ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนมกราคม 2551 ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยมีแรงขับเคลื่อนจากทั้งอุปสงค์ในประเทศ ที่ปรับตัวดีขึ้นและการส่งออกที่ยังขยายตัวดี สอดคล้องกับการนำเข้าที่ขยายตัวในระดับสูง ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวได้ดี ตามอุปสงค์ในประเทศและการส่งออก เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีตามปัจจัยฤดูกาล ส่วนดัชนีผลผลิตพืชผลสำคัญชะลอลงบ้างจากเดือนก่อน แต่รายได้เกษตรกรยังคงขยายตัวดีตามราคาพืชผลสำคัญ ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า การขยายตัวของเครื่องชี้หลายตัวในเดือนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อนด้วย
เสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลและเงินสำรองระหว่างประเทศ อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งตัวขึ้นมากจากเดือนก่อน
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนมกราคม 2551 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) ขยายตัวดีต่อเนื่องที่ร้อยละ 12.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า และหมวดอาหาร ที่เพิ่มขึ้นจากอุปสงค์จากต่างประเทศ ขณะที่หมวดยานยนต์ขยายตัวสูง โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง ส่วนหนึ่งจากการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานทางเลือกหรือ E20 สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 76.9 ซึ่งเมื่อปรับฤดูกาลแล้วใกล้เคียงกับเดือนก่อน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 8.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ปรับดีขึ้นทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะเครื่องชี้ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง ซึ่งมีการชะลอการซื้อจากปลายปีก่อนมาเป็นเดือนนี้ เพื่อรับประโยชน์จากนโยบายภาษีสำหรับรถยนต์ ที่ใช้ E20 สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวสูงจากการบริโภคภายในประเทศและการนำเข้าที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับเครื่องชี้มูลค่าการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวอยู่ในเกณฑ์สูงเช่นกัน สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (ประมาณการ) ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนขยายตัวร้อยละ 4.6 โดยเป็นผลจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ ซึ่งขยายตัวสูง
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 122.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 ตามรายได้ภาษีซึ่งขยายตัวในทุกฐานภาษี โดยเฉพาะภาษีฐานการบริโภคที่เร่งตัวขึ้นตามภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับรายได้ที่มิใช่ภาษีลดลงตามการจัดเก็บรายได้ ของรัฐวิสาหกิจที่ลดลงเนื่องจากรัฐวิสาหกิจบางแห่ง ได้นำส่งรายได้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ดุลเงินสด รัฐบาลขาดดุล 60.8 พันล้านบาท เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนลดลง 18.0 พันล้านบาท อยู่ที่ 51.1 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้า เกินดุล 170 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมูลค่าการส่งออกเท่ากับ 13,843 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 เป็นการขยายตัวในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์พลาสติก รวมทั้งอัญมณีและทองคำ ประกอบกับหมวดสินค้าเกษตรที่ส่งออกได้ดีตามการส่งออกข้าว ยางพารา และไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง สำหรับการนำเข้ามีมูลค่า 13,673 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวถึงร้อยละ 40.1 ซึ่งเป็นการขยายตัวในทุกหมวดเช่นกัน เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่เกินดุล 1,226 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากดุลการท่องเที่ยวที่เกินดุลเพิ่มขึ้นและการส่งกลับกำไรและเงินปันผลที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 1,396 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 3,300 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2551 อยู่ที่ระดับ 92.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิ จำนวน 21.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 4.3 เร่งขึ้นจากเดือนก่อน จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าในหมวดพลังงานและอาหารสดโดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ที่เร่งตัวมากจากผลผลิตที่เสียหายเนื่องจากฝกตกนอกฤดู ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.2 เท่ากับเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเนื่องจากการปรับลดค่าธรรมเนียมรถโดยสาร บขส. และการปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์ แม้ราคาในหมวดอื่นปรับเพิ่มขึ้น ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตสูงขึ้นร้อยละ 10.0 เร่งขึ้นจากเดือนก่อนโดยเป็นผลจากการปรับตัวสูงขึ้นของทั้งราคาผลผลิตอุตสาหกรรมและราคาผลผลิตเกษตรกรรม
6. ภาวะการเงิน เงินฝากของสถาบันรับฝากเงิน1/ (Depository Corporations) ขยายตัวร้อยละ 1.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจากการไหลกลับเข้ามาของเงินฝากภายหลังจากการคำนวณภาระการนำส่งเงินให้กองทุนเพื่อ การฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กอปรกับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อจูงใจผู้ฝากด้วย สำหรับ สินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงินขยายตัวเร่งขึ้นร้อยละ 4.5 โดยเฉพาะสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น โดยขยายตัวร้อยละ 1.5 จากระยะเดียวกันของปีก่อน
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนมกราคม 2551 ขยายตัวร้อยละ 8.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money) ขยายตัวร้อยละ 1.2 จากการขยายตัวของเงินฝากที่สถาบันการเงินยังคงอยู่ในระดับต่ำ
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปีตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันล่าสุดระหว่างวันที่ 1-22 กุมภาพันธ์ 2551 เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.20 ต่อปี เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องเหลือจึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยการให้กู้ยืมระหว่างธนาคารลง
7. ค่าเงินบาทและดัชนีค่าเงินบาท ในเดือนมกราคม 2551 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 33.18 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือนธันวาคมที่ 33.70 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จากค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่อ่อนลงต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทจะมีทิศทางแข็งค่าต่อไป ทำให้มีการขายดอลลาร์ สรอ. ของผู้มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 77.78 ในเดือนธันวาคม 2550 มาอยู่ที่ระดับ 78.06
