แท็ก
สมชัย สัจจพงษ์
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. เดือน ม.ค.51 รัฐบาลขาดดุลเงินสดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษก ก.คลัง แถลงฐานะการคลังของรัฐบาล
ตามระบบกระแสเงินสด ในเดือน ม.ค.51 ว่า ขาดดุลเงินสดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จำนวน 34,621 ล.บาท ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปี
งปม. 51 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 150,267 ล.บาท สูงกว่าการขาดดุลช่วงเดียวกันปีก่อน 185% โดยเป็นการขาดดุลเงิน งปม.
121,390 ล.บาท และการขาดดุลเงินนอก งปม. 28,877 ล.บาท ทั้งนี้ การขาดดุลเงินสดที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกดังกล่าว เป็นผล
มาจากการเร่งการใช้จ่ายด้านการลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 237.3% ทั้งนี้ การขาดดุลดังกล่าว เป็นไปตาม
เป้าหมายของการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาล โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลด้วยการออก พธบ. 16,500 ล.บาท
(ผู้จัดการรายวัน 16-17, กรุงเทพธุรกิจ 16, ไทยโพสต์ 16)
2. สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือน ม.ค.51 เพิ่มขึ้น 120% เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้น 13.09% เทียบต่อปี
นางผาณิต หล่อตระกูล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในเดือน ม.ค.51 ว่า มีจำนวน 4,373 ราย
เพิ่มขึ้น 506 รายเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 13.09% และเพิ่มขึ้น 2,387 ราย หรือเพิ่มขึ้น 120% เมื่อเทียบกับเดือน
ก่อนหน้า โดยมีทุนจดทะเบียนรวม 13,276.97 ล.บาท ธุรกิจที่จดทะเบียนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
และธุรกิจบริการอื่นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการเห็นว่าบรรยากาศการลงทุนเพิ่มดีขึ้น การเมืองมีเสถียรภาพ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกกิจการมีจำนวน 1,403 ราย เพิ่มขึ้น 76 รายหรือเพิ่มขึ้น 5.73% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง
2,199 ราย หรือลดลง61.05% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (กรุงเทพธุรกิจ 16, ข่าวสด 16, ไทยโพสต์ 16)
3. ธปท.ประกาศอัตราดอกเบี้ย พธบ.ออมทรัพย์อายุ 4 ปีและ 7 ปีที่ 3.75 และ 4.5% ต่อปี นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ์
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้
กำหนดอัตราดอกเบี้ย พธบ.ออมทรัพย์ ธปท. ซึ่งกำหนดเปิดให้จองซื้อในวันที่ 18-26 ก.พ.51 โดย พธบ.ออมทรัพย์ประเภท 4 ปี กำหนด
อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75% และ พธบ.ออมทรัพย์ประเภท 7 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.5 % ต่อปี โดยการกำหนดอัตราผลตอบแทน
ครั้งนี้ ธปท.ได้บวกเพิ่มจากอัตราดอกเบี้ย พธบ.รัฐบาลที่เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ซึ่งคาดว่าการที่อัตราผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
และเป็น พธบ.ของ ธปท. ที่มีความเสี่ยงต่ำ จะทำให้ พธบ.ออมทรัพย์ได้รับความสนใจ (กรุงเทพธุรกิจ 16, ไทยโพสต์ 16)
4. ธปท.คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือในปี 51 ขยายตัว 4-6% นายสมศักดิ์ วงศ์ปัญญาถาวร ผู้บริหารส่วน ส่วนวิชาการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เปิดเผยภาพรวมเศรษฐกิจภาคเหนือในปี 50 ว่า มีการขยายตัว แต่เป็นไปในอัตราที่ชะลอตัว
ลงจากปี 49 โดยผลผลิตภาคการเกษตรมีปริมาณเพิ่มขึ้น ทว่า รายได้ของเกษตรกรชะลอตัวลง เนื่องจากราคาพืชผลไม่สูงเท่าปี 49 ขณะที่
ภาคอุตสาหกรรมลดลงตามการผลิตเพื่อส่งออก ด้านการลงทุนภาคเอกชนลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมวดก่อสร้าง เช่นเดียวกับการส่งออก
และนำเข้าที่ลดลง อย่างไรก็ตาม การค้าต่างประเทศของภาคเหนือในปี 50 ยังคงเกินดุลการค้ากว่า 988 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนการ
คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือในปี 51 มีแนวโน้มในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจภาพรวมของทั้งประเทศ โดยคาดว่าจะขยายตัว 4-6%
ซึ่งภาคการเกษตรและภาคบริการจะยังคงเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจภาคเหนือ (ผู้จัดการรายวัน 16-17)
5. ก.พาณิชย์เชิญผู้ประกอบการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหารือแนวทางด้านราคาสินค้า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รอง นรม.และ
รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ก.พาณิชย์ ได้เชิญผู้ประกอบการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันประมาณ 250 ราย ประชุมหารือ
ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เพื่อหาแนวทางในการปรับราคาสินค้าว่า ควรจะมีหลักเกณฑ์และแนวทางอย่างไร โดยต้องการขอความร่วมมือให้ลดราคา
หรือตรึงราคาสินค้านานที่สุดหรืออย่างน้อย 1 ปี นอกจากนี้ จะมีการต่อยอดความร่วมมือโครงการธงฟ้าราคาประหยัด โดยขยายระยะเวลา
ความร่วมมือในการจำหน่ายสินค้าราคาถูกกว่าปกติ และเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าทางเลือกให้ประชาชน (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาสินค้านำเข้าของ สรอ. ในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 51 ก.แรงงาน
สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค. ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เนื่องจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.2 มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 32 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าราคาสินค้านำเข้าจะเพิ่มขึ้นเพียง
ร้อยละ 0.4 และราคาสินค้าส่งออกจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 ทั้งนี้ ก.แรงงานได้ปรับตัวเลขประมาณการของเดือน ธ.ค. ลดลงร้อยละ 0.2
หลังจากที่ได้รายงานก่อนหน้านั้นว่าไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนตัวเลขราคาสินค้าส่งออกคงเดิมจากที่เคยรายงานว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ทั้งนี้ราคาน้ำมัน
และอาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้านำเข้าโดยรวมสูงขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันนำเข้าในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 และตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 66.9 มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 47 ขณะที่ราคาสินค้านำเข้าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.7 มากที่สุดนับตั้งแต่
ที่ได้มีการรวบรวมตัวเลขดังกล่าวในปี 25 (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางญี่ปุ่นคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 0.5 รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 ก.พ.51
คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางญี่ปุ่น มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 0.5 ตามที่คาดการณ์กันไว้
เนื่องจากตลาดการเงินทั่วโลกยังมีความผันผวนและความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยใน สรอ. ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลว่าเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ขยายตัวเป็นสองเท่าจากที่
คาดการณ์กันไว้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ธ.กลางญี่ปุ่นไม่เปลี่ยนแปลง
นโยบายการเงินนับตั้งแต่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนนโยบายจากร้อยละ 0.25 เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ. ลดลงอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี รายงานจากโตเกียว
เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 51 ผลการสำรวจโดยรอยเตอร์ชี้ว่า ในเดือน ก.พ.ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมลดลงอยู่ที่ระดับ +9
จากระดับ +17 ในเดือน ม.ค. และอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศ
ลดลง ส่งผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจ ทั้งนี้กิจการต่างๆมีความเห็นว่าภาวะธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะชะลอตัว สอดคล้องกับความเห็นที่ว่า
เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงไม่สดใสทำให้คาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมที่ร้อยละ 0.5 หรืออาจปรับลดลงได้ในปีนี้
เนื่องจากวิตกเรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
4. จีนได้เปรียบดุลการค้าเดือน ม.ค.50 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 ก.พ.51
ก.ศุลกากรของจีน เปิดเผยว่า จีนได้เปรียบดุลการค้าในเดือน ม.ค.51 19.49 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจาก 22.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ในเดือน ธ.ค.50 แต่สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 16.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และสูงกว่าเดือน ม.ค.50 ที่เกินดุล
15.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งแม้ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศผู้สั่งซื้อสินค้า
