ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. การกำกับสถาบันการเงินปี 51 ธปท.เน้นเรื่องฐานความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเป็นหลัก
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การกำกับสถาบันการเงินในปี 51 และในช่วงต่อไป ธปท.
จะเน้นเรื่องฐานความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเป็นหลัก (Credit Risk) รวมทั้งการดูแลให้เกิดความเพียงพอของทุน
ภายใต้มาตรฐานการกำกับใหม่ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (บีไอเอส) หรือบาเซิล 2 โดยในทุกปีเริ่มตั้งแต่ปีนี้ ธปท.จะจัดให้
มีการทดสอบความเข้มแข็งของระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งความเพียงพอของทุนภายใต้สถานการณ์ต่างๆ (Stress Test) เพื่อนำผลทดสอบ
ความเข้มแข็งสูงสุดของระบบสถาบันการเงินไทยไปพัฒนาระบบการกำกับและเสริมความเข้มแข็งของสถาบันการเงินไทย ซึ่งแบบทดสอบจะ
กำหนดสถานการณ์ร้ายแรงที่สุดที่มีผลกระทบต่อระบบสถาบันการเงินและสามารถเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน ให้ ธพ.นำสถานการณ์เหล่านั้นไปทดสอบจริง
กับฐานะของ ธพ. ว่าจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนใด ซึ่งนางสาวเมทินี ศุภสวัสดิ์กุล ผู้บริหารส่วน ฝ่ายตรวจสอบความเสี่ยงและ
เทคโนโลยีสารสนเทศ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า หลายประเทศได้ทำแบบทดสอบนี้ ซึ่งทำให้ระบบสถาบันการเงินดีขึ้น สำหรับ
ประเทศไทยนั้นสถานการณ์รุนแรงที่ระบุให้ ธพ.นำไปทำแบบทดสอบจะครอบคลุมความเสี่ยงใน 3 ด้าน คือ ความเสี่ยงด้านเครดิต ความเสี่ยง
ด้านการตลาด และความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง โดยการประเมินของ ธพ.ต้องเสนอผลที่จะเกิดขึ้นต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)
ผลกระทบต่อเงินสำรองหนี้ ผลกระทบต่อเงินกองทุน และฐานะสภาพคล่องของธนาคาร รวมทั้งเสนอแผนรองรับหรือแผนเพิ่มประสิทธิภาพ ให้
ธปท.ประเมินความแข็งแกร่งของ ธพ.แต่ละแห่งและระบบสถาบันการเงิน (โลกวันนี้, มติชน, ข่าวสด)
2. รายได้รวมของตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอในปี 50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ขณะที่กำไรสุทธิลดลