบันการเงินจะ
ต้องจัดส่งแบบสอบถามที่กรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว รวมทั้งความเห็นที่มีต่อบทศึกษาให้แก่ ธปท.ภายในวันศุกร์ที่ 18 ม.ค.51 (โลกวันนี้, ไทยรัฐ)
2. ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ก.ย.50 มีจำนวน 59,783 ล.ดอลลาร์ สรอ. รายงานข่าวจากธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยยอดหนี้ต่างประเทศล่าสุด ณ สิ้นเดือน ก.ย.50 หรือไตรมาส 3 ว่า มียอดคงค้างหนี้ต่างประเทศรวมทั้งสิ้น
59,783 ล.ดอลลาร์ สรอ. โดยหนี้ภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคารลดลง ในขณะที่ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศของภาคธนาคารเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการ
เพิ่มขึ้นของหนี้ระยะสั้น โดยสัดส่วนหนี้ระยะสั้นคิดเป็น 36.2% และหนี้ระยะยาวคิดเป็น 63.8% ทั้งนี้ เป็นหนี้ของภาครัฐบาลมียอดคงค้าง
2,201 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ ธปท.มียอดหนี้คงค้าง 344 ล.ดอลลาร์ สรอ. ในส่วนของภาคธนาคารมียอดหนี้ต่างประเทศคงค้างทั้งสิ้น
6,300 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนหนี้ต่างประเทศของภาคอื่นๆ มียอดคงค้างทั้งสิ้น 50938 ล.ดอลลาร์ สรอ. สำหรับหนี้ของภาครัฐวิสาหกิจทรงตัว
จากเดือนก่อนหน้า (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, สยามรัฐ)
3. ก.คลังอนุมัติกรอบวงเงินออก พธบ.เพิ่มเติมให้กับ ธปท. รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้ลงนามอนุมัติกรอบวงเงินออก พธบ.ให้
ธปท. จำนวน 500,000 ล.บาท เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามที่ ธปท.ได้เสนอขอมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท ซึ่งจะ
ทำให้ ธปท.มีวงเงินออก พธบ. 2 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เนื่องจาก
มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนมาก อีกส่วนหนึ่งไทยเกินดุลการค้าสูง การส่งออกมากกว่าการนำเข้า ทำให้ผู้ส่งออกนำเงินดอลลาร์
สรอ.มาแลกเป็นเงินบาท ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
4. อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย.50 เพิ่มขึ้น 3% เทียบต่อปี สูงสุดในรอบ 10 เดือน ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคหรือ
อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย.50 ว่า อยู่ที่ระดับ 118.9 เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 10 เดือน
นับตั้งแต่เดือน ม.ค.50 ขณะที่เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.4% ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยช่วง 11 เดือน
(ม.ค.-พ.ย.) ปี 50 เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ สาเหตุที่เงินเฟ้อเมื่อเทียบต่อปีเพิ่มขึ้น เป็นผลจากดัชนีราคา
หมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 2.6% ขณะที่ดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 3.2% ส่วนสาเหตุที่เงินเฟ้อเมื่อเทียบต่อเดือน
สูงขึ้น สาเหตุหลักมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามภาวะราคาตลาดโลกที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายปลีกในประเทศปรับตัวสูงขึ้น
หลายครั้ง รวมถึงสินค้าหลายประเภทขออนุมัติปรับราคา ทำให้ดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 0.8% อนึ่ง ก.พาณิชย์ เชื่อมั่น
ว่าเงินเฟ้อทั้งปี 50 จะอยู่ที่ 2.5% ตามที่คาดการณ์ไว้ และคาดการณ์เงินเฟ้อปี 51 ที่ 3.0-3.5% (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, โลกวันนี้)
5. สศช.คาดการณ์จีดีพีปี 50 ว่าจะขยายตัว 4.5% เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
เปิดเผยว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศหรือจีดีพีปี 50 คาดว่าจะอยู่ที่ 4.5% เนื่องจากในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จีดีพีขยายตัวถึง 4.9%
หลังจากขยายตัว 4.2% และ 4.3% ในไตรมาสที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้ง
การส่งออกที่ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ส่วนแนวโน้มจีดีพีในปี 51 คาดว่าจะขยายตัว 4.5-5% จากการที่เศรษฐกิจภายในประเทศมีสัญญาณดี แต่ยังคง
มีปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
Global PMI เดือน พ.ย.50 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 52.2 แต่ยังคงต่ำกว่าระดับแนวโน้มเฉลี่ยระยะยาว รายงานจากลอนดอน เมื่อ
3 ธ.ค.50 JP Morgan เปิดเผยว่า Global Manafacturing PMI ในเดือน พ.ย.50 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 52.2 จากระดับ 51.9 ใน
เดือน ต.ค.50 เนื่องจากดัชนี PMI ของเขตเศรษฐกิจยุโรป และอังกฤษเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต่ำกว่าระดับแนวโน้มเฉลี่ยในระยะยาว
ที่อยู่ที่ระดับ 54.4 สำหรับดัชนีการจ้างงานในเดือน พ.ย.50 ลดลงต่ำสุดในรอบ 29 เดือน มีสาเหตุสำคัญจากสถานการณ์การจ้างงานในประเทศ
สรอ.ลดลงอยู่ที่ระดับ 50.4 เทียบกับระดับ 51.6 ในเดือน ต.ค.50 ขณะที่ดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ระดับ 67.0 จาก
ระดับ 63.7 ในเดือนก่อนหน้า เช่นเดียวกับดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ในเดือน พ.ย.50 ที่เพิ่มขึ้นที่ระดับ 53.3 จากระดับ 52.8 ในเดือน ต.ค.50
ขณะที่ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่สินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ระดับ 54.6 อนึ่ง ดัชนี Global PMI ได้จากการสำรวจข้อมูลจากประเทศต่างๆ
รวมถึงประเทศ สรอ. ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ จีน และรัสเซีย (รอยเตอร์)
ราคาน้ำมันของสรอ. ที่จุดบริการน้ำมันลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 50 the Energy
Information Administration (EIA) เปิดเผยผลการสำรวจสถานีบริการน้ำมันพบว่า ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์
ที่ 3 โดยลดลงอีก 3.6 เซนต์ อยู่ที่แกลลอนละ 3.06 ดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้วผู้ขับขี่ยังคงต้องจ่ายค่า
น้ำมันสูงขึ้นถึง 76 เซนต์ ทั้งนี้หลังจากที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ราคาน้ำมันได้เริ่มขยับลงโดยราคาน้ำมัน
ดีเซลลดลง 2.8 เซนต์อยู่ที่แกลลอนละ 3.42 ดอลลาร์ สรอ. แต่หากเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนราคาน้ำมันดีเซลยังคงสูงกว่าอยู่ 80 เซนต์
อนึ่งการลดลงของราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลสะท้อนถึงการลดลงของต้นทุนน้ำมันดิบซึ่งได้ลดลงประมาณบาร์เรลละ 10 ดอลลาร์ สรอ.
ทั้งนี้ต้นทุนน้ำมันดิบคิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของต้นทุนการผลิตน้ำมันเบนซิน อย่างไรก็ตามจากผลสำรวจของ EIA เมื่อสัปดาห์ล่าสุด
พบว่าราคาน้ำมันในรัฐต่างๆมีราคาลดลง (รอยเตอร์)
ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 ต่อปีสูงกว่าที่คาดไว้ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 ต่อปี
สูงสุดในรอบ 3 ปี รายงานจากโซล เมื่อ 3 ธ.ค.50 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้รายงานยอดส่งออกของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 ต่อปีในเดือน
พ.ย.50 สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 ต่อปี โดยสินค้าที่มียอดส่งออกเพิ่มขึ้นมากคือ เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำมันและ
โทรทัศน์จอแบน สะท้อนว่าความต้องการสินค้าของเกาหลีใต้ในตลาดโลกยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีปัญหาในตลาดการเงินและตลาด
บ้านของ สรอ.ก็ตาม โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับตัวของผู้ส่งออกที่พยายามขยายตลาดไปยังประเทศอื่นนอกจาก สรอ. ซึ่งจะเห็นได้จาก
ตัวเลขยอดส่งออกในปี 49 ซึ่งเกาหลีใต้ส่งออกสินค้าไปประเทศจีนถึงร้อยละ 21 ของยอดส่งออกทั้งหมด ในขณะที่ยอดส่งออกไปยัง สรอ.คิด
เป็นเพียงร้อยละ 13 ของยอดส่งออกทั้งหมด ตรงกันข้ามกับเมื่อ 5 ปีก่อนซึ่ง สรอ.เป็นตลาดส่งออกใหญ่สุดของเกาหลีใต้มีสัดส่วนถึงร้อยละ 21
ในขณะที่ตลาดจีนมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 12 ในเวลาเดียวกัน สนง.สถิติกลางของเกาหลีใต้ได้รายงานอัตราเงินเฟ้อในเดือน พ.ย.50 เพิ่มขึ้น
ถึงร้อยละ 3.5 ต่อปีอยู่ในระดับสูงสุดของเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อของ ธ.กลางเกาหลีใต้สำหรับช่วงปี 50-52 ซึ่งกำหนดไว้ระหว่าง
ร้อยละ 2.5-3.5 ต่อปี เพิ่มขึ้นมากจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี และนับเป็นอัตราเงินเฟ้อสูงสุดตั้งแต่เดือน ต.ค.47 เป็นต้นมา
โดยเป็นผลจากราคาอาหารและน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและน้ำมันดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4
ต่อปีเท่ากับเดือน ต.ค.50 แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีในการประชุม
ในสัปดาห์นี้เพื่อรอดูสถานการณ์ในตลาดการเงินโลกและอัตราเงินเฟ้อในประเทศต่อไป (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 ธ.ค. 50 3 ธ.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.843 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.6315/33.9643 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.39328 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 831.12/16.94 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 12,650/12,750 12,600/12,700 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 83.01 84.87 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 32.89*/29.34* 32.89*/29.34* 26.49/23.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มเมื่อ 23 พ.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--