ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เตือนการดำเนินการของ ธพ.ในปี 51 ต้องปรับตัวอย่างมาก นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มการดำเนินการของ ธพ.ในปี 51 ว่าจะเป็นปีที่สำคัญและเป็นปีที่ต้องมีการปรับตัวอย่างมาก จากการเปลี่ยนแปลง
ของกรอบกติกาและเกณฑ์การกำกับ ธพ.ใหม่ที่จะออกใช้พร้อมกันถึง 4 ตัว คือ 1) มาตรฐานของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ
(บีไอเอส) ฉบับที่ 2 หรือ บาเซิล 2 ในปลายปี 51 และการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ไอเอเอส 39 ในส่วนของการตีราคามูลค่าสินทรัพย์ตาม
ราคาตลาด 2) การบังคับใช้ พ.ร.บ.สถาบันการเงินฉบับใหม่ในกลางปีหน้า 3) การบังคับใช้ของ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก และ
4) การดำเนินการตามแผนพัฒนาสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่จะกระทบทั้งจากเศรษฐกิจใน
ประเทศ (ไทยรัฐ)
2. บสท.เร่งปรับโครงสร้างหนี้ก่อนปิดทำการ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะประธานกรรมการบริหาร
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) กล่าวว่า หากในปี 2554 ซึ่งครบกำหนดปิดทำการของ บสท.ตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว บสท.ยังไม่สามารถ
ปรับโครงสร้างหนี้ที่ได้รับโอนมาจากสถาบันการเงินทั้งสิ้น 1.52 หมื่นรายการ มูลค่าทางบัญชี 7.75 แสนล้านบาทได้หมด ก็จะขายหนี้และทรัพย์
ที่เหลืออยู่ให้กับ บ.บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท และ บ.บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ ไปบริหารจัดการต่อไป ทั้งนี้ แผนงานในปี 51 บสท.จะทำการ
เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ส่วนที่ยังค้างอยู่อีกครั้ง โดยจะทำการตรวจสอบสาเหตุที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามแผน หากพบว่ามีปัญหาในธุรกิจที่
ดำเนินการจริง บสท.จะทำการปรับโครงสร้างหนี้ให้อีกครั้ง แต่หากพบว่าผิดปกติลูกหนี้มีการถ่ายโอนทรัพย์หรือหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ก็จะ
ดำเนินการตามกฎหมายทันที (โพสต์ทูเดย์)
3. สศค.เตรียมข้อเสนอแผนภาษีเพื่อพัฒนา 3 ตลาดการเงินของไทยต่อ ก.คลัง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)
ได้เตรียมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับระบบการจัดเก็บภาษีในปัจจุบัน และแนวทางการแก้ปัญหาความลักลั่นในการจัดเก็บภาษีแต่ละประเภท โดยจะเป็น
การแก้ไขปรับปรุงเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันทั้งในประเทศและในภูมิภาคได้ไว้เรียบร้อยแล้ว
เพื่อเสนอ รมว.คลังคนใหม่ ทั้งนี้ แผนภาษีเพื่อพัฒนา 3 ตลาดการเงินของไทย ได้แก่ ตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ และตลาดอัตรา
แลกเปลี่ยน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในภูมิภาค โดยจะมีการพิจารณาว่า โครงสร้างภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จัดเก็บในปัจจุบันมีความเหมาะสมแล้ว
หรือไม่ รวมถึงพิจารณาโครงสร้างภาษีในภาพรวมว่าจะแก้ไขอย่างไรให้ 3 ตลาดการเงินของไทยแข่งขันได้ (โลกวันนี้)
4. ปตท.เตรียมปรับขึ้นราคาน้ำมัน 40 สตางค์ในสัปดาห์นี้ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.
เตรียมพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 40 สตางค์ในสัปดาห์นี้ ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ทยอยปรับขึ้นตั้งแต่ก่อนปีใหม่ ทั้งนี้ ปัจจัย
ที่ทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมีทั้งปัจจัยพื้นฐานในเรื่องปริมาณความต้องการใช้ในช่วงอากาศหนาวเย็น รวมทั้งกรณีการลอบสังหาร
นางเบนาซีร์ บุตโต แห่งปากีสถาน อย่างไรก็ตาม แม้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศจะมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น แต่ทาง ก.พลังงานยังไม่มีนโยบาย
เข้าไปลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อพยุงราคาน้ำมันได้ (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าในปีนี้ภาคธุรกิจของเยอรมนีจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3 แสนอัตรา แม้ว่าเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงเล็กน้อย รายงาน
จากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 2 ม.ค.51 DIHK สภาอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของเยอรมนี คาดการณ์ว่าการดำเนินธุรกิจของ
ภาคธุรกิจในปีนี้จะยังคงดีต่อเนื่องจากปีก่อน โดยจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3 แสนอัตรา เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกยังขยายตัวได้ดี แม้ว่าอัตรา
การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีจะชะลอตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบอยู่บ้างเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ
ทำให้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดกว้างให้มีการรับแรงงานต่างชาติที่มีฝีมือมากขึ้น (รอยเตอร์)
2. อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ต่อปีสูงสุดในรอบ 3 ปี รายงานจากโซล เมื่อ 31 ธ.ค.50
สนง.สถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ต่อปีและสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายของ ธ.กลางเกาหลีใต้ที่ต้องการให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วงปี 50 - 52 อยู่ระหว่าง
ร้อยละ 2.5 — 3.5 ต่อปี นอกจากนี้ ยังเป็นอัตราเงินเฟ้อต่อปีสูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 ในเดือน ต.ค.47 ทั้งนี้ ส่วนใหญ่
เป็นผลจากราคาน้ำมันและราคาอาหารสด ในขณะที่ค่าบริการเช่นค่าเช่าบ้านเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย
ในไตรมาสแรกปี 51 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 3.7 ต่อปี ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็จะนับเป็นอัตราเงินเฟ้อสูงสุดนับตั้งแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3
ในไตรมาสที่ 3 ปี 47 แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีต่อไปเนื่องจาก
อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นไม่ได้เกิดจากการที่เศรษฐกิจขยายตัวเร็วเกินไปแต่เป็นผลมาจากต้นทุนที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน โดยในเดือน ธ.ค.50 ที่ผ่านมา
ธ.กลางเกาหลีใต้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยมีกำหนดจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 10 ม.ค.51 นี้
(รอยเตอร์)
3. การส่งออกของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 เทียบต่อปีในเดือน ธ.ค.50 รายงานจากโซลเมื่อ 2 ม.ค.51 ก.พาณิชย์
เปิดเผยว่า การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.50 มีจำนวน 33.25 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 เทียบต่อปี ชะลอลง
จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 17.1 และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6 ขณะที่การนำเข้า
มีจำนวน 34.11 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.0 เทียบต่อปี จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 25.9 แต่สูงกว่าการคาดการณ์
ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 17.2 ส่งผลให้เกาหลีใต้ขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค.46 โดยขาดดุล
จำนวน 0.87 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หลังจากที่เกินดุลการค้าจำนวน 2.13 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในเดือนก่อนหน้า สำหรับการส่งออกทั้งปี 50
เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 15.3 นอกจากนี้ ก.พาณิชย์ได้คาดการณ์การส่งออกในปี 51 โดยคาดว่าจะขยายตัว
ร้อยละ 11.6 และการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 12.7 ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลเป็นจำนวน 13 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
4. จีดีพีของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 50 ขยายตัวชะลอลงร้อยละ 3.2 เทียบต่อไตรมาส ต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2
ปี 46 รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ 2 ม.ค.51 ทางการสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 4 ปี 50