จะชะลอตัวด้วยมูลค่ารวม 109.66 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 จากปีก่อน สูงกว่าที่คาดการณ์กันไว้ที่ร้อยละ 19.5 ขณะที่
การนำเข้าก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากเช่นกันด้วยมูลค่ารวม 90.17 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่
ร้อยละ 21.8 และเป็นการขยายตัวสูงกว่าการส่งออกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากเงินหยวนแข็งค่าขึ้นมากและความต้องการบริโภคสินค้า
จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน (รอยเตอร์)
5. ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ธ.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 จากเดือนก่อน รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 15 ก.พ.51
ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วร้อยละ 1.7 ต่อเดือนและร้อยละ 2.5 ต่อปีในเดือน ธ.ค.50 หลังจากลดลง
ร้อยละ 0.9 ต่อเดือนและร้อยละ 0.3 ต่อปีในเดือน พ.ย.50 เป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่ายอดค้าปลีกในเดือน ธ.ค.50
จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากลดลงต่อเนื่องสองเดือนติดต่อกัน โดยสินค้าประเภทเสื้อผ้า รองเท้าและสินค้าเพื่อสันทนาการมียอดขายสูงขึ้นมาก
เมื่อเทียบกับเดือนก่อน อย่างไรก็ดี หากไม่รวมยอดขายรถยนต์แล้ว ยอดค้าปลีกในเดือน ธ.ค.50 จะลดลงหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้ว
ร้อยละ 2.5 ต่อเดือน ในขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 ต่อเดือนในเดือน พ.ย.50 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 ก.พ. 51 15 ก.พ. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 32.612 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 32.4436/32.7696 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.27531 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 826.65/21.93 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,900/14,000 14,050/14,150 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 90.94 89.56 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 32.79*/29.14* 32.79*/29.14* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มเมื่อ 30 ม.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. เดือน ม.ค.51 รัฐบาลขาดดุลเงินสดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษก ก.คลัง แถลงฐานะการคลังของรัฐบาล
ตามระบบกระแสเงินสด ในเดือน ม.ค.51 ว่า ขาดดุลเงินสดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จำนวน 34,621 ล.บาท ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปี
งปม. 51 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 150,267 ล.บาท สูงกว่าการขาดดุลช่วงเดียวกันปีก่อน 185% โดยเป็นการขาดดุลเงิน งปม.
121,390 ล.บาท และการขาดดุลเงินนอก งปม. 28,877 ล.บาท ทั้งนี้ การขาดดุลเงินสดที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกดังกล่าว เป็นผล
มาจากการเร่งการใช้จ่ายด้านการลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 237.3% ทั้งนี้ การขาดดุลดังกล่าว เป็นไปตาม
เป้าหมายของการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาล โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลด้วยการออก พธบ. 16,500 ล.บาท
(ผู้จัดการรายวัน 16-17, กรุงเทพธุรกิจ 16, ไทยโพสต์ 16)
2. สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือน ม.ค.51 เพิ่มขึ้น 120% เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้น 13.09% เทียบต่อปี
นางผาณิต หล่อตระกูล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในเดือน ม.ค.51 ว่า มีจำนวน 4,373 ราย
เพิ่มขึ้น 506 รายเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 13.09% และเพิ่มขึ้น 2,387 ราย หรือเพิ่มขึ้น 120% เมื่อเทียบกับเดือน
ก่อนหน้า โดยมีทุนจดทะเบียนรวม 13,276.97 ล.บาท ธุรกิจที่จดทะเบียนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
และธุรกิจบริการอื่นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการเห็นว่าบรรยากาศการลงทุนเพิ่มดีขึ้น การเมืองมีเสถียรภาพ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกกิจการมีจำนวน 1,403 ราย เพิ่มขึ้น 76 รายหรือเพิ่มขึ้น 5.73% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง
2,199 ราย หรือลดลง61.05% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (กรุงเทพธุรกิจ 16, ข่าวสด 16, ไทยโพสต์ 16)
3. ธปท.ประกาศอัตราดอกเบี้ย พธบ.ออมทรัพย์อายุ 4 ปีและ 7 ปีที่ 3.75 และ 4.5% ต่อปี นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ์
