ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. พรบ. ธปท.ฉบับใหม่จะบังคับใช้ได้ในสัปดาห์หน้าผอส.ฝ่ายกฎหมายและคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า
ขณะนี้ พรบ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พ.ร.บ.ธุรกิจ
สถาบันการเงินได้ลงราชกิจจานุเบกษาเช่นกัน ซึ่งกฎหมายการเงินทั้ง 2 ฉบับนี้จะสามารถประกาศใช้ได้ในเดือน ส.ค.นี้ ส่วน พรบ.ธปท.
คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาและประกาศใช้ได้ทันที สำหรับการเตรียมความพร้อมรองรับ พรบ.ธปท.
ที่จะใช้ในเร็ว ๆ นี้ นั้น เจ้าหน้าที่ของฝ่ายกฎหมายและคดี และสายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.อยู่ระหว่างเตรียมโครงสร้างคณะกรรมการ
ทั้ง 4 ชุด ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กกธ.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คณะกรรมการนโยบาย
สถาบันการเงิน (กนส.) และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.) (ผู้จัดการรายวัน)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.51 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ 71.2 ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.จากการสำรวจประชาชนทั่วประเทศ 2,242 ตัวอย่างว่า
ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือน ม.ค.เท่ากับ 71.2 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.50 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 70.4 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่น
เกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 71.6 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.ปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 71.0 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต
เท่ากับ 91.4 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.ปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 90.4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของดัชนีทุกรายการติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ทั้งนี้ ปัจจัยบวกที่ทำให้
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ม.ค.ดีขึ้น โดยผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และได้ นรม.ที่ชัดเจน
ส่งผลด้านจิตวิทยาเชิงบวกต่อผู้บริโภคและนักลงทุน นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี)
ระยะ 1 วันไว้ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี รวมทั้งปัจจัยการส่งออกเดือน ธ.ค.มีมูลค่า 13,174 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 ราคา
น้ำมันดีเซลและเบนซินลดลง 20 และ 10 สตางค์ต่อลิตรตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบที่ผู้บริโภคยังคงกังวล คือ ปัญหาค่าครองชีพและ
ราคาสินค้าที่ยังตัวสูง สินเชื่อด้อยคุณภาพในอสังหาริมทรัพย์ (ซับไพรม์) ใน สรอ. และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อนึ่ง แม้ดัชนีความเชื่อมั่น
ผู้บริโภคจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจไทยดีเท่าที่ควร แต่ถือว่าได้
ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และกำลังจะดีขึ้นในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์ , ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, แนวหน้า)
3. ตลท.เตรียมออกโรดโชว์ให้กับชาวญี่ปุ่นในไตรมาสแรกปีนี้ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
เปิดเผยว่า ปีนี้ ตลท.มีเป้าหมายขยายฐานผู้ลงทุนชาวต่างประเทศมากขึ้น เพื่อให้ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยภายในไตรมาส 1 นี้ เตรียมให้
ข้อมูลแก่ผู้ลงทุน (โรดโชว์) ชาวญี่ปุ่น ทั้งผู้ลงทุนแบบสถาบันและลงทุนรายบุคคล รวม 3 งาน ระหว่างเดือน ก.พ.-มี.ค. ทั้งนี้ สาเหตุที่เลือก
ผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกของปีนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจตลาดหุ้นไทยอย่างดี โดยเห็นได้จากพฤติกรรมการลงทุนของ
ผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นในไทยมีลักษณะลงทุนระยะยาว และมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 48 ที่ผ่านมามีมูลค่าการซื้อขายรวม
3,845 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 4,706 ล้านบาทในปี 49 และเป็น 6,903 ล้านบาทในปี 50 นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์
และบริษัทจัดการลงทุนชาวญี่ปุ่นหลายแห่งให้ความสนใจจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยมากขึ้น โดยได้เข้ามาหารือและขอข้อมูล
การลงทุนจาก ตลท.ด้วย (เดลินิวส์, แนวหน้า)
4. ปตท.เตรียมประกาศยกเลิกจำหน่ายไบโอดีเซลบี 2 กลางปีนี้ เพื่อจำหน่ายไบโอดีเซล บี 5 ทั่วประเทศ รมว.พลังงาน
เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมัน PTT B5 Plus ที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
ได้ยืนยันว่า พร้อมที่จะนำร่องจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล บี 5หรือน้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 5% ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะ
ทยอยเปิดจำหน่ายให้ครบทั้ง 600 ปั๊มทั่วประเทศภายในเดือน ก.พ.นี้ และจะเปิดเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 แห่งภายในเดือน ก.ค.51 อย่างไรก็ตาม
ก.พลังงานจะสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 5 เพิ่มขึ้น ซึ่งจะใช้วิธีการรณรงค์เป็นสำคัญ แต่จะไม่ลดการเก็บเงินเข้ากองทุน
น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มจากปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 50 สตางค์/ลิตร โดยหากประชาชนหันมาใช้ไบโอดีเซล บี 5 มากขึ้นเท่ากับไบโอดีเซล บี 2
(น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 2%) ที่ 50 ล้านลิตรต่อวันจะช่วยประหยัดเงินได้ถึง 1.7 หมื่นล้านบาท/ปี ทั้งนี้ ยืนยันว่า
ก.พลังงานจะไม่ออกมาตรการบังคับใช้ไบโอดีเซล บี5 ในประเทศ รวมทั้งไม่มีมาตรการตรึงราคาหรือแทรกแซงราคาน้ำมันอย่างแน่นอน
ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.จะขยายสถานีบริการน้ำมันไบโอดีเซล
บี 5 จาก 600 แห่ง เป็น 1,200 แห่งภายในกลางปีนี้ เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลที่จะใช้บังคับไบโอดีเซล บี 5 ทั่วประเทศในปี 54
นอกจากนี้ในกลางปีนี้ ปตท.จะยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล บี2 โดยเปลี่ยนมาจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล บี 5 ทุกสถานีบริการน้ำมัน
ของ ปตท. (สยามรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจ Euro zone ขยายตัวร้อยละ 0.4 ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ลดลงจากไตรมาสก่อนแต่ดีกว่าที่คาดไว้ รายงาน
จากบรัสเซลส์ เมื่อ 14 ก.พ.51 Eurostat ซึ่งเป็น สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานเศรษฐกิจของ 13 ประเทศใน Euro zone ขยายตัว
ร้อยละ 0.4 ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ลดลงจากร้อยละ 0.8 ต่อไตรมาสในไตรมาสก่อน ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.3 ต่อไตรมาส
โดยหากเทียบต่อปีเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 2.3 ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.2 ต่อปี ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากเศรษฐกิจของเยอรมนี
และฝรั่งเศสซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดสองอันดับแรกขยายตัวในอัตราที่ลดลงโดยขยายตัวเพียงร้อยละ 0.3 จากร้อยละ 0.7 ในเยอรมนีและจาก
ร้อยละ 0.8 ในฝรั่งเศส (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจเยอรมนีในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ขยายตัวลดลงกว่าครึ่งจากไตรมาสก่อน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 14 ก.พ.51
สนง.สถิติกลางของเยอรมนีรายงานเศรษฐกิจเยอรมนีในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ขยายตัวร้อยละ 0.3 ต่อไตรมาสและร้อยละ 1.8 ต่อปี ชะลอตัวลง
จากไตรมาสก่อนซึ่งขยายตัวร้อยละ 0.7 ต่อไตรมาสและร้อยละ 2.4 ต่อปี ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการชะลอตัวลงของการบริโภคในประเทศ
แม้ว่าจำนวนคนว่างงานลดลงจากมากกว่า 5 ล้านคนเมื่อต้นปี 48 เหลือ 3.4 ล้านคนในเดือน ม.ค.51 ที่ผ่านมาและในปีนี้ค่าจ้างเงินเดือนที่มี
แนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม โดยผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและความวุ่นวายในตลาดการเงินเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่การ
ขยายตัวส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในเครื่องจักรอุปกรณ์ของภาคธุรกิจและยอดเกินดุลการค้าต่างประเทศซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ส่งออกส่วนใหญ่ยังไม่ได้
รับผลกระทบจากค่าเงินยูโรที่สูงขึ้น โดยจากประมาณการเบื้องต้นเศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวประมาณร้อยละ 2.5 ในปี 50 ที่ผ่านมาหลังจาก
ในปี 49 ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 6 ปีที่ร้อยละ 2.9 (รอยเตอร์)
3. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของจีนอาจเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 11 ปี รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 51 ผลการ
สำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 17 คนโดยรอยเตอร์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือน ม.ค. จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 7.1 จากร้อยละ 6.5
ในเดือน ธ.ค. เนื่องจากผลกระทบจากฤดูหนาวที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 50 ปีได้ทำลายพืชผล พลังงาน และเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งระหว่าง
ส่วนกลาง และทางตอนใต้ของจีน ส่งผลให้ต้นทุนอาหารเพิ่มขึ้นและเพิ่มความกดดันต่อภาครัฐในการควบคุมระดับราคาสินค้า ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์
หลายคนจาก Goldman Sachs เห็นว่าการที่เงินเฟ้อสูงขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการเทียบต่อปีจากเมื่อเดือน ธ.ค.ปีก่อนหน้าที่อัตรา
เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ คาดว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้จะมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีกและจะทำให้การควบคุมภาวะเงินเฟ้อต้องล่าช้าออกไป
ขณะที่นาย Huang Hai รมช.พาณิชย์ของจีนกล่าวว่า ผลกระทบจากพายุฤดูหนาวดังกล่าวจะส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อในไตรมาสแรกปีนี้ แต่ก็มิได้
คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือน ม.ค. และ ก.พ.จะสูงขึ้นทำสถิติรอบใหม่แต่อย่างใด (รอยเตอร์)
4. คาดว่าในเดือน ม.ค. จีนจะเกินดุลการค้าลดลง รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 51 รอยเตอร์เปิดเผยผลการ
สำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 17 คน คาดว่าในเดือน ม.ค. จีนจะเกินดุลการค้าจำนวน 16.9 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงจาก
22.7 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ธ.ค. เนื่องจากการส่งออกลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ สรอ. ประกอบกับจีนต้องการที่
จะลดการเกินดุลทางการค้าลง ทั้งนี้เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมากจีนเกินดุลการค้าทำสถิติสูงที่สุดถึง 27.1 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ซึ่ง
นาย Li Mingliang นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Haitong Securities กล่าวว่าการเกินดุลการค้าในเดือน ม.ค. จะลดลงอีก
เนื่องจากการส่งออกลดลง และนโยบายควบคุมการส่งออกเมื่อปีที่แล้วเริ่มส่งผลในปีนี้ คาดว่าการส่งออกในเดือน ม.ค. เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันปีที่แล้วจะชะลอตัวลงที่ร้อยละ 19.5 จากร้อยละ 21.7 ในเดือน ธ.ค. ส่วนการนำเข้าคาดว่าจะชะลอลงเหลือร้อยละ 21.8
จากร้อยละ 25.7 ในเดือน ธ.ค. (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ก.พ. 51 14 ก.พ. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 32.829 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 32.6250/32.9622 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.27656 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 832.11/29.65 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 14,050/14,150 14,050/14,150 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 89.56 88.44 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 32.79*/29.14* 32.79*/29.14* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มเมื่อ 30 ม.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. พรบ. ธปท.ฉบับใหม่จะบังคับใช้ได้ในสัปดาห์หน้าผอส.ฝ่ายกฎหมายและคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า
ขณะนี้ พรบ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พ.ร.บ.ธุรกิจ
สถาบันการเงินได้ลงราชกิจจานุเบกษาเช่นกัน ซึ่งกฎหมายการเงินทั้ง 2 ฉบับนี้จะสามารถประกาศใช้ได้ในเดือน ส.ค.นี้ ส่วน พรบ.ธปท.
คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาและประกาศใช้ได้ทันที สำหรับการเตรียมความพร้อมรองรับ พรบ.ธปท.
ที่จะใช้ในเร็ว ๆ นี้ นั้น เจ้าหน้าที่ของฝ่ายกฎหมายและคดี และสายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.อยู่ระหว่างเตรียมโครงสร้างคณะกรรมการ
ทั้ง 4 ชุด ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กกธ.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คณะกรรมการนโยบาย
สถาบันการเงิน (กนส.) และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.) (ผู้จัดการรายวัน)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.51 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ 71.2 ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.จากการสำรวจประชาชนทั่วประเทศ 2,242 ตัวอย่างว่า
ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือน ม.ค.เท่ากับ 71.2 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.50 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 70.4 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่น
เกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 71.6 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.ปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 71.0 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต
เท่ากับ 91.4 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.ปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 90.4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของดัชนีทุกรายการติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ทั้งนี้ ปัจจัยบวกที่ทำให้
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ม.ค.ดีขึ้น โดยผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และได้ นรม.ที่ชัดเจน
ส่งผลด้านจิตวิทยาเชิงบวกต่อผู้บริโภคและนักลงทุน นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี)
ระยะ 1 วันไว้ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี รวมทั้งปัจจัยการส่งออกเดือน ธ.ค.มีมูลค่า 13,174 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 ราคา
