ภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือเดือนตุลาคม 2550 ขยายตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยด้านอุปทาน รายได้ของเกษตรกรขยายตัวจากด้านราคาพืชหลักเป็นสำคัญ ประกอบกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์จากต่างประเทศ และภาคบริการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนตามฤดูกาล ด้านอุปสงค์ การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวดี ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังลดลงตามการลงทุนก่อสร้าง ด้านการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐขยายตัวดีโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน การส่งออกและนำเข้าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ลดลง ดัชนีราคาผู้บริโภคเร่งตัวตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ทางด้านเงินฝากและสินเชื่อขยายตัวดี
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจ มีดังนี้
1. ภาคเกษตร รายได้ของเกษตรกรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นของราคาพืชหลักเป็นสำคัญ โดยราคาพืชสำคัญสูงขึ้นร้อยละ 8.9 เนื่องจากราคาข้าวเปลือกเหนียวเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.9 ตามความต้องการส่งออกไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน และราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.2 จากอุปสงค์ทั้งในและต่าง ประเทศเพิ่มขึ้นขณะที่ผลผลิตลดลง ส่วนราคาข้าวเปลือกเจ้าลดลงร้อยละ 8.1 ทางด้านผลผลิตพืชหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เป็นผลจากผลผลิตข้าวนาปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยกว่าปีก่อนที่ประสบปัญหาอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลงร้อยละ 4.4 จากเกษตรกรส่วนหนึ่งปรับเปลี่ยนไปปลูกมันสำปะหลังและอ้อยโรงงาน
2. ภาคอุตสาหกรรม การผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากลดลงมาตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา โดยการผลิตเพื่อส่งออกในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.0 เป็น 164.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากที่ลดลงตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 เป็นต้นมา เป็นผลจากการผลิตเลนส์กล้องถ่ายรูปเพิ่มขึ้นในเกณฑ์ดีตามความต้องการของต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย การผลิตเพชรเจียระไนเพื่อส่งออกยังเพิ่มขึ้นมากแต่ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม การผลิตส่วนประกอบของ Hard disk drive ยังคงลดลงต่อเนื่อง และการผลิตสินค้าประเภทหม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ลดลงร้อยละ 23.6 โดยเฉพาะมอเตอร์ขนาดเล็กในชิ้นส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนการผลิตเครื่องดื่มเร่งตัวขึ้นจากที่ลดลงในเดือนก่อนเพื่อตอบสนองการบริโภคที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล การผลิตวัสดุก่อสร้างลดลงต่อเนื่อง ทางด้านการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 เป็น 215.7 ล้านบาท ชะลอตัวจากเดือนก่อนโดยเฉพาะในจังหวัดนครสวรรค์และลำปาง
3. ภาคบริการ ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยนักท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มเดินทางเข้ามามากขึ้นตามฤดูกาล เครื่องชี้ภาคบริการที่สำคัญ ได้แก่ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.8 จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 และราคาห้องพักของโรงแรมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.9 ส่วนอัตราการเข้าพักของโรงแรมอยู่ที่ร้อยละ 46.8 สูงกว่าเดือนก่อน แต่ลดลงเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อน
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวต่อเนื่อง โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.0 ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ทั้งนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดค้าส่งค้าปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ส่วนเครื่องชี้การอุปโภคบริโภคสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์ลดลงร้อยละ 6.6 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.7 เดือนก่อน เป็นผลจากปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลลดลงร้อยละ 0.5 และปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ลดลงร้อยละ 10.3 ส่วนปริมาณการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ลดลงร้อยละ 14.3 ต่ำกว่าที่ลดลงร้อยละ 28.1 เดือนก่อน
5. การลงทุนภาคเอกชน ยังคงลดลงตามการลงทุนภาคก่อสร้างเป็นสำคัญ โดยปริมาณการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 28.6 เดือนก่อน ส่วนใหญ่เป็นการขออนุญาตก่อสร้างประเภทที่อยู่อาศัยที่ปลูกเพื่ออยู่อาศัยเอง ทางด้านการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ดินลดลงร้อยละ 4.5 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เดือนก่อน สำหรับการลงทุนของกิจการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนร้อยละ 59.1 เป็น 555.2 ล้านบาท โดยกิจการที่มีเงินลงทุนสูงในเดือนนี้ได้แก่ การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลในจังหวัดพิจิตร จำนวนเงินลงทุน 424 ล้านบาท
6. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณผ่านคลังจังหวัดในภาคเหนือ ในเดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 12,482.4 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 67.1 โดยรายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว เร่งตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามการเบิกจ่ายในหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากโครงการประปาหมู่บ้านเป็นสำคัญ รวมทั้งหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 51.2 ด้านรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 เนื่องจากหมวดค่าสาธารณูปโภคและเงินเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.2 และร้อยละ 12.3 ตามลำดับ โดยมีการเบิกจ่ายมากที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก และนครสวรรค์
7. การค้าต่างประเทศ มูลค่าการค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 เป็น 379.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกจากที่ลดลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2550 เป็นต้นมา โดยการส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เป็น 222.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.2 เดือนก่อน จำแนกเป็นการส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.5 เป็น 60.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกไปประเทศพม่าและจีนตอนใต้ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.0 และร้อยละ 30.1 เป็น 42.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. และ 14.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ สินค้าส่งออกได้แก่สินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เกษตร อาทิ ยางพารา ลำไยอบแห้ง ขณะที่การส่งออกผ่านด่านศุลกากรลำพูนปรับตัวดีขึ้นโดยลดลงร้อยละ 4.3 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 6.5 เดือนก่อน เนื่องจากเครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้าลดลงร้อยละ 11.8 ต่ำกว่าที่ลดลงร้อยละ 19.8 เดือนก่อน ส่วนการส่งออกเลนส์กล้องถ่ายรูปและอัญมณีเพิ่มขึ้นในเกณฑ์ดี
การนำเข้า ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.6 เป็น 156.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 13.9 เดือนก่อน โดยการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 เป็น 75.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนใหญ่เป็นอัญมณี โลหะ และพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรม การนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.8 จากการนำเข้าส่วน ประกอบเครื่องจักรไฟฟ้าและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ส่วนการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงร้อยละ 30.9 ตามการลดลงของการนำเข้าเครื่องสำอางและเครื่องใช้ในครัวเรือน สำหรับการนำเข้าผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 เป็น 11.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 5.5 เดือนก่อน เนื่องจากการนำเข้าจากลาวที่เพิ่มกว่าเท่าตัวในสินค้าประเภทถ่านหินและอาหารสัตว์ และการนำเข้าจากจีนตอนใต้ที่ขยายตัวร้อยละ 1.1 ส่วนการนำเข้าจากพม่าลดลงร้อยละ 10.3 เหลือ 3.1 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ดุลการค้า ในเดือนตุลาคม 2550 เกินดุล 66.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนและเดือนก่อน ที่เกินดุล 69.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. และ 91.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ
8. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 เร่งตัวขึ้นจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เดือนก่อน ตามการเร่งตัวของสินค้าหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 เป็นสำคัญ ขณะที่ราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เดือนก่อน โดยยังคงเพิ่มขึ้นตามราคาข้าวเหนียวเป็นหลัก ทางด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.5 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 0.4 เดือนก่อน
9. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในเดือนกันยายน 2550 ภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวม 6.73 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.62 ล้านคน คิดเป็นอัตราการมีงานทำเท่ากับร้อยละ 98.3 ต่ำกว่าร้อยละ 98.8 ระยะเดียวกันปีก่อน โดยแรงงานในภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ 3.8 และแรงงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 โดยเฉพาะในสาขาการผลิตที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 ส่วนผู้ว่างงานมีจำนวน 0.10 ล้านคน คิดเป็นอัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ 1.5 สูงกว่าร้อยละ 1.1 เดือนก่อน และร้อยละ 1.0 ระยะเดียวกันปีก่อน ในด้านผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ในเดือนตุลาคม 2550 มีจำนวน 0.60 ล้านคน ทรงตัวจากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน
10. การเงิน ยอดคงค้างเงินฝากที่สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 346,989 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.8 โดยมีเงินฝากที่เพิ่มขึ้นของสหกรณ์ออมทรัพย์และธุรกิจบริการในจังหวัดเชียงใหม่ และเงินฝากพักชั่วคราวของบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดลำพูน ทางด้านเงินให้สินเชื่อมียอดคงค้าง 278,145 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.2 โดยเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดนครสวรรค์ พิษณุโลก และกำแพงเพชร ตามความต้องการสินเชื่อของกิจการค้าพืชไร่เป็นสำคัญ สำหรับสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากเท่ากับร้อยละ 80.2 สูงขึ้นจากร้อยละ 79.9 ระยะเดียวกันปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจ มีดังนี้
1. ภาคเกษตร รายได้ของเกษตรกรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นของราคาพืชหลักเป็นสำคัญ โดยราคาพืชสำคัญสูงขึ้นร้อยละ 8.9 เนื่องจากราคาข้าวเปลือกเหนียวเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.9 ตามความต้องการส่งออกไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน และราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.2 จากอุปสงค์ทั้งในและต่าง ประเทศเพิ่มขึ้นขณะที่ผลผลิตลดลง ส่วนราคาข้าวเปลือกเจ้าลดลงร้อยละ 8.1 ทางด้านผลผลิตพืชหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เป็นผลจากผลผลิตข้าวนาปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยกว่าปีก่อนที่ประสบปัญหาอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลงร้อยละ 4.4 จากเกษตรกรส่วนหนึ่งปรับเปลี่ยนไปปลูกมันสำปะหลังและอ้อยโรงงาน
2. ภาคอุตสาหกรรม การผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากลดลงมาตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา โดยการผลิตเพื่อส่งออกในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.0 เป็น 164.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากที่ลดลงตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 เป็นต้นมา เป็นผลจากการผลิตเลนส์กล้องถ่ายรูปเพิ่มขึ้นในเกณฑ์ดีตามความต้องการของต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย การผลิตเพชรเจียระไนเพื่อส่งออกยังเพิ่มขึ้นมากแต่ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม การผลิตส่วนประกอบของ Hard disk drive ยังคงลดลงต่อเนื่อง และการผลิตสินค้าประเภทหม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ลดลงร้อยละ 23.6 โดยเฉพาะมอเตอร์ขนาดเล็กในชิ้นส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนการผลิตเครื่องดื่มเร่งตัวขึ้นจากที่ลดลงในเดือนก่อนเพื่อตอบสนองการบริโภคที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล การผลิตวัสดุก่อสร้างลดลงต่อเนื่อง ทางด้านการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 เป็น 215.7 ล้านบาท ชะลอตัวจากเดือนก่อนโดยเฉพาะในจังหวัดนครสวรรค์และลำปาง
3. ภาคบริการ ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยนักท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มเดินทางเข้ามามากขึ้นตามฤดูกาล เครื่องชี้ภาคบริการที่สำคัญ ได้แก่ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.8 จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 และราคาห้องพักของโรงแรมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.9 ส่วนอัตราการเข้าพักของโรงแรมอยู่ที่ร้อยละ 46.8 สูงกว่าเดือนก่อน แต่ลดลงเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อน
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวต่อเนื่อง โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.0 ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ทั้งนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดค้าส่งค้าปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ส่วนเครื่องชี้การอุปโภคบริโภคสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์ลดลงร้อยละ 6.6 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.7 เดือนก่อน เป็นผลจากปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลลดลงร้อยละ 0.5 และปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ลดลงร้อยละ 10.3 ส่วนปริมาณการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ลดลงร้อยละ 14.3 ต่ำกว่าที่ลดลงร้อยละ 28.1 เดือนก่อน
5. การลงทุนภาคเอกชน ยังคงลดลงตามการลงทุนภาคก่อสร้างเป็นสำคัญ โดยปริมาณการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 28.6 เดือนก่อน ส่วนใหญ่เป็นการขออนุญาตก่อสร้างประเภทที่อยู่อาศัยที่ปลูกเพื่ออยู่อาศัยเอง ทางด้านการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ดินลดลงร้อยละ 4.5 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เดือนก่อน สำหรับการลงทุนของกิจการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนร้อยละ 59.1 เป็น 555.2 ล้านบาท โดยกิจการที่มีเงินลงทุนสูงในเดือนนี้ได้แก่ การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลในจังหวัดพิจิตร จำนวนเงินลงทุน 424 ล้านบาท
6. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณผ่านคลังจังหวัดในภาคเหนือ ในเดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 12,482.4 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 67.1 โดยรายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว เร่งตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามการเบิกจ่ายในหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากโครงการประปาหมู่บ้านเป็นสำคัญ รวมทั้งหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 51.2 ด้านรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 เนื่องจากหมวดค่าสาธารณูปโภคและเงินเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.2 และร้อยละ 12.3 ตามลำดับ โดยมีการเบิกจ่ายมากที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก และนครสวรรค์