ขยายตัวชะลอลงร้อยละ 3.2 จากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.4 และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 46 ขณะที่เมื่อเทียบต่อปี
จีดีพีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 ต่ำกว่าที่ทางการประเมินไว้ว่าจะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 7.5 ทั้งนี้ การที่จีดีพีของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ขยายตัว
ลดลง เป็นผลจากการชะลอตัวของภาคการผลิต ซึ่งมีสัดส่วนเป็น 1 ใน 4 ของจีดีพี โดยภาคการผลิตขยายตัวเพียงร้อยละ 0.5 ลดลงจากที่ขยายตัว
ร้อยละ 10.3 ในไตรมาสก่อนหน้า นำโดยการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม ภาคบริการและการก่อสร้างยังคงมีแนวโน้มขยายตัวดี
โดยขยายตัวร้อยละ 8.3 และ 24.4 เทียบต่อปี หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 8.3 และ 19.2 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 2 ม.ค. 51 28 ธ.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.747 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.5519/33.8850 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.35406 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 858.10/17.36 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,200*/13,300* 13,100/13,200 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
* ราคาทองคำ ณ วันที่ 29 ธ.ค.50
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 88.47 88.13 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 32.89*/29.34* 32.89*/29.34* 26.49/23.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 26 ธ.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เตือนการดำเนินการของ ธพ.ในปี 51 ต้องปรับตัวอย่างมาก นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มการดำเนินการของ ธพ.ในปี 51 ว่าจะเป็นปีที่สำคัญและเป็นปีที่ต้องมีการปรับตัวอย่างมาก จากการเปลี่ยนแปลง
ของกรอบกติกาและเกณฑ์การกำกับ ธพ.ใหม่ที่จะออกใช้พร้อมกันถึง 4 ตัว คือ 1) มาตรฐานของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ
(บีไอเอส) ฉบับที่ 2 หรือ บาเซิล 2 ในปลายปี 51 และการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ไอเอเอส 39 ในส่วนของการตีราคามูลค่าสินทรัพย์ตาม
ราคาตลาด 2) การบังคับใช้ พ.ร.บ.สถาบันการเงินฉบับใหม่ในกลางปีหน้า 3) การบังคับใช้ของ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก และ
4) การดำเนินการตามแผนพัฒนาสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่จะกระทบทั้งจากเศรษฐกิจใน
ประเทศ (ไทยรัฐ)
2. บสท.เร่งปรับโครงสร้างหนี้ก่อนปิดทำการ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะประธานกรรมการบริหาร
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) กล่าวว่า หากในปี 2554 ซึ่งครบกำหนดปิดทำการของ บสท.ตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว บสท.ยังไม่สามารถ
ปรับโครงสร้างหนี้ที่ได้รับโอนมาจากสถาบันการเงินทั้งสิ้น 1.52 หมื่นรายการ มูลค่าทางบัญชี 7.75 แสนล้านบาทได้หมด ก็จะขายหนี้และทรัพย์
ที่เหลืออยู่ให้กับ บ.บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท และ บ.บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ ไปบริหารจัดการต่อไป ทั้งนี้ แผนงานในปี 51 บสท.จะทำการ
เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ส่วนที่ยังค้างอยู่อีกครั้ง โดยจะทำการตรวจสอบสาเหตุที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามแผน หากพบว่ามีปัญหาในธุรกิจที่
ดำเนินการจริง บสท.จะทำการปรับโครงสร้างหนี้ให้อีกครั้ง แต่หากพบว่าผิดปกติลูกหนี้มีการถ่ายโอนทรัพย์หรือหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ก็จะ
ดำเนินการตามกฎหมายทันที (โพสต์ทูเดย์)
3. สศค.เตรียมข้อเสนอแผนภาษีเพื่อพัฒนา 3 ตลาดการเงินของไทยต่อ ก.คลัง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)
ได้เตรียมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับระบบการจัดเก็บภาษีในปัจจุบัน และแนวทางการแก้ปัญหาความลักลั่นในการจัดเก็บภาษีแต่ละประเภท โดยจะเป็น
การแก้ไขปรับปรุงเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันทั้งในประเทศและในภูมิภาคได้ไว้เรียบร้อยแล้ว
เพื่อเสนอ รมว.คลังคนใหม่ ทั้งนี้ แผนภาษีเพื่อพัฒนา 3 ตลาดการเงินของไทย ได้แก่ ตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ และตลาดอัตรา
แลกเปลี่ยน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในภูมิภาค โดยจะมีการพิจารณาว่า โครงสร้างภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จัดเก็บในปัจจุบันมีความเหมาะสมแล้ว
หรือไม่ รวมถึงพิจารณาโครงสร้างภาษีในภาพรวมว่าจะแก้ไขอย่างไรให้ 3 ตลาดการเงินของไทยแข่งขันได้ (โลกวันนี้)
4. ปตท.เตรียมปรับขึ้นราคาน้ำมัน 40 สตางค์ในสัปดาห์นี้ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.
เตรียมพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 40 สตางค์ในสัปดาห์นี้ ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ทยอยปรับขึ้นตั้งแต่ก่อนปีใหม่ ทั้งนี้ ปัจจัย
ที่ทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมีทั้งปัจจัยพื้นฐานในเรื่องปริมาณความต้องการใช้ในช่วงอากาศหนาวเย็น รวมทั้งกรณีการลอบสังหาร
นางเบนาซีร์ บุตโต แห่งปากีสถาน อย่างไรก็ตาม แม้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศจะมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น แต่ทาง ก.พลังงานยังไม่มีนโยบาย
เข้าไปลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อพยุงราคาน้ำมันได้ (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าในปีนี้ภาคธุรกิจของเยอรมนีจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3 แสนอัตรา แม้ว่าเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงเล็กน้อย รายงาน
จากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 2 ม.ค.51 DIHK สภาอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของเยอรมนี คาดการณ์ว่าการดำเนินธุรกิจของ
ภาคธุรกิจในปีนี้จะยังคงดีต่อเนื่องจากปีก่อน โดยจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3 แสนอัตรา เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกยังขยายตัวได้ดี แม้ว่าอัตรา
การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีจะชะลอตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบอยู่บ้างเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ
ทำให้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดกว้างให้มีการรับแรงงานต่างชาติที่มีฝีมือมากขึ้น (รอยเตอร์)
2. อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ต่อปีสูงสุดในรอบ 3 ปี รายงานจากโซล เมื่อ 31 ธ.ค.50
สนง.สถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ต่อปีและสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายของ ธ.กลางเกาหลีใต้ที่ต้องการให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วงปี 50 - 52 อยู่ระหว่าง
ร้อยละ 2.5 — 3.5 ต่อปี นอกจากนี้ ยังเป็นอัตราเงินเฟ้อต่อปีสูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 ในเดือน ต.ค.47 ทั้งนี้ ส่วนใหญ่
เป็นผลจากราคาน้ำมันและราคาอาหารสด ในขณะที่ค่าบริการเช่นค่าเช่าบ้านเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย
ในไตรมาสแรกปี 51 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 3.7 ต่อปี ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็จะนับเป็นอัตราเงินเฟ้อสูงสุดนับตั้งแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3
ในไตรมาสที่ 3 ปี 47 แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีต่อไปเนื่องจาก
อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นไม่ได้เกิดจากการที่เศรษฐกิจขยายตัวเร็วเกินไปแต่เป็นผลมาจากต้นทุนที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน โดยในเดือน ธ.ค.50 ที่ผ่านมา
ธ.กลางเกาหลีใต้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยมีกำหนดจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 10 ม.ค.51 นี้
(รอยเตอร์)
3. การส่งออกของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 เทียบต่อปีในเดือน ธ.ค.50 รายงานจากโซลเมื่อ 2 ม.ค.51 ก.พาณิชย์
เปิดเผยว่า การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.50 มีจำนวน 33.25 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 เทียบต่อปี ชะลอลง
จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 17.1 และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6 ขณะที่การนำเข้า
มีจำนวน 34.11 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.0 เทียบต่อปี จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 25.9 แต่สูงกว่าการคาดการณ์
ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 17.2 ส่งผลให้เกาหลีใต้ขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค.46 โดยขาดดุล
จำนวน 0.87 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หลังจากที่เกินดุลการค้าจำนวน 2.13 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในเดือนก่อนหน้า สำหรับการส่งออกทั้งปี 50
เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 15.3 นอกจากนี้ ก.พาณิชย์ได้คาดการณ์การส่งออกในปี 51 โดยคาดว่าจะขยายตัว
ร้อยละ 11.6 และการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 12.7 ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลเป็นจำนวน 13 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
4. จีดีพีของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 50 ขยายตัวชะลอลงร้อยละ 3.2 เทียบต่อไตรมาส ต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2
ปี 46 รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ 2 ม.ค.51 ทางการสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 4 ปี 50
ขยายตัวชะลอลงร้อยละ 3.2 จากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.4 และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 46 ขณะที่เมื่อเทียบต่อปี
จีดีพีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 ต่ำกว่าที่ทางการประเมินไว้ว่าจะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 7.5 ทั้งนี้ การที่จีดีพีของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ขยายตัว
ลดลง เป็นผลจากการชะลอตัวของภาคการผลิต ซึ่งมีสัดส่วนเป็น 1 ใน 4 ของจีดีพี โดยภาคการผลิตขยายตัวเพียงร้อยละ 0.5 ลดลงจากที่ขยายตัว
ร้อยละ 10.3 ในไตรมาสก่อนหน้า นำโดยการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม ภาคบริการและการก่อสร้างยังคงมีแนวโน้มขยายตัวดี
โดยขยายตัวร้อยละ 8.3 และ 24.4 เทียบต่อปี หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 8.3 และ 19.2 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 2 ม.ค. 51 28 ธ.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.747 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.5519/33.8850 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.35406 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 858.10/17.36 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,200*/13,300* 13,100/13,200 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
* ราคาทองคำ ณ วันที่ 29 ธ.ค.50
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 88.47 88.13 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 32.89*/29.34* 32.89*/29.34* 26.49/23.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 26 ธ.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--