ในช่วงวันที่ 1-22 กุมภาพันธ์ 2551 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 32.77 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากการเร่งขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าของผู้ส่งออก เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าจะยกเลิกมาตรการดำรงเงินสำรอง เงินนำเข้าระยะสั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม: พรรณพิลาส เรืองวิสุทธิ์ โทร. 0-2283-5648, 0-2283-5639 e-mail: punpilay@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
เสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลและเงินสำรองระหว่างประเทศ อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งตัวขึ้นมากจากเดือนก่อน
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนมกราคม 2551 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) ขยายตัวดีต่อเนื่องที่ร้อยละ 12.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า และหมวดอาหาร ที่เพิ่มขึ้นจากอุปสงค์จากต่างประเทศ ขณะที่หมวดยานยนต์ขยายตัวสูง โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง ส่วนหนึ่งจากการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานทางเลือกหรือ E20 สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 76.9 ซึ่งเมื่อปรับฤดูกาลแล้วใกล้เคียงกับเดือนก่อน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 8.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ปรับดีขึ้นทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะเครื่องชี้ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง ซึ่งมีการชะลอการซื้อจากปลายปีก่อนมาเป็นเดือนนี้ เพื่อรับประโยชน์จากนโยบายภาษีสำหรับรถยนต์ ที่ใช้ E20 สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวสูงจากการบริโภคภายในประเทศและการนำเข้าที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับเครื่องชี้มูลค่าการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวอยู่ในเกณฑ์สูงเช่นกัน สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (ประมาณการ) ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนขยายตัวร้อยละ 4.6 โดยเป็นผลจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ ซึ่งขยายตัวสูง
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 122.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 ตามรายได้ภาษีซึ่งขยายตัวในทุกฐานภาษี โดยเฉพาะภาษีฐานการบริโภคที่เร่งตัวขึ้นตามภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับรายได้ที่มิใช่ภาษีลดลงตามการจัดเก็บรายได้ ของรัฐวิสาหกิจที่ลดลงเนื่องจากรัฐวิสาหกิจบางแห่ง ได้นำส่งรายได้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ดุลเงินสด รัฐบาลขาดดุล 60.8 พันล้านบาท เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนลดลง 18.0 พันล้านบาท อยู่ที่ 51.1 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้า เกินดุล 170 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมูลค่าการส่งออกเท่ากับ 13,843 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 เป็นการขยายตัวในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์พลาสติก รวมทั้งอัญมณีและทองคำ ประกอบกับหมวดสินค้าเกษตรที่ส่งออกได้ดีตามการส่งออกข้าว ยางพารา และไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง สำหรับการนำเข้ามีมูลค่า 13,673 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวถึงร้อยละ 40.1 ซึ่งเป็นการขยายตัวในทุกหมวดเช่นกัน เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่เกินดุล 1,226 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากดุลการท่องเที่ยวที่เกินดุลเพิ่มขึ้นและการส่งกลับกำไรและเงินปันผลที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 1,396 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 3,300 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2551 อยู่ที่ระดับ 92.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิ จำนวน 21.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 4.3 เร่งขึ้นจากเดือนก่อน จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าในหมวดพลังงานและอาหารสดโดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ที่เร่งตัวมากจากผลผลิตที่เสียหายเนื่องจากฝกตกนอกฤดู ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.2 เท่ากับเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเนื่องจากการปรับลดค่าธรรมเนียมรถโดยสาร บขส. และการปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์ แม้ราคาในหมวดอื่นปรับเพิ่มขึ้น ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตสูงขึ้นร้อยละ 10.0 เร่งขึ้นจากเดือนก่อนโดยเป็นผลจากการปรับตัวสูงขึ้นของทั้งราคาผลผลิตอุตสาหกรรมและราคาผลผลิตเกษตรกรรม
6. ภาวะการเงิน เงินฝากของสถาบันรับฝากเงิน1/ (Depository Corporations) ขยายตัวร้อยละ 1.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจากการไหลกลับเข้ามาของเงินฝากภายหลังจากการคำนวณภาระการนำส่งเงินให้กองทุนเพื่อ การฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กอปรกับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อจูงใจผู้ฝากด้วย สำหรับ สินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงินขยายตัวเร่งขึ้นร้อยละ 4.5 โดยเฉพาะสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น โดยขยายตัวร้อยละ 1.5 จากระยะเดียวกันของปีก่อน
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนมกราคม 2551 ขยายตัวร้อยละ 8.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money) ขยายตัวร้อยละ 1.2 จากการขยายตัวของเงินฝากที่สถาบันการเงินยังคงอยู่ในระดับต่ำ
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปีตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันล่าสุดระหว่างวันที่ 1-22 กุมภาพันธ์ 2551 เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.20 ต่อปี เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องเหลือจึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยการให้กู้ยืมระหว่างธนาคารลง
7. ค่าเงินบาทและดัชนีค่าเงินบาท ในเดือนมกราคม 2551 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 33.18 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือนธันวาคมที่ 33.70 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จากค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่อ่อนลงต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทจะมีทิศทางแข็งค่าต่อไป ทำให้มีการขายดอลลาร์ สรอ. ของผู้มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 77.78 ในเดือนธันวาคม 2550 มาอยู่ที่ระดับ 78.06
ในช่วงวันที่ 1-22 กุมภาพันธ์ 2551 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 32.77 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากการเร่งขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าของผู้ส่งออก เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าจะยกเลิกมาตรการดำรงเงินสำรอง เงินนำเข้าระยะสั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม: พรรณพิลาส เรืองวิสุทธิ์ โทร. 0-2283-5648, 0-2283-5639 e-mail: punpilay@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--