น้ำมันดีเซลและเบนซินลดลง 20 และ 10 สตางค์ต่อลิตรตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบที่ผู้บริโภคยังคงกังวล คือ ปัญหาค่าครองชีพและ
ราคาสินค้าที่ยังตัวสูง สินเชื่อด้อยคุณภาพในอสังหาริมทรัพย์ (ซับไพรม์) ใน สรอ. และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อนึ่ง แม้ดัชนีความเชื่อมั่น
ผู้บริโภคจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจไทยดีเท่าที่ควร แต่ถือว่าได้
ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และกำลังจะดีขึ้นในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์ , ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, แนวหน้า)
3. ตลท.เตรียมออกโรดโชว์ให้กับชาวญี่ปุ่นในไตรมาสแรกปีนี้ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
เปิดเผยว่า ปีนี้ ตลท.มีเป้าหมายขยายฐานผู้ลงทุนชาวต่างประเทศมากขึ้น เพื่อให้ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยภายในไตรมาส 1 นี้ เตรียมให้
ข้อมูลแก่ผู้ลงทุน (โรดโชว์) ชาวญี่ปุ่น ทั้งผู้ลงทุนแบบสถาบันและลงทุนรายบุคคล รวม 3 งาน ระหว่างเดือน ก.พ.-มี.ค. ทั้งนี้ สาเหตุที่เลือก
ผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกของปีนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจตลาดหุ้นไทยอย่างดี โดยเห็นได้จากพฤติกรรมการลงทุนของ
ผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นในไทยมีลักษณะลงทุนระยะยาว และมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 48 ที่ผ่านมามีมูลค่าการซื้อขายรวม
3,845 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 4,706 ล้านบาทในปี 49 และเป็น 6,903 ล้านบาทในปี 50 นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์
และบริษัทจัดการลงทุนชาวญี่ปุ่นหลายแห่งให้ความสนใจจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยมากขึ้น โดยได้เข้ามาหารือและขอข้อมูล
การลงทุนจาก ตลท.ด้วย (เดลินิวส์, แนวหน้า)
4. ปตท.เตรียมประกาศยกเลิกจำหน่ายไบโอดีเซลบี 2 กลางปีนี้ เพื่อจำหน่ายไบโอดีเซล บี 5 ทั่วประเทศ รมว.พลังงาน
เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมัน PTT B5 Plus ที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
ได้ยืนยันว่า พร้อมที่จะนำร่องจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล บี 5หรือน้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 5% ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะ
ทยอยเปิดจำหน่ายให้ครบทั้ง 600 ปั๊มทั่วประเทศภายในเดือน ก.พ.นี้ และจะเปิดเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 แห่งภายในเดือน ก.ค.51 อย่างไรก็ตาม
ก.พลังงานจะสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 5 เพิ่มขึ้น ซึ่งจะใช้วิธีการรณรงค์เป็นสำคัญ แต่จะไม่ลดการเก็บเงินเข้ากองทุน
น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มจากปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 50 สตางค์/ลิตร โดยหากประชาชนหันมาใช้ไบโอดีเซล บี 5 มากขึ้นเท่ากับไบโอดีเซล บี 2
(น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 2%) ที่ 50 ล้านลิตรต่อวันจะช่วยประหยัดเงินได้ถึง 1.7 หมื่นล้านบาท/ปี ทั้งนี้ ยืนยันว่า
ก.พลังงานจะไม่ออกมาตรการบังคับใช้ไบโอดีเซล บี5 ในประเทศ รวมทั้งไม่มีมาตรการตรึงราคาหรือแทรกแซงราคาน้ำมันอย่างแน่นอน
ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.จะขยายสถานีบริการน้ำมันไบโอดีเซล
บี 5 จาก 600 แห่ง เป็น 1,200 แห่งภายในกลางปีนี้ เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลที่จะใช้บังคับไบโอดีเซล บี 5 ทั่วประเทศในปี 54
นอกจากนี้ในกลางปีนี้ ปตท.จะยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล บี2 โดยเปลี่ยนมาจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล บี 5 ทุกสถานีบริการน้ำมัน
ของ ปตท. (สยามรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจ Euro zone ขยายตัวร้อยละ 0.4 ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ลดลงจากไตรมาสก่อนแต่ดีกว่าที่คาดไว้ รายงาน
จากบรัสเซลส์ เมื่อ 14 ก.พ.51 Eurostat ซึ่งเป็น สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานเศรษฐกิจของ 13 ประเทศใน Euro zone ขยายตัว
ร้อยละ 0.4 ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ลดลงจากร้อยละ 0.8 ต่อไตรมาสในไตรมาสก่อน ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.3 ต่อไตรมาส
โดยหากเทียบต่อปีเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 2.3 ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.2 ต่อปี ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากเศรษฐกิจของเยอรมนี
และฝรั่งเศสซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดสองอันดับแรกขยายตัวในอัตราที่ลดลงโดยขยายตัวเพียงร้อยละ 0.3 จากร้อยละ 0.7 ในเยอรมนีและจาก
ร้อยละ 0.8 ในฝรั่งเศส (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจเยอรมนีในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ขยายตัวลดลงกว่าครึ่งจากไตรมาสก่อน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 14 ก.พ.51
สนง.สถิติกลางของเยอรมนีรายงานเศรษฐกิจเยอรมนีในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ขยายตัวร้อยละ 0.3 ต่อไตรมาสและร้อยละ 1.8 ต่อปี ชะลอตัวลง
จากไตรมาสก่อนซึ่งขยายตัวร้อยละ 0.7 ต่อไตรมาสและร้อยละ 2.4 ต่อปี ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการชะลอตัวลงของการบริโภคในประเทศ
แม้ว่าจำนวนคนว่างงานลดลงจากมากกว่า 5 ล้านคนเมื่อต้นปี 48 เหลือ 3.4 ล้านคนในเดือน ม.ค.51 ที่ผ่านมาและในปีนี้ค่าจ้างเงินเดือนที่มี
แนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม โดยผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและความวุ่นวายในตลาดการเงินเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่การ
ขยายตัวส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในเครื่องจักรอุปกรณ์ของภาคธุรกิจและยอดเกินดุลการค้าต่างประเทศซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ส่งออกส่วนใหญ่ยังไม่ได้
รับผลกระทบจากค่าเงินยูโรที่สูงขึ้น โดยจากประมาณการเบื้องต้นเศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวประมาณร้อยละ 2.5 ในปี 50 ที่ผ่านมาหลังจาก
ในปี 49 ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 6 ปีที่ร้อยละ 2.9 (รอยเตอร์)
3. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของจีนอาจเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 11 ปี รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 51 ผลการ
สำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 17 คนโดยรอยเตอร์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือน ม.ค. จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 7.1 จากร้อยละ 6.5
ในเดือน ธ.ค. เนื่องจากผลกระทบจากฤดูหนาวที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 50 ปีได้ทำลายพืชผล พลังงาน และเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งระหว่าง
ส่วนกลาง และทางตอนใต้ของจีน ส่งผลให้ต้นทุนอาหารเพิ่มขึ้นและเพิ่มความกดดันต่อภาครัฐในการควบคุมระดับราคาสินค้า ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์
หลายคนจาก Goldman Sachs เห็นว่าการที่เงินเฟ้อสูงขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการเทียบต่อปีจากเมื่อเดือน ธ.ค.ปีก่อนหน้าที่อัตรา
เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ คาดว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้จะมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีกและจะทำให้การควบคุมภาวะเงินเฟ้อต้องล่าช้าออกไป
ขณะที่นาย Huang Hai รมช.พาณิชย์ของจีนกล่าวว่า ผลกระทบจากพายุฤดูหนาวดังกล่าวจะส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อในไตรมาสแรกปีนี้ แต่ก็มิได้
คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือน ม.ค. และ ก.พ.จะสูงขึ้นทำสถิติรอบใหม่แต่อย่างใด (รอยเตอร์)
4. คาดว่าในเดือน ม.ค. จีนจะเกินดุลการค้าลดลง รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 51 รอยเตอร์เปิดเผยผลการ
สำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 17 คน คาดว่าในเดือน ม.ค. จีนจะเกินดุลการค้าจำนวน 16.9 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงจาก
22.7 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ธ.ค. เนื่องจากการส่งออกลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ สรอ. ประกอบกับจีนต้องการที่
จะลดการเกินดุลทางการค้าลง ทั้งนี้เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมากจีนเกินดุลการค้าทำสถิติสูงที่สุดถึง 27.1 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ซึ่ง
นาย Li Mingliang นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Haitong Securities กล่าวว่าการเกินดุลการค้าในเดือน ม.ค. จะลดลงอีก
เนื่องจากการส่งออกลดลง และนโยบายควบคุมการส่งออกเมื่อปีที่แล้วเริ่มส่งผลในปีนี้ คาดว่าการส่งออกในเดือน ม.ค. เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันปีที่แล้วจะชะลอตัวลงที่ร้อยละ 19.5 จากร้อยละ 21.7 ในเดือน ธ.ค. ส่วนการนำเข้าคาดว่าจะชะลอลงเหลือร้อยละ 21.8
จากร้อยละ 25.7 ในเดือน ธ.ค. (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ก.พ. 51 14 ก.พ. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 32.829 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 32.6250/32.9622 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.27656 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 832.11/29.65 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 14,050/14,150 14,050/14,150 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 89.56 88.44 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 32.79*/29.14* 32.79*/29.14* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มเมื่อ 30 ม.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--