ภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือเดือนพฤศจิกายน 2550 ขยายตัวในอัตราชะลอลงจากเดือนก่อน โดยด้านอุปทาน รายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้นแต่ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนตามราคาพืชหลัก การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงอีกครั้งตามการผลิตเพื่อส่งออกในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ ขณะที่ภาคบริการขยายตัวตามฤดูกาล ด้านอุปสงค์ การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในอัตราชะลอลง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนลดลงต่อเนื่องตามการลงทุนในหมวดก่อสร้าง ด้านการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐชะลอลง การส่งออกและนำเข้าลดลง ดัชนีราคาผู้บริโภคเร่งตัวต่อเนื่องตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น เงินฝากขยายตัวสูงขึ้น ส่วนสินเชื่อขยายตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจ มีดังนี้
1. ภาคเกษตร รายได้ของเกษตรกรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.4 ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยผลผลิตพืชหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ได้แก่ข้าวนาปี ถั่วเขียว และมันสำปะหลัง เนื่องจากราคาปีก่อนจูงใจให้เกษตรกรขยายการผลิต ประกอบกับสภาพอากาศเอื้ออำนวย ขณะที่ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วเหลืองลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกมันสำปะหลังและอ้อยโรงงาน ทางด้านราคาพืชสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 ชะลอลงจากเดือนก่อนโดยราคาข้าวเปลือกเจ้านาปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 ตามความต้องการเพื่อส่งออก ประกอบกับประเทศคู่แข่งประสบปัญหาผลผลิตไม่เพียงพอ ส่วนพืชสำคัญอื่นๆที่มีราคาเพิ่มขึ้นได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วเขียวและมันสำปะหลัง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.2 ร้อยละ 40.2 ร้อยละ 9.6 และร้อยละ 72.7 ตามลำดับ ส่วนราคาข้าวเปลือกเหนียวลดลงร้อยละ 15.0 เนื่องจากมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับประเทศนำเข้าสำคัญได้แก่ จีนและญี่ปุ่น ชะลอการสั่งซื้อ
2. ภาคอุตสาหกรรม การผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือลดลงตามการผลิตเพื่อส่งออกในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเป็นสำคัญ โดยการผลิตเพื่อส่งออกลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.6 เหลือ 159.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเฉพาะสินค้าประเภทแผงวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า ส่วนประกอบ Hard disk drive ทรานฟอร์เมอร์และมอเตอร์ ส่วนการผลิตเลนส์กล้องถ่ายรูปทรงตัวจากเดือนก่อน การผลิตอัญมณีเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวโดยเฉพาะเพชรเจียระไน ตามการขยายตัวของตลาดเอเชียตะวันออกกลางซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง สำหรับการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มปรับลดลงเนื่องจากเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับผู้ผลิตนอกเขตภาคเหนือ การผลิตอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างลดลงต่อเนื่องแต่ปริมาณการผลิตใกล้เคียงกับเดือนก่อน ทางด้านการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 10.2 เหลือ 226.5 ล้านบาท โดยลดลงตามการจำหน่ายของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มเป็นสำคัญ
3. ภาคบริการ ขยายตัวในเกณฑ์ดี เนื่องจากเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งมีงานพืชสวนโลกทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมาในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดต่างๆในภาคเหนือตอนบนในเกณฑ์สูง สำหรับเครื่องชี้ภาคบริการที่สำคัญ ได้แก่ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.2 จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานลดลงร้อยละ 3.3 อัตราการเข้าพักของโรงแรมในภาคเหนืออยู่ที่ร้อยละ 69.5 สูงกว่าเดือนก่อนแต่ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.4 ส่วนราคาห้องพักของโรงแรมในภาคเหนือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวในอัตราชะลอลง โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มโดยรวมลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.6 ตามการจัดเก็บที่ลดลงมากในหมวดอุตสาหกรรม แต่การจัดเก็บในหมวดค้าส่งค้าปลีกยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ส่วนเครื่องชี้กิจกรรมการอุปโภคบริโภคที่สำคัญ ได้แก่ ปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.2 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 6.6 เดือนก่อน โดยเป็นการขยายตัวตามปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 และปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ทางด้านปริมาณการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ลดลงร้อยละ 17.1 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 14.3 เดือนก่อน
5. การลงทุนภาคเอกชน ยังคงลดลงต่อเนื่อง พิจารณาจากเครื่องชี้สำคัญโดยเฉพาะปริมาณจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่ลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน อย่างไรก็ดี มีความสนใจลงทุนก่อสร้างเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในบางพื้นที่ทำให้พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.2 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 7.8 เดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นมากในพื้นที่ก่อสร้างประเภทอาคารพาณิชย์ โรงแรมและหอพัก ส่วนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ดินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1.3 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 4.5 เดือนก่อน สำหรับการลงทุนของกิจการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.8 เป็น 258.5 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกิจการในหมวดเกษตรกรรมและผลิตผลการเกษตร
6. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณผ่านคลังจังหวัดในภาคเหนือ มีการเบิกจ่ายจำนวนทั้งสิ้น 10,520.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.2 ต่ำกว่าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.2 เดือนก่อน จำแนกเป็นรายจ่ายประจำจำนวน 8,434.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.3 ตามการเบิกจ่ายในงบประมาณหมวดบุคลากรและหมวดดำเนินงาน ส่วนรายจ่ายเพื่อการลงทุนมีจำนวน 2,085.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.2 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัวเดือนก่อน จากการเบิกจ่ายในหมวดค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่ลดลงร้อยละ 36.0 และร้อยละ 13.5 ตามลำดับ ขณะที่หมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยจังหวัดที่มีการเบิกจ่ายสูงได้แก่ จังหวัดพะเยา เชียงราย และแม่ฮ่องสอน
7. การค้าต่างประเทศ มูลค่าการค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนอีกครั้ง โดยลดลงร้อยละ 2.4 เหลือ 357.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. แยกเป็น การส่งออก ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือลดลงร้อยละ 2.3 เหลือ 223.3 ล้านดอลลาร์ สรอ.เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เดือนก่อน เป็นการลดลงทั้งจากสินค้าหมวดอุตสาหกรรมและสินค้าหมวดเกษตร ได้แก่ สินค้าประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยางแผ่นรมควัน และลำไยอบแห้ง ส่วนการส่งออกสินค้าประเภทอัญมณีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว จากการขยายตัวของตลาดส่งออกใหม่ในเอเชียตะวันออกกลางเป็นสำคัญ การส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3 เป็น 57.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกไปตลาดพม่าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.6 เป็น 44.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนการส่งออกไปจีนตอนใต้และลาวลดลงร้อยละ 9.7 และร้อยละ 23.2 ตามลำดับ
การนำเข้า ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือลดลงร้อยละ 2.6 เหลือ 133.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการนำเข้าในหมวดสินค้าทุนลดลงร้อยละ 16.0 ตามการนำเข้าเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนที่ลดลงร้อยละ 41.2 และร้อยละ 73.8 ตามลำดับ รวมทั้งการนำเข้าสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคลดลงร้อยละ 29.7 ตามการนำเข้าเครื่องใช้ในครัวเรือนที่ลดลง ส่วนการนำเข้าสินค้าหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 ตามการนำเข้าอัญมณี และพลาสติกใช้ในอุตสาหกรรม เป็นสำคัญ ด้านการนำเข้าผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 เป็น 12.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 เดือนก่อน โดยการนำเข้าจากพม่าและลาวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 และร้อยละ 32.5 ตามลำดับ ส่วนการนำเข้าจากจีนตอนใต้ลดลงร้อยละ 14.1
ดุลการค้า เกินดุล 89.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่เกินดุล 91.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่เกินดุล 66.0 ล้านดอลลาร์ สรอ.
8. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.5 เร่งตัวขึ้นจากที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.8 เดือนก่อน ตามการเร่งตัวของสินค้าหมวดอื่นๆไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 22.9 ขณะที่ผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 และร้อยละ 3.5 ตามลำดับ เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต ส่วนราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยราคาสินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ข้าวเหนียว เป็ด ไก่ ไข่ และผลไม้สด
ทางด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.6 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เดือนก่อน
9. การจ้างงาน ในเดือนตุลาคม 2550 ภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวมจำนวน 6.65 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.55 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 จากการขยายตัวของการจ้างแรงงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 โดยเฉพาะสาขาโรงแรมและภัตตาคารที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.9 ส่วนการจ้างงานในภาคเกษตรลดลงร้อยละ 1.7 ทางด้านอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.3 ต่ำกว่าร้อยละ 1.5 เดือนก่อน และอยู่ในระดับเดียวกับระยะเดียวกันปีก่อน
สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ในเดือนพฤศจิกายน 2550 มีจำนวน 0.60 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 0.1 และร้อยละ 2.0 ตามลำดับ
10. การเงิน ยอดคงค้างเงินฝากที่สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 348,641 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.8 เร่งตัวจากเดือนก่อน ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากของส่วนราชการ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ตากและสุโขทัย ทางด้านเงินให้สินเชื่อ มียอดคงค้างทั้งสิ้น 281,239 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.1 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน สินเชื่อเพิ่มขึ้นจากความต้องการของสินเชื่อส่วนบุคคล รวมทั้งความต้องการสินเชื่อธุรกิจค้าพืชไร่ในจังหวัดเพชรบูรณ์และนครสวรรค์ สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 80.7 สูงขึ้นจาก ร้อยละ 80.4 ระยะเดียวกัน ปีก่อน
