ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เตรียมปรับเป้าหมายเงินเฟ้อพื้นฐานใหม่รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการ
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ จะมีการหารือเพื่อกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อพื้นฐานใหม่จากปัจจุบัน
ที่อยู่ในระดับร้อยละ 0-3.5 และต้องชี้แจงต่อสาธารณะถึงเหตุผลในการปรับเป้าหมาย แต่เชื่อว่าค่าเฉลี่ยจะยังคงอยู่ในกรอบไม่เกินร้อยละ 4.5
เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและระดับราคาไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน (โพสต์ทูเดย์)
2. ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้โดยรวมในเดือน พ.ย.50 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยว่า ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจภาคใต้เดือน พ.ย.50 มีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 ตามการเพิ่มขึ้น
ของราคายางพาราที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.1 ราคาปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.4 ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักเพิ่มขึ้น
จากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 63.6 ส่วนภาคอุตสาหกรรมโดยรวมก็ปรับตัวดีขึ้น โดยน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ตามปริมาณวัตถุดิบ เช่น
เดียวกับยาง แต่ปริมาณการส่งออกลดลงร้อยละ 25.7 เนื่องจากต่างประเทศชะลอการซื้อ สำหรับการท่องเที่ยวยังขยายตัวดี มีนักท่องเที่ยว
ต่างประเทศเดินทางเข้ามายังภาคใต้เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.0 (ข่าวสด)
3. ธ.เอสเอ็มอีจะใช้แผนเชิงรุกในการปรับโครงสร้างหนี้เอ็นพีแอลให้เหลือร้อยละ 35 ในปี 51 ประธานกรรมการบริหาร
ธ.พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า ในปี 51 ธนาคารจะใช้แผนเชิงรุกในการปรับ
โครงสร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ให้เหลือร้อยละ 35 จากปัจจุบันร้อยละ 44 โดยจะเปิดประมูลให้บุคคลภายนอกมาบริหาร
จัดการวงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ภายในเดือน ม.ค.51 และจะขายทิ้งอีก 3,000-4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือธนาคารจะบริหาร
จัดการเอง ส่วนสินเชื่อธนาคารพร้อมที่จะปล่อยสินเชื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 28,000 ล้านบาท
โดยธนาคารจะลดกระบวนการอนุมัติให้ไม่เกิน 45 วัน จากเดิม 60 วัน และจะเพิ่มอำนาจการอนุมัติสินเชื่อของส่วนภูมิภาคเป็น 5 ล้านบาท
จาก 3 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้การปล่อยสินเชื่อรวดเร็วขึ้น (โลกวันนี้, แนวหน้า)
4. เอฟทีเอไทย-เกาหลีบรรลุข้อตกลงการเจรจา รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจา
จัดทำข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี (AKFTA) ว่า ในการเจรจาครั้งล่าสุดที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17-18 ธ.ค.50 สามารถบรรลุผลการ
เจรจาได้ในที่สุด โดยเกาหลียืดหยุ่นให้ไทยไม่ต้องลด/ยกเลิกภาษีตามรูปแบบการลดภาษีที่เกาหลีตกลงกับประเทศอื่นในอาเซียน การเจรจา
ดังกล่าวทำให้ไทยสามารถขยายเวลาการลด/ยกเลิกภาษีสินค้าอ่อนไหวบางรายการออกไป จากปี 2553 และปี 2555 เป็นปี 2559 และ 2560
นอกจากนี้ การบรรลุผลการเจรจาดังกล่าว จะทำให้ไทยได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลีเต็มที่ และได้เข้าร่วม
เขตการค้าที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงกว่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ.ทันที รวมทั้งจะได้ประโยชน์จากการค้าบริการที่อาเซียน-เกาหลี
บรรลุข้อตกลงกันไปแล้วเมื่อเดือน พ.ย.50 ด้วย (โพสต์ทูเดย์, บ้านเมือง, มติชน, แนวหน้า)
5. สถิติโรงงานเลิกกิจการปี 50 ลดลงร้อยละ 8.8 เทียบต่อปี รายงานข่าวจาก ก.อุตสาหกรรม เปิดเผยตัวเลขสถิติโรวงงาน
เลิกกิจการปี 50 (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธ.ค.50) จำนวน 2,003 ราย ลดลงร้อยละ 8.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 49 ที่เลิกกิจการ
2,179 ราย ขณะที่มูลค่าเงินทุนมีจำนวน 3.27 หมื่นล้านบาท เทียบกับปี 49 ที่มีเงินลงทุนจำนวน 2.94 หมื่นล้านบาท โดยในจำนวนโรงงาน
ที่ปิดจะมีแรงงานถูกเลิกจ้าง 4.63 หมื่นคน ทั้งนี้ ธุรกิจที่แจ้งเลิกกิจการสูงสุด ได้แก่ โรงงานผลิตภัณฑ์โลหะ 240 ราย รองลงมา คือ โรงงาน
ผลิตยานพาหนะและอุปกรณ์ รวมทั้งการซ่อมยานพาหนะและอุปกรณ์จำนวน 230 ราย โรงงานผลิตภัณฑ์อโลหะ 189 ราย เป็นต้น สำหรับสถิติ