7. การค้าต่างประเทศ มูลค่าการค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 เป็น 379.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกจากที่ลดลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2550 เป็นต้นมา โดยการส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เป็น 222.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.2 เดือนก่อน จำแนกเป็นการส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.5 เป็น 60.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกไปประเทศพม่าและจีนตอนใต้ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.0 และร้อยละ 30.1 เป็น 42.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. และ 14.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ สินค้าส่งออกได้แก่สินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เกษตร อาทิ ยางพารา ลำไยอบแห้ง ขณะที่การส่งออกผ่านด่านศุลกากรลำพูนปรับตัวดีขึ้นโดยลดลงร้อยละ 4.3 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 6.5 เดือนก่อน เนื่องจากเครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้าลดลงร้อยละ 11.8 ต่ำกว่าที่ลดลงร้อยละ 19.8 เดือนก่อน ส่วนการส่งออกเลนส์กล้องถ่ายรูปและอัญมณีเพิ่มขึ้นในเกณฑ์ดี
การนำเข้า ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.6 เป็น 156.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 13.9 เดือนก่อน โดยการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 เป็น 75.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนใหญ่เป็นอัญมณี โลหะ และพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรม การนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.8 จากการนำเข้าส่วน ประกอบเครื่องจักรไฟฟ้าและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ส่วนการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงร้อยละ 30.9 ตามการลดลงของการนำเข้าเครื่องสำอางและเครื่องใช้ในครัวเรือน สำหรับการนำเข้าผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 เป็น 11.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 5.5 เดือนก่อน เนื่องจากการนำเข้าจากลาวที่เพิ่มกว่าเท่าตัวในสินค้าประเภทถ่านหินและอาหารสัตว์ และการนำเข้าจากจีนตอนใต้ที่ขยายตัวร้อยละ 1.1 ส่วนการนำเข้าจากพม่าลดลงร้อยละ 10.3 เหลือ 3.1 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ดุลการค้า ในเดือนตุลาคม 2550 เกินดุล 66.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนและเดือนก่อน ที่เกินดุล 69.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. และ 91.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ
8. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 เร่งตัวขึ้นจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เดือนก่อน ตามการเร่งตัวของสินค้าหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 เป็นสำคัญ ขณะที่ราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เดือนก่อน โดยยังคงเพิ่มขึ้นตามราคาข้าวเหนียวเป็นหลัก ทางด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.5 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 0.4 เดือนก่อน
9. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในเดือนกันยายน 2550 ภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวม 6.73 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.62 ล้านคน คิดเป็นอัตราการมีงานทำเท่ากับร้อยละ 98.3 ต่ำกว่าร้อยละ 98.8 ระยะเดียวกันปีก่อน โดยแรงงานในภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ 3.8 และแรงงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 โดยเฉพาะในสาขาการผลิตที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 ส่วนผู้ว่างงานมีจำนวน 0.10 ล้านคน คิดเป็นอัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ 1.5 สูงกว่าร้อยละ 1.1 เดือนก่อน และร้อยละ 1.0 ระยะเดียวกันปีก่อน ในด้านผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ในเดือนตุลาคม 2550 มีจำนวน 0.60 ล้านคน ทรงตัวจากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน
10. การเงิน ยอดคงค้างเงินฝากที่สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 346,989 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.8 โดยมีเงินฝากที่เพิ่มขึ้นของสหกรณ์ออมทรัพย์และธุรกิจบริการในจังหวัดเชียงใหม่ และเงินฝากพักชั่วคราวของบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดลำพูน ทางด้านเงินให้สินเชื่อมียอดคงค้าง 278,145 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.2 โดยเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดนครสวรรค์ พิษณุโลก และกำแพงเพชร ตามความต้องการสินเชื่อของกิจการค้าพืชไร่เป็นสำคัญ สำหรับสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากเท่ากับร้อยละ 80.2 สูงขึ้นจากร้อยละ 79.9 ระยะเดียวกันปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--