ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. รมว.คลังเตรียมหารือ ธปท.เพื่อทบทวนนโยบายด้านการเงิน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า
จะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับมาตรการกันสำรอง 30% นโยบายอัตราดอกเบี้ย และการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน โดย
ในส่วนของมาตรการกันสำรอง 30% จะต้องพิจารณาว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการอยู่หรือไม่ โดยจะตัดสินใจจากข้อมูลที่มีอยู่ ส่วน
นโยบายการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนจะต้องพิจารณาว่า สะท้อนกับเศรษฐกิจโลกและมีเสถียรภาพหรือไม่ ซึ่งต้องแก้ไขโครงสร้างเศรษฐกิจให้มี
ความสมดุลก่อน ขณะที่นโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับความเห็นร่วมกันของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เป็นหลัก (โลกวันนี้,
ไทยโพสต์)
2. ธปท.เปิดจำหน่าย พธบ.ออมทรัพย์ครั้งที่ 1 ปี 51 วันที่ 18-26 ก.พ.51 นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (7 ก.พ.) ธปท.ได้ร่วมลงนามในบันทึกความตกลงว่าด้วยการจำหน่าย พธบ.ออมทรัพย์
ธปท. ปี 2551 ครั้งที่ 1 อายุ 4 ปี และ 7 ปี วงเงิน 50,000 ล.บาท โดยจะประกาศอัตราดอกเบี้ย พธบ.ทั้งสองประเภทในวันที่ 15 ก.พ.นี้
อ้างอิงอัตราผลตอบแทน พธบ.รัฐบาลอายุ 4 ปี และอายุ 7 ปี เป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย บวกส่วนต่างไม่เกิน 15% ของอัตรา
ผลตอบแทน ซึ่ง พธบ.จะลงวันที่ 27 ก.พ.51 และผู้ถือ พธบ.จะได้รับดอกเบี้ยปีละ 2 งวด คือในวันที่ 27 ก.พ. และ 27 ส.ค.ของทุกปี
จนกว่า พธบ.จะครบกำหนด และได้รับชำระคืนเงินต้นเต็มจำนวนเมื่อถือจนครบอายุใน พธบ. ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนและ
ใบคำเสนอขอซื้อ พธบ.ผ่าน ธพ.ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย 9 ธนาคารคือ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยธนาคาร ธ.นครหลวงไทย
ธ.ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น ธ.ซิตี้แบงก์ ธ.ไทยพาณิชย์ และ ธ.ยูโอบี ได้ตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.นี้เป็นต้นไป และจองซื้อ พธบ.
ตั้งแต่วันที่ 18-26 ก.พ.51 (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
3. บัญชีกำไรขาดทุนของ ธปท. ณ สิ้นปี 50 มีผลกำไรสุทธิ 2.2 หมื่น ล.บาท นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงบัญชีกำไรขาดทุนของ ธปท. ณ สิ้นปี 50 ว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงาน
การตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ธปท.มีผลกำไรสุทธิจากการบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวน 2.2 หมื่น ล.บาท จากปี 49 ที่ขาดทุน
สุทธิสูงถึง 1.7 แสน ล.บาท ทั้งนี้ เป็นเพราะในปี 49 ค่าเงินบาทได้ปรับตัวแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.ถึง 17% และยังแข็งค่าขึ้น
มากเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆ ขณะที่ปี 50 เงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียง 7% ประกอบกับ ธปท.ได้กระจายการถือครองสินทรัพย์ไปหลายสกุลเงิน
จึงช่วยให้งบดุลในปีที่ผ่านมาดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในด้านการตีมูลค่าสินทรัพย์เป็นเงินบาท ธปท.ยังคงขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนในทางบัญชีเช่น
ที่ผ่านมา (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ รายงานจาก Frankfurt เมื่อวันที่ 7 ก.พ.51
ในการประชุมนโยบายการเงินของ ธ.กลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.0 ซึ่งเป็นระดับสูง
ที่สุดในรอบ 6 ปีต่อไป แต่นักวิเคราะห์คาดว่า ECB เปิดทางให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงราวกลางปี ภายหลังจากที่
นาย Jean — Claude Trichet ประธาน ธ.กลางยุโรปได้ออกมาเน้นว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวรวมทั้งมีแรงกดดันที่จะเกิดภาวะ
เงินเฟ้อด้วย และยังได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปอาจเติบโตต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
ทั้งนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจเมื่อเร็วๆนี้ ส่งสัญญานการชะลอตัวของเศรษฐกิจในสเปน อิตาลี และโปรตุเกส รวมทั้งภาคบริการ และความเชื่อมั่น
ผู้บริโภคของ 15 ประเทศในยูโรโซนที่ลดลง และความเสี่ยงในตลาดการเงินที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
ยุโรปโดยรวม (รอยเตอร์)
2. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.50 ลดลงจากเดือนก่อนตามที่คาดไว้ รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 7 ก.พ.51
ตัวเลขเบื้องต้นจาก ก.เศรษฐกิจของเยอรมนีชี้ว่าคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของเยอรมนีหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วลดลงร้อยละ 1.7 ต่อเดือน
ในเดือน ธ.ค.50 ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลงร้อยละ 2.0 หลังจากเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 3.0 ในเดือนก่อน ส่งผลให้คำสั่งซื้อในช่วงไตรมาส
สุดท้ายปี 50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 เทียบต่อไตรมาส สูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 43 ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากสินค้าทุนที่ลดลงถึงร้อยละ 2.7
ในขณะที่สินค้าขั้นกลางเพื่อนำไปผลิตต่อเป็นสินค้าสำเร็จรูปลดลงร้อยละ 0.5 และสินค้าสำหรับผู้บริโภคลดลงร้อยละ 0.7 โดยหากแยกตาม
ตลาดแล้ว คำสั่งซื้อในประเทศลดลงร้อยละ 0.5 ต่อเดือน ในขณะที่คำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลงร้อยละ 2.8 ต่อเดือน (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เหลือร้อยละ 5.25 รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เมื่อวันที่ 7 ก.พ.51 ธ.กลางอังกฤษประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ไปอยู่ที่ร้อยละ 5.25 ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี
ที่ผ่านมา เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับความต้องการบริโภคที่กำลังอ่อนตัวและภาวะผันผวนของ
ตลาดเงินทั่วโลกที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ธ.กลางอังกฤษได้เตือนว่ายังมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่
กำลังเพิ่มสูงขึ้นและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว ซึ่งจำเป็นที่จะต้องสร้างสมดุลของปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่กำลังส่งผลกระทบ
ต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งจะต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมายที่วางไว้ในระยะกลาง(รอยเตอร์)
4. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ม.ค.51 ลดลงมากจากเดือนก่อน รายงานจากลอนดอน เมื่อ 7 ก.พ.51 บริษัทบัตรเครดิต
MasterCard รายงานยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ม.ค.51 ลดลงหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วร้อยละ 2.0 เทียบต่อเดือน หลังจาก
เพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า (พ.ย.และ ธ.ค.50) ซึ่งเป็นผลจากการส่งเสริมการขายในช่วง 4 — 5 สัปดาห์ก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส
โดยสินค้าที่ยังขายดีในเดือน ม.ค.51 คือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ของชำและยา ในขณะที่ยอดขายของห้างสรรพสินค้าและเสื้อผ้าลดลง เช่นเดียวกับ
ยอดขายเฟอร์นิเจอร์ที่ลดลงซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นผลจากตลาดบ้านที่ชะลอตัวลง โดยหากเทียบต่อปีแล้ว ยอดค้าปลีกในเดือน ม.ค.51 ลดลง
ร้อยละ 2.7 เทียบกับลดลงร้อยละ 3.2 ในเดือน ม.ค.50 และลดลงร้อยละ 4.1 ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ทั้งนี้ ตัวเลขยอดค้าปลีกอย่าง
เป็นทางการของเดือน ม.ค.51 มีกำหนดจะเผยแพร่ในวันที่ 21 ก.พ.51 นี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 ก.พ. 51 7 ก.พ. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 32.900 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 32.6819/33.0297 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.27922 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 793.17/7.46 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) n.a. 13,850/13,950 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 83.84 83.16 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 32.79*/29.14* 32.79*/29.14* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มเมื่อ 30 ม.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. รมว.คลังเตรียมหารือ ธปท.เพื่อทบทวนนโยบายด้านการเงิน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า
จะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับมาตรการกันสำรอง 30% นโยบายอัตราดอกเบี้ย และการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน โดย
ในส่วนของมาตรการกันสำรอง 30% จะต้องพิจารณาว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการอยู่หรือไม่ โดยจะตัดสินใจจากข้อมูลที่มีอยู่ ส่วน
นโยบายการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนจะต้องพิจารณาว่า สะท้อนกับเศรษฐกิจโลกและมีเสถียรภาพหรือไม่ ซึ่งต้องแก้ไขโครงสร้างเศรษฐกิจให้มี
ความสมดุลก่อน ขณะที่นโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับความเห็นร่วมกันของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เป็นหลัก (โลกวันนี้,
ไทยโพสต์)
2. ธปท.เปิดจำหน่าย พธบ.ออมทรัพย์ครั้งที่ 1 ปี 51 วันที่ 18-26 ก.พ.51 นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (7 ก.พ.) ธปท.ได้ร่วมลงนามในบันทึกความตกลงว่าด้วยการจำหน่าย พธบ.ออมทรัพย์
ธปท. ปี 2551 ครั้งที่ 1 อายุ 4 ปี และ 7 ปี วงเงิน 50,000 ล.บาท โดยจะประกาศอัตราดอกเบี้ย พธบ.ทั้งสองประเภทในวันที่ 15 ก.พ.นี้
อ้างอิงอัตราผลตอบแทน พธบ.รัฐบาลอายุ 4 ปี และอายุ 7 ปี เป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย บวกส่วนต่างไม่เกิน 15% ของอัตรา
ผลตอบแทน ซึ่ง พธบ.จะลงวันที่ 27 ก.พ.51 และผู้ถือ พธบ.จะได้รับดอกเบี้ยปีละ 2 งวด คือในวันที่ 27 ก.พ. และ 27 ส.ค.ของทุกปี
จนกว่า พธบ.จะครบกำหนด และได้รับชำระคืนเงินต้นเต็มจำนวนเมื่อถือจนครบอายุใน พธบ. ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนและ
ใบคำเสนอขอซื้อ พธบ.ผ่าน ธพ.ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย 9 ธนาคารคือ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยธนาคาร ธ.นครหลวงไทย
ธ.ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น ธ.ซิตี้แบงก์ ธ.ไทยพาณิชย์ และ ธ.ยูโอบี ได้ตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.นี้เป็นต้นไป และจองซื้อ พธบ.
ตั้งแต่วันที่ 18-26 ก.พ.51 (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
3. บัญชีกำไรขาดทุนของ ธปท. ณ สิ้นปี 50 มีผลกำไรสุทธิ 2.2 หมื่น ล.บาท นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงบัญชีกำไรขาดทุนของ ธปท. ณ สิ้นปี 50 ว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงาน
การตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ธปท.มีผลกำไรสุทธิจากการบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวน 2.2 หมื่น ล.บาท จากปี 49 ที่ขาดทุน
สุทธิสูงถึง 1.7 แสน ล.บาท ทั้งนี้ เป็นเพราะในปี 49 ค่าเงินบาทได้ปรับตัวแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.ถึง 17% และยังแข็งค่าขึ้น
มากเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆ ขณะที่ปี 50 เงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียง 7% ประกอบกับ ธปท.ได้กระจายการถือครองสินทรัพย์ไปหลายสกุลเงิน
จึงช่วยให้งบดุลในปีที่ผ่านมาดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในด้านการตีมูลค่าสินทรัพย์เป็นเงินบาท ธปท.ยังคงขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนในทางบัญชีเช่น
ที่ผ่านมา (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ รายงานจาก Frankfurt เมื่อวันที่ 7 ก.พ.51
ในการประชุมนโยบายการเงินของ ธ.กลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.0 ซึ่งเป็นระดับสูง
ที่สุดในรอบ 6 ปีต่อไป แต่นักวิเคราะห์คาดว่า ECB เปิดทางให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงราวกลางปี ภายหลังจากที่
นาย Jean — Claude Trichet ประธาน ธ.กลางยุโรปได้ออกมาเน้นว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวรวมทั้งมีแรงกดดันที่จะเกิดภาวะ
เงินเฟ้อด้วย และยังได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปอาจเติบโตต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
ทั้งนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจเมื่อเร็วๆนี้ ส่งสัญญานการชะลอตัวของเศรษฐกิจในสเปน อิตาลี และโปรตุเกส รวมทั้งภาคบริการ และความเชื่อมั่น
ผู้บริโภคของ 15 ประเทศในยูโรโซนที่ลดลง และความเสี่ยงในตลาดการเงินที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
ยุโรปโดยรวม (รอยเตอร์)
2. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.50 ลดลงจากเดือนก่อนตามที่คาดไว้ รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 7 ก.พ.51
ตัวเลขเบื้องต้นจาก ก.เศรษฐกิจของเยอรมนีชี้ว่าคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของเยอรมนีหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วลดลงร้อยละ 1.7 ต่อเดือน
ในเดือน ธ.ค.50 ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลงร้อยละ 2.0 หลังจากเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 3.0 ในเดือนก่อน ส่งผลให้คำสั่งซื้อในช่วงไตรมาส
สุดท้ายปี 50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 เทียบต่อไตรมาส สูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 43 ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากสินค้าทุนที่ลดลงถึงร้อยละ 2.7
ในขณะที่สินค้าขั้นกลางเพื่อนำไปผลิตต่อเป็นสินค้าสำเร็จรูปลดลงร้อยละ 0.5 และสินค้าสำหรับผู้บริโภคลดลงร้อยละ 0.7 โดยหากแยกตาม
ตลาดแล้ว คำสั่งซื้อในประเทศลดลงร้อยละ 0.5 ต่อเดือน ในขณะที่คำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลงร้อยละ 2.8 ต่อเดือน (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เหลือร้อยละ 5.25 รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เมื่อวันที่ 7 ก.พ.51 ธ.กลางอังกฤษประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ไปอยู่ที่ร้อยละ 5.25 ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี
ที่ผ่านมา เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับความต้องการบริโภคที่กำลังอ่อนตัวและภาวะผันผวนของ
ตลาดเงินทั่วโลกที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ธ.กลางอังกฤษได้เตือนว่ายังมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่
กำลังเพิ่มสูงขึ้นและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว ซึ่งจำเป็นที่จะต้องสร้างสมดุลของปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่กำลังส่งผลกระทบ
ต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งจะต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมายที่วางไว้ในระยะกลาง(รอยเตอร์)
4. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ม.ค.51 ลดลงมากจากเดือนก่อน รายงานจากลอนดอน เมื่อ 7 ก.พ.51 บริษัทบัตรเครดิต
MasterCard รายงานยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ม.ค.51 ลดลงหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วร้อยละ 2.0 เทียบต่อเดือน หลังจาก
เพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า (พ.ย.และ ธ.ค.50) ซึ่งเป็นผลจากการส่งเสริมการขายในช่วง 4 — 5 สัปดาห์ก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส
โดยสินค้าที่ยังขายดีในเดือน ม.ค.51 คือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ของชำและยา ในขณะที่ยอดขายของห้างสรรพสินค้าและเสื้อผ้าลดลง เช่นเดียวกับ
ยอดขายเฟอร์นิเจอร์ที่ลดลงซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นผลจากตลาดบ้านที่ชะลอตัวลง โดยหากเทียบต่อปีแล้ว ยอดค้าปลีกในเดือน ม.ค.51 ลดลง
ร้อยละ 2.7 เทียบกับลดลงร้อยละ 3.2 ในเดือน ม.ค.50 และลดลงร้อยละ 4.1 ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ทั้งนี้ ตัวเลขยอดค้าปลีกอย่าง
เป็นทางการของเดือน ม.ค.51 มีกำหนดจะเผยแพร่ในวันที่ 21 ก.พ.51 นี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 ก.พ. 51 7 ก.พ. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 32.900 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 32.6819/33.0297 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.27922 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 793.17/7.46 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) n.a. 13,850/13,950 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 83.84 83.16 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 32.79*/29.14* 32.79*/29.14* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มเมื่อ 30 ม.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--