โรงงานที่ขอเปิดกิจการปี 50 มีจำนวน 4,230 ราย ลดลงร้อยละ 24.3 เทียบกับปี 49 ที่แจ้งเปิดกิจการจำนวน 5,260 ราย โดยโรงงาน
ที่ขอเปิดมากที่สุด ได้แก่ โรงงานผลิตภัณฑ์โลหะ 440 ราย เงินทุน 7,508 ล้านบาท (โพสต์ทูเดย์, บ้านเมือง, ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของ สรอ. ในเดือน พ.ย. 50 เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 1.5 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 51
ทางการ สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายถึงร้อยละ 1.5 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจาก
ภาวะสินเชื่อและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในช่วงขาลงก็ตาม ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นคำสั่งซื้อสินค้าไม่คงทนซึ่งรวมทั้งอาหาร สิ่งทอ กระดาษ และ
เคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมากถึงร้อยละ 3 มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 48 แต่จากผลการสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ก่อนหน้านั้นคาดว่า
คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.7 อย่างไรก็ตามดัชนี ISM กลับบ่งชี้ว่าในเดือน ธ.ค. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานหดตัวลง
ขณะเดียวกันราคาตราสารหนี้ภาครัฐลดลงอย่างมากหลังจากการเปิดเผยตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่เมื่อ
วันพุธที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นสำคัญเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามราคาตราสารหนี้และราคาหุ้นได้ตกลงอีกครั้งภายหลังการเปิดเผยตัวเลขดัชนี ISM
ของเดือน ธ.ค. (รอยเตอร์)
2. เยอรมนีอาจจะต้องปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ลงจากปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศ
เยอรมนี เมื่อวันที่ 3 ม.ค.51 Peer Steinbrueck รมว.คลัง เยอรมนี คาดว่าอาจจะต้องปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของ
เยอรมนีในปีนี้ลง เนื่องจากเงินยูโรแข็งค่าขึ้นและการส่งออกอาจจะไม่ดีเหมือนที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่างที่เพิ่มขึ้น อาทิ
ราคาน้ำมัน และอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นสูงในช่วงสิ้นปีก่อน ขณะที่เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตชะลอตัวลง ทั้งนี้ เมื่อเดือน ต.ค.50
รัฐบาลได้ปรับลดพยากรณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 51 ลงเหลือร้อยละ 2.0 จากร้อยละ 2.4 ด้าน Michael Glos รมว.เศรษฐกิจ
กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้รัฐบาลกำลังเตรียมปรับลดพยากรณ์เศรษฐกิจลงอยู่ที่ระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ในขณะที่สมาคมผู้ค้าส่งสินค้าของเยอรมนี (BGA)
คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตร้อยละ 1.7 ส่วนสถาบันเพื่อการวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี (DIW) คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 2.1
(รอยเตอร์)
3. ผู้ค้าส่งในเยอรมนีคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีนี้จะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.7 ชะลอตัวลงจากปีก่อน รายงานจากเบอร์ลิน
เมื่อ 3 ม.ค.51 BGA ซึ่งเป็นสมาคมผู้ค้าส่งในเยอรมนีรายงานผลสำรวจความเห็นของธุรกิจค้าส่ง 1,200 แห่งคาดว่ายอดค้าส่งในเยอรมนีในปีนี้
จะมีมูลค่าประมาณ 790 พันล้านยูโรหรือประมาณ 1.164 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.โดยขยายตัวเพียงร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้
ยังคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดใน Euro zone จะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.7 ในปีนี้ ชะลอตัวลงจากปีที่แล้วซึ่งคาดว่าขยายตัว
ร้อยละ 2.5 สอดคล้องกับ ก.เศรษฐกิจของเยอรมนีที่ออกมาแถลงว่าเตรียมที่จะปรับลดประมาณการอัตราการขยายทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือ
ต่ำกว่าร้อยละ 2 ต่อปีหลังจากปรับลดมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือน ต.ค.50 ทั้งนี้ เป็นผลจากต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยราคาน้ำมัน
เมื่อวันที่ 2 ม.ค.51 ที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 100 ดอลลาร์ สรอ.หลังจากเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 57 ในปี 50
