นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจ และ แนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปี พิจารณาจากข้อมูลในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2549 ขยายตัวได้ในเกณฑ์ที่น่าพอใจโดยเฉพาะการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีตามภาวะ เศรษฐกิจโลก และเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัว แม้อุปสงค์ในประเทศทั้งจากการบริโภคและการ ลงทุนชะลอลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ขยายตัว
เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้น แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือน มีนาคม 2549 แต่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งไตรมาสลดลงจากไตรมาสก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานค่อนข้าง ทรงตัวในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาและมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สำหรับเสถียรภาพ ด้านต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทาง ของค่าเงินในภูมิภาค
คณะกรรมการฯ เห็นว่า ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะลดลงจากไตรมาสก่อนแต่อัตรา ดอกเบี้ย เงินฝากที่แท้จริงยังคงติดลบ นอกจากนี้ เศรษฐกิจโดยรวมยังคงขยายตัวอย่างน่าพอใจ คณะ กรรมการฯ จึงมีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 4.50 เป็น ร้อยละ 4.75 ต่อปี โดยมีผลทันที
ข้อมูลเพิ่มเติม: คุณจิตตาภา ประจวบเหมาะ โทร. 0 2356 - 7872 e-mail: jittapav@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปี พิจารณาจากข้อมูลในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2549 ขยายตัวได้ในเกณฑ์ที่น่าพอใจโดยเฉพาะการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีตามภาวะ เศรษฐกิจโลก และเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัว แม้อุปสงค์ในประเทศทั้งจากการบริโภคและการ ลงทุนชะลอลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ขยายตัว
เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้น แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือน มีนาคม 2549 แต่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งไตรมาสลดลงจากไตรมาสก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานค่อนข้าง ทรงตัวในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาและมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สำหรับเสถียรภาพ ด้านต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทาง ของค่าเงินในภูมิภาค
คณะกรรมการฯ เห็นว่า ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะลดลงจากไตรมาสก่อนแต่อัตรา ดอกเบี้ย เงินฝากที่แท้จริงยังคงติดลบ นอกจากนี้ เศรษฐกิจโดยรวมยังคงขยายตัวอย่างน่าพอใจ คณะ กรรมการฯ จึงมีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 4.50 เป็น ร้อยละ 4.75 ต่อปี โดยมีผลทันที
ข้อมูลเพิ่มเติม: คุณจิตตาภา ประจวบเหมาะ โทร. 0 2356 - 7872 e-mail: jittapav@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--