ข้อมูลเพิ่มเติม : คุณรณรงค์ ไชยสมบัติ โทร. 0-5393-1143 e-mail: ronnaroc@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจ มีดังนี้
1. ภาคเกษตร รายได้ของเกษตรกรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.4 ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยผลผลิตพืชหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ได้แก่ข้าวนาปี ถั่วเขียว และมันสำปะหลัง เนื่องจากราคาปีก่อนจูงใจให้เกษตรกรขยายการผลิต ประกอบกับสภาพอากาศเอื้ออำนวย ขณะที่ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วเหลืองลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกมันสำปะหลังและอ้อยโรงงาน ทางด้านราคาพืชสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 ชะลอลงจากเดือนก่อนโดยราคาข้าวเปลือกเจ้านาปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 ตามความต้องการเพื่อส่งออก ประกอบกับประเทศคู่แข่งประสบปัญหาผลผลิตไม่เพียงพอ ส่วนพืชสำคัญอื่นๆที่มีราคาเพิ่มขึ้นได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง ถั่วเขียวและมันสำปะหลัง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.2 ร้อยละ 40.2 ร้อยละ 9.6 และร้อยละ 72.7 ตามลำดับ ส่วนราคาข้าวเปลือกเหนียวลดลงร้อยละ 15.0 เนื่องจากมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับประเทศนำเข้าสำคัญได้แก่ จีนและญี่ปุ่น ชะลอการสั่งซื้อ
2. ภาคอุตสาหกรรม การผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือลดลงตามการผลิตเพื่อส่งออกในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเป็นสำคัญ โดยการผลิตเพื่อส่งออกลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.6 เหลือ 159.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเฉพาะสินค้าประเภทแผงวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า ส่วนประกอบ Hard disk drive ทรานฟอร์เมอร์และมอเตอร์ ส่วนการผลิตเลนส์กล้องถ่ายรูปทรงตัวจากเดือนก่อน การผลิตอัญมณีเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวโดยเฉพาะเพชรเจียระไน ตามการขยายตัวของตลาดเอเชียตะวันออกกลางซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง สำหรับการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มปรับลดลงเนื่องจากเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับผู้ผลิตนอกเขตภาคเหนือ การผลิตอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างลดลงต่อเนื่องแต่ปริมาณการผลิตใกล้เคียงกับเดือนก่อน ทางด้านการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 10.2 เหลือ 226.5 ล้านบาท โดยลดลงตามการจำหน่ายของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มเป็นสำคัญ
3. ภาคบริการ ขยายตัวในเกณฑ์ดี เนื่องจากเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งมีงานพืชสวนโลกทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมาในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดต่างๆในภาคเหนือตอนบนในเกณฑ์สูง สำหรับเครื่องชี้ภาคบริการที่สำคัญ ได้แก่ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.2 จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานลดลงร้อยละ 3.3 อัตราการเข้าพักของโรงแรมในภาคเหนืออยู่ที่ร้อยละ 69.5 สูงกว่าเดือนก่อนแต่ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.4 ส่วนราคาห้องพักของโรงแรมในภาคเหนือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวในอัตราชะลอลง โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มโดยรวมลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.6 ตามการจัดเก็บที่ลดลงมากในหมวดอุตสาหกรรม แต่การจัดเก็บในหมวดค้าส่งค้าปลีกยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ส่วนเครื่องชี้กิจกรรมการอุปโภคบริโภคที่สำคัญ ได้แก่ ปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.2 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 6.6 เดือนก่อน โดยเป็นการขยายตัวตามปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 และปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ทางด้านปริมาณการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ลดลงร้อยละ 17.1 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 14.3 เดือนก่อน
5. การลงทุนภาคเอกชน ยังคงลดลงต่อเนื่อง พิจารณาจากเครื่องชี้สำคัญโดยเฉพาะปริมาณจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่ลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน อย่างไรก็ดี มีความสนใจลงทุนก่อสร้างเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในบางพื้นที่ทำให้พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.2 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 7.8 เดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นมากในพื้นที่ก่อสร้างประเภทอาคารพาณิชย์ โรงแรมและหอพัก ส่วนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ดินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1.3 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 4.5 เดือนก่อน สำหรับการลงทุนของกิจการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.8 เป็น 258.5 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกิจการในหมวดเกษตรกรรมและผลิตผลการเกษตร
6. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณผ่านคลังจังหวัดในภาคเหนือ มีการเบิกจ่ายจำนวนทั้งสิ้น 10,520.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.2 ต่ำกว่าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.2 เดือนก่อน จำแนกเป็นรายจ่ายประจำจำนวน 8,434.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.3 ตามการเบิกจ่ายในงบประมาณหมวดบุคลากรและหมวดดำเนินงาน ส่วนรายจ่ายเพื่อการลงทุนมีจำนวน 2,085.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.2 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัวเดือนก่อน จากการเบิกจ่ายในหมวดค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่ลดลงร้อยละ 36.0 และร้อยละ 13.5 ตามลำดับ ขณะที่หมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยจังหวัดที่มีการเบิกจ่ายสูงได้แก่ จังหวัดพะเยา เชียงราย และแม่ฮ่องสอน
7. การค้าต่างประเทศ มูลค่าการค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนอีกครั้ง โดยลดลงร้อยละ 2.4 เหลือ 357.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. แยกเป็น การส่งออก ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือลดลงร้อยละ 2.3 เหลือ 223.3 ล้านดอลลาร์ สรอ.เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เดือนก่อน เป็นการลดลงทั้งจากสินค้าหมวดอุตสาหกรรมและสินค้าหมวดเกษตร ได้แก่ สินค้าประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยางแผ่นรมควัน และลำไยอบแห้ง ส่วนการส่งออกสินค้าประเภทอัญมณีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว จากการขยายตัวของตลาดส่งออกใหม่ในเอเชียตะวันออกกลางเป็นสำคัญ การส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3 เป็น 57.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกไปตลาดพม่าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.6 เป็น 44.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนการส่งออกไปจีนตอนใต้และลาวลดลงร้อยละ 9.7 และร้อยละ 23.2 ตามลำดับ
การนำเข้า ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือลดลงร้อยละ 2.6 เหลือ 133.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการนำเข้าในหมวดสินค้าทุนลดลงร้อยละ 16.0 ตามการนำเข้าเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนที่ลดลงร้อยละ 41.2 และร้อยละ 73.8 ตามลำดับ รวมทั้งการนำเข้าสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคลดลงร้อยละ 29.7 ตามการนำเข้าเครื่องใช้ในครัวเรือนที่ลดลง ส่วนการนำเข้าสินค้าหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 ตามการนำเข้าอัญมณี และพลาสติกใช้ในอุตสาหกรรม เป็นสำคัญ ด้านการนำเข้าผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 เป็น 12.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 เดือนก่อน โดยการนำเข้าจากพม่าและลาวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 และร้อยละ 32.5 ตามลำดับ ส่วนการนำเข้าจากจีนตอนใต้ลดลงร้อยละ 14.1
ดุลการค้า เกินดุล 89.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่เกินดุล 91.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่เกินดุล 66.0 ล้านดอลลาร์ สรอ.
8. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.5 เร่งตัวขึ้นจากที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.8 เดือนก่อน ตามการเร่งตัวของสินค้าหมวดอื่นๆไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 22.9 ขณะที่ผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 และร้อยละ 3.5 ตามลำดับ เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต ส่วนราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยราคาสินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ข้าวเหนียว เป็ด ไก่ ไข่ และผลไม้สด
ทางด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.6 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เดือนก่อน
9. การจ้างงาน ในเดือนตุลาคม 2550 ภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวมจำนวน 6.65 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.55 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 จากการขยายตัวของการจ้างแรงงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 โดยเฉพาะสาขาโรงแรมและภัตตาคารที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.9 ส่วนการจ้างงานในภาคเกษตรลดลงร้อยละ 1.7 ทางด้านอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.3 ต่ำกว่าร้อยละ 1.5 เดือนก่อน และอยู่ในระดับเดียวกับระยะเดียวกันปีก่อน
สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ในเดือนพฤศจิกายน 2550 มีจำนวน 0.60 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 0.1 และร้อยละ 2.0 ตามลำดับ
10. การเงิน ยอดคงค้างเงินฝากที่สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 348,641 ล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.8 เร่งตัวจากเดือนก่อน ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากของส่วนราชการ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ตากและสุโขทัย ทางด้านเงินให้สินเชื่อ มียอดคงค้างทั้งสิ้น 281,239 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.1 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน สินเชื่อเพิ่มขึ้นจากความต้องการของสินเชื่อส่วนบุคคล รวมทั้งความต้องการสินเชื่อธุรกิจค้าพืชไร่ในจังหวัดเพชรบูรณ์และนครสวรรค์ สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 80.7 สูงขึ้นจาก ร้อยละ 80.4 ระยะเดียวกัน ปีก่อน
ข้อมูลเพิ่มเติม : คุณรณรงค์ ไชยสมบัติ โทร. 0-5393-1143 e-mail: ronnaroc@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--