ในขณะที่ค่าเงินยูโรสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.นอกจากนี้ ความวุ่นวายในตลาดการเงินทั่วโลกในขณะนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีนี้ได้เช่นเดียวกัน (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.50 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 ที่ระดับร้อยละ 8.4 รายงานจากนูเรมเบอร์ก
เยอรมนี เมื่อ 3 ม.ค.51 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.50 ลดลงที่ระดับร้อยละ 8.4 จากระดับ
ร้อยละ 8.6 ในเดือนก่อนหน้า ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.36 ในด้านจำนวนคนว่างงานของเยอรมนี
โดยรวมมีทั้งสิ้น 3.513 ล้านคน ลดลง 78,000 คน เหนือความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะลดลงเพียง 30,000 คน ซึ่ง
นักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่าอัตราการว่างงานที่ชะลอลง สะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมนี ทั้งนี้ จำนวนคนว่างงานของเยอรมนี
เคยเพิ่มสูงถึง 5.010 ล้านคนในเดือน มี.ค.48 และได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจาก
ธุรกิจเยอรมนีจ้างงานเพิ่มขึ้น อนึ่ง สายการบิน Deutsche Lufthansa AG เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า บริษัทมีแผนที่จะจ้างงานเพิ่ม
4,300 อัตราในปีนี้ ซึ่งครอบคลุมพนักงานบริการจำนวน 2,000 อัตรา และนักบินจำนวน 360 อัตรา ตามแผนการขยายธุรกิจไปยังทั่วโลก
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 ม.ค. 51 3 ม.ค. 51 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.462 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.2684/33.6033 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.34234 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 832.63/18.30 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,500/13,600 13,350/13,450 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 92.39 89.09 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 33.29*/29.74* 33.29*/29.74* 26.49/23.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 3 ม.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เตรียมปรับเป้าหมายเงินเฟ้อพื้นฐานใหม่รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการ
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ จะมีการหารือเพื่อกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อพื้นฐานใหม่จากปัจจุบัน
ที่อยู่ในระดับร้อยละ 0-3.5 และต้องชี้แจงต่อสาธารณะถึงเหตุผลในการปรับเป้าหมาย แต่เชื่อว่าค่าเฉลี่ยจะยังคงอยู่ในกรอบไม่เกินร้อยละ 4.5
เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและระดับราคาไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน (โพสต์ทูเดย์)
2. ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้โดยรวมในเดือน พ.ย.50 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยว่า ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจภาคใต้เดือน พ.ย.50 มีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 ตามการเพิ่มขึ้น
ของราคายางพาราที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.1 ราคาปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.4 ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักเพิ่มขึ้น
จากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 63.6 ส่วนภาคอุตสาหกรรมโดยรวมก็ปรับตัวดีขึ้น โดยน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ตามปริมาณวัตถุดิบ เช่น
เดียวกับยาง แต่ปริมาณการส่งออกลดลงร้อยละ 25.7 เนื่องจากต่างประเทศชะลอการซื้อ สำหรับการท่องเที่ยวยังขยายตัวดี มีนักท่องเที่ยว
ต่างประเทศเดินทางเข้ามายังภาคใต้เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.0 (ข่าวสด)
3. ธ.เอสเอ็มอีจะใช้แผนเชิงรุกในการปรับโครงสร้างหนี้เอ็นพีแอลให้เหลือร้อยละ 35 ในปี 51 ประธานกรรมการบริหาร
ธ.พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า ในปี 51 ธนาคารจะใช้แผนเชิงรุกในการปรับ
โครงสร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ให้เหลือร้อยละ 35 จากปัจจุบันร้อยละ 44 โดยจะเปิดประมูลให้บุคคลภายนอกมาบริหาร
จัดการวงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ภายในเดือน ม.ค.51 และจะขายทิ้งอีก 3,000-4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือธนาคารจะบริหาร
จัดการเอง ส่วนสินเชื่อธนาคารพร้อมที่จะปล่อยสินเชื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 28,000 ล้านบาท
โดยธนาคารจะลดกระบวนการอนุมัติให้ไม่เกิน 45 วัน จากเดิม 60 วัน และจะเพิ่มอำนาจการอนุมัติสินเชื่อของส่วนภูมิภาคเป็น 5 ล้านบาท
จาก 3 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้การปล่อยสินเชื่อรวดเร็วขึ้น (โลกวันนี้, แนวหน้า)
4. เอฟทีเอไทย-เกาหลีบรรลุข้อตกลงการเจรจา รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจา
จัดทำข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี (AKFTA) ว่า ในการเจรจาครั้งล่าสุดที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17-18 ธ.ค.50 สามารถบรรลุผลการ
เจรจาได้ในที่สุด โดยเกาหลียืดหยุ่นให้ไทยไม่ต้องลด/ยกเลิกภาษีตามรูปแบบการลดภาษีที่เกาหลีตกลงกับประเทศอื่นในอาเซียน การเจรจา
ดังกล่าวทำให้ไทยสามารถขยายเวลาการลด/ยกเลิกภาษีสินค้าอ่อนไหวบางรายการออกไป จากปี 2553 และปี 2555 เป็นปี 2559 และ 2560
นอกจากนี้ การบรรลุผลการเจรจาดังกล่าว จะทำให้ไทยได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลีเต็มที่ และได้เข้าร่วม
เขตการค้าที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงกว่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ.ทันที รวมทั้งจะได้ประโยชน์จากการค้าบริการที่อาเซียน-เกาหลี
บรรลุข้อตกลงกันไปแล้วเมื่อเดือน พ.ย.50 ด้วย (โพสต์ทูเดย์, บ้านเมือง, มติชน, แนวหน้า)
5. สถิติโรงงานเลิกกิจการปี 50 ลดลงร้อยละ 8.8 เทียบต่อปี รายงานข่าวจาก ก.อุตสาหกรรม เปิดเผยตัวเลขสถิติโรวงงาน
เลิกกิจการปี 50 (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธ.ค.50) จำนวน 2,003 ราย ลดลงร้อยละ 8.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 49 ที่เลิกกิจการ
2,179 ราย ขณะที่มูลค่าเงินทุนมีจำนวน 3.27 หมื่นล้านบาท เทียบกับปี 49 ที่มีเงินลงทุนจำนวน 2.94 หมื่นล้านบาท โดยในจำนวนโรงงาน
ที่ปิดจะมีแรงงานถูกเลิกจ้าง 4.63 หมื่นคน ทั้งนี้ ธุรกิจที่แจ้งเลิกกิจการสูงสุด ได้แก่ โรงงานผลิตภัณฑ์โลหะ 240 ราย รองลงมา คือ โรงงาน
ผลิตยานพาหนะและอุปกรณ์ รวมทั้งการซ่อมยานพาหนะและอุปกรณ์จำนวน 230 ราย โรงงานผลิตภัณฑ์อโลหะ 189 ราย เป็นต้น สำหรับสถิติ
โรงงานที่ขอเปิดกิจการปี 50 มีจำนวน 4,230 ราย ลดลงร้อยละ 24.3 เทียบกับปี 49 ที่แจ้งเปิดกิจการจำนวน 5,260 ราย โดยโรงงาน
ที่ขอเปิดมากที่สุด ได้แก่ โรงงานผลิตภัณฑ์โลหะ 440 ราย เงินทุน 7,508 ล้านบาท (โพสต์ทูเดย์, บ้านเมือง, ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของ สรอ. ในเดือน พ.ย. 50 เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 1.5 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 51
ทางการ สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายถึงร้อยละ 1.5 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจาก
ภาวะสินเชื่อและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในช่วงขาลงก็ตาม ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นคำสั่งซื้อสินค้าไม่คงทนซึ่งรวมทั้งอาหาร สิ่งทอ กระดาษ และ
เคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมากถึงร้อยละ 3 มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 48 แต่จากผลการสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ก่อนหน้านั้นคาดว่า
คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.7 อย่างไรก็ตามดัชนี ISM กลับบ่งชี้ว่าในเดือน ธ.ค. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานหดตัวลง
ขณะเดียวกันราคาตราสารหนี้ภาครัฐลดลงอย่างมากหลังจากการเปิดเผยตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่เมื่อ
วันพุธที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นสำคัญเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามราคาตราสารหนี้และราคาหุ้นได้ตกลงอีกครั้งภายหลังการเปิดเผยตัวเลขดัชนี ISM
ของเดือน ธ.ค. (รอยเตอร์)
2. เยอรมนีอาจจะต้องปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ลงจากปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศ
เยอรมนี เมื่อวันที่ 3 ม.ค.51 Peer Steinbrueck รมว.คลัง เยอรมนี คาดว่าอาจจะต้องปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของ
เยอรมนีในปีนี้ลง เนื่องจากเงินยูโรแข็งค่าขึ้นและการส่งออกอาจจะไม่ดีเหมือนที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่างที่เพิ่มขึ้น อาทิ
