นางสาวดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
อุปสงค์ในประเทศเร่งตัวขึ้นทั้งจากการบริโภคและการลงทุน การส่งออกขยายตัวได้ดี ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนให้การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศมีความต่อเนื่อง ซึ่งในระยะต่อไปจะช่วยชดเชยผลกระทบจากความเสี่ยงที่การส่งออกจะชะลอตัวเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและอาจเร่งตัวต่อไปอีกระยะหนึ่งจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจะมีส่วนช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากราคาสินค้าในตลาดโลกลงได้บ้าง
คณะกรรมการฯ เห็นว่า เศรษฐกิจไทยมีแรงส่งที่ดีขึ้นจากอุปสงค์ภายในประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากแรงสนับสนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในช่วงที่ผ่านมา สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับสูงแต่คาดว่าจะปรับลดลงในระยะต่อไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ภายในช่วงเป้าหมายตลอด 8 ไตรมาสข้างหน้า อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกอาจอ่อนแอลงกว่าที่เคยประเมินไว้และส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยตลอดจนการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะต่อไป จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในระหว่างนี้คณะกรรมการมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี
ข้อมูลเพิ่มเติม : นายอัครพล จับจิตรใจดล โทร 0 2283 5621 e-mail: akkharac@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
อุปสงค์ในประเทศเร่งตัวขึ้นทั้งจากการบริโภคและการลงทุน การส่งออกขยายตัวได้ดี ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนให้การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศมีความต่อเนื่อง ซึ่งในระยะต่อไปจะช่วยชดเชยผลกระทบจากความเสี่ยงที่การส่งออกจะชะลอตัวเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและอาจเร่งตัวต่อไปอีกระยะหนึ่งจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจะมีส่วนช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากราคาสินค้าในตลาดโลกลงได้บ้าง
คณะกรรมการฯ เห็นว่า เศรษฐกิจไทยมีแรงส่งที่ดีขึ้นจากอุปสงค์ภายในประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากแรงสนับสนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในช่วงที่ผ่านมา สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับสูงแต่คาดว่าจะปรับลดลงในระยะต่อไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ภายในช่วงเป้าหมายตลอด 8 ไตรมาสข้างหน้า อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกอาจอ่อนแอลงกว่าที่เคยประเมินไว้และส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยตลอดจนการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะต่อไป จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในระหว่างนี้คณะกรรมการมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี
ข้อมูลเพิ่มเติม : นายอัครพล จับจิตรใจดล โทร 0 2283 5621 e-mail: akkharac@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--