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้
กำหนดอัตราดอกเบี้ย พธบ.ออมทรัพย์ ธปท. ซึ่งกำหนดเปิดให้จองซื้อในวันที่ 18-26 ก.พ.51 โดย พธบ.ออมทรัพย์ประเภท 4 ปี กำหนด
อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75% และ พธบ.ออมทรัพย์ประเภท 7 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.5 % ต่อปี โดยการกำหนดอัตราผลตอบแทน
ครั้งนี้ ธปท.ได้บวกเพิ่มจากอัตราดอกเบี้ย พธบ.รัฐบาลที่เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ซึ่งคาดว่าการที่อัตราผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
และเป็น พธบ.ของ ธปท. ที่มีความเสี่ยงต่ำ จะทำให้ พธบ.ออมทรัพย์ได้รับความสนใจ (กรุงเทพธุรกิจ 16, ไทยโพสต์ 16)
4. ธปท.คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือในปี 51 ขยายตัว 4-6% นายสมศักดิ์ วงศ์ปัญญาถาวร ผู้บริหารส่วน ส่วนวิชาการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เปิดเผยภาพรวมเศรษฐกิจภาคเหนือในปี 50 ว่า มีการขยายตัว แต่เป็นไปในอัตราที่ชะลอตัว
ลงจากปี 49 โดยผลผลิตภาคการเกษตรมีปริมาณเพิ่มขึ้น ทว่า รายได้ของเกษตรกรชะลอตัวลง เนื่องจากราคาพืชผลไม่สูงเท่าปี 49 ขณะที่
ภาคอุตสาหกรรมลดลงตามการผลิตเพื่อส่งออก ด้านการลงทุนภาคเอกชนลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมวดก่อสร้าง เช่นเดียวกับการส่งออก
และนำเข้าที่ลดลง อย่างไรก็ตาม การค้าต่างประเทศของภาคเหนือในปี 50 ยังคงเกินดุลการค้ากว่า 988 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนการ
คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือในปี 51 มีแนวโน้มในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจภาพรวมของทั้งประเทศ โดยคาดว่าจะขยายตัว 4-6%
ซึ่งภาคการเกษตรและภาคบริการจะยังคงเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจภาคเหนือ (ผู้จัดการรายวัน 16-17)
5. ก.พาณิชย์เชิญผู้ประกอบการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหารือแนวทางด้านราคาสินค้า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รอง นรม.และ
รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ก.พาณิชย์ ได้เชิญผู้ประกอบการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันประมาณ 250 ราย ประชุมหารือ
ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เพื่อหาแนวทางในการปรับราคาสินค้าว่า ควรจะมีหลักเกณฑ์และแนวทางอย่างไร โดยต้องการขอความร่วมมือให้ลดราคา
หรือตรึงราคาสินค้านานที่สุดหรืออย่างน้อย 1 ปี นอกจากนี้ จะมีการต่อยอดความร่วมมือโครงการธงฟ้าราคาประหยัด โดยขยายระยะเวลา
ความร่วมมือในการจำหน่ายสินค้าราคาถูกกว่าปกติ และเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าทางเลือกให้ประชาชน (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาสินค้านำเข้าของ สรอ. ในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 51 ก.แรงงาน
สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค. ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เนื่องจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.2 มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 32 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าราคาสินค้านำเข้าจะเพิ่มขึ้นเพียง
ร้อยละ 0.4 และราคาสินค้าส่งออกจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 ทั้งนี้ ก.แรงงานได้ปรับตัวเลขประมาณการของเดือน ธ.ค. ลดลงร้อยละ 0.2
หลังจากที่ได้รายงานก่อนหน้านั้นว่าไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนตัวเลขราคาสินค้าส่งออกคงเดิมจากที่เคยรายงานว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ทั้งนี้ราคาน้ำมัน
และอาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้านำเข้าโดยรวมสูงขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันนำเข้าในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 และตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 66.9 มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 47 ขณะที่ราคาสินค้านำเข้าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.7 มากที่สุดนับตั้งแต่
ที่ได้มีการรวบรวมตัวเลขดังกล่าวในปี 25 (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางญี่ปุ่นคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 0.5 รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 ก.พ.51
คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางญี่ปุ่น มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 0.5 ตามที่คาดการณ์กันไว้
เนื่องจากตลาดการเงินทั่วโลกยังมีความผันผวนและความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยใน สรอ. ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลว่าเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 50 ขยายตัวเป็นสองเท่าจากที่
คาดการณ์กันไว้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ธ.กลางญี่ปุ่นไม่เปลี่ยนแปลง
นโยบายการเงินนับตั้งแต่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนนโยบายจากร้อยละ 0.25 เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ. ลดลงอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี รายงานจากโตเกียว
เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 51 ผลการสำรวจโดยรอยเตอร์ชี้ว่า ในเดือน ก.พ.ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมลดลงอยู่ที่ระดับ +9
จากระดับ +17 ในเดือน ม.ค. และอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศ
ลดลง ส่งผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจ ทั้งนี้กิจการต่างๆมีความเห็นว่าภาวะธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะชะลอตัว สอดคล้องกับความเห็นที่ว่า
เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงไม่สดใสทำให้คาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมที่ร้อยละ 0.5 หรืออาจปรับลดลงได้ในปีนี้
เนื่องจากวิตกเรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
4. จีนได้เปรียบดุลการค้าเดือน ม.ค.50 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 ก.พ.51
ก.ศุลกากรของจีน เปิดเผยว่า จีนได้เปรียบดุลการค้าในเดือน ม.ค.51 19.49 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจาก 22.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ในเดือน ธ.ค.50 แต่สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 16.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และสูงกว่าเดือน ม.ค.50 ที่เกินดุล
15.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งแม้ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศผู้สั่งซื้อสินค้า
จะชะลอตัวด้วยมูลค่ารวม 109.66 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 จากปีก่อน สูงกว่าที่คาดการณ์กันไว้ที่ร้อยละ 19.5 ขณะที่
การนำเข้าก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากเช่นกันด้วยมูลค่ารวม 90.17 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่
ร้อยละ 21.8 และเป็นการขยายตัวสูงกว่าการส่งออกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากเงินหยวนแข็งค่าขึ้นมากและความต้องการบริโภคสินค้า
จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน (รอยเตอร์)
5. ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ธ.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 จากเดือนก่อน รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 15 ก.พ.51
ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วร้อยละ 1.7 ต่อเดือนและร้อยละ 2.5 ต่อปีในเดือน ธ.ค.50 หลังจากลดลง
ร้อยละ 0.9 ต่อเดือนและร้อยละ 0.3 ต่อปีในเดือน พ.ย.50 เป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่ายอดค้าปลีกในเดือน ธ.ค.50
จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากลดลงต่อเนื่องสองเดือนติดต่อกัน โดยสินค้าประเภทเสื้อผ้า รองเท้าและสินค้าเพื่อสันทนาการมียอดขายสูงขึ้นมาก
เมื่อเทียบกับเดือนก่อน อย่างไรก็ดี หากไม่รวมยอดขายรถยนต์แล้ว ยอดค้าปลีกในเดือน ธ.ค.50 จะลดลงหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้ว
ร้อยละ 2.5 ต่อเดือน ในขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 ต่อเดือนในเดือน พ.ย.50 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 ก.พ. 51 15 ก.พ. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 32.612 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 32.4436/32.7696 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.27531 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 826.65/21.93 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,900/14,000 14,050/14,150 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 90.94 89.56 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 32.79*/29.14* 32.79*/29.14* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มเมื่อ 30 ม.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--