ราคาน้ำมัน และอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นสูงในช่วงสิ้นปีก่อน ขณะที่เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตชะลอตัวลง ทั้งนี้ เมื่อเดือน ต.ค.50
รัฐบาลได้ปรับลดพยากรณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 51 ลงเหลือร้อยละ 2.0 จากร้อยละ 2.4 ด้าน Michael Glos รมว.เศรษฐกิจ
กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้รัฐบาลกำลังเตรียมปรับลดพยากรณ์เศรษฐกิจลงอยู่ที่ระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ในขณะที่สมาคมผู้ค้าส่งสินค้าของเยอรมนี (BGA)
คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตร้อยละ 1.7 ส่วนสถาบันเพื่อการวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี (DIW) คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 2.1
(รอยเตอร์)
3. ผู้ค้าส่งในเยอรมนีคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีนี้จะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.7 ชะลอตัวลงจากปีก่อน รายงานจากเบอร์ลิน
เมื่อ 3 ม.ค.51 BGA ซึ่งเป็นสมาคมผู้ค้าส่งในเยอรมนีรายงานผลสำรวจความเห็นของธุรกิจค้าส่ง 1,200 แห่งคาดว่ายอดค้าส่งในเยอรมนีในปีนี้
จะมีมูลค่าประมาณ 790 พันล้านยูโรหรือประมาณ 1.164 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.โดยขยายตัวเพียงร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้
ยังคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดใน Euro zone จะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.7 ในปีนี้ ชะลอตัวลงจากปีที่แล้วซึ่งคาดว่าขยายตัว
ร้อยละ 2.5 สอดคล้องกับ ก.เศรษฐกิจของเยอรมนีที่ออกมาแถลงว่าเตรียมที่จะปรับลดประมาณการอัตราการขยายทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือ
ต่ำกว่าร้อยละ 2 ต่อปีหลังจากปรับลดมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือน ต.ค.50 ทั้งนี้ เป็นผลจากต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยราคาน้ำมัน
เมื่อวันที่ 2 ม.ค.51 ที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 100 ดอลลาร์ สรอ.หลังจากเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 57 ในปี 50
ในขณะที่ค่าเงินยูโรสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.นอกจากนี้ ความวุ่นวายในตลาดการเงินทั่วโลกในขณะนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีนี้ได้เช่นเดียวกัน (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.50 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 ที่ระดับร้อยละ 8.4 รายงานจากนูเรมเบอร์ก
เยอรมนี เมื่อ 3 ม.ค.51 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.50 ลดลงที่ระดับร้อยละ 8.4 จากระดับ
ร้อยละ 8.6 ในเดือนก่อนหน้า ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.36 ในด้านจำนวนคนว่างงานของเยอรมนี
โดยรวมมีทั้งสิ้น 3.513 ล้านคน ลดลง 78,000 คน เหนือความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะลดลงเพียง 30,000 คน ซึ่ง
นักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่าอัตราการว่างงานที่ชะลอลง สะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมนี ทั้งนี้ จำนวนคนว่างงานของเยอรมนี
เคยเพิ่มสูงถึง 5.010 ล้านคนในเดือน มี.ค.48 และได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจาก
ธุรกิจเยอรมนีจ้างงานเพิ่มขึ้น อนึ่ง สายการบิน Deutsche Lufthansa AG เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า บริษัทมีแผนที่จะจ้างงานเพิ่ม
4,300 อัตราในปีนี้ ซึ่งครอบคลุมพนักงานบริการจำนวน 2,000 อัตรา และนักบินจำนวน 360 อัตรา ตามแผนการขยายธุรกิจไปยังทั่วโลก
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 ม.ค. 51 3 ม.ค. 51 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.462 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.2684/33.6033 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.34234 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 832.63/18.30 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,500/13,600 13,350/13,450 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 92.39 89.09 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 33.29*/29.74* 33.29*/29.74* 26.49/23.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 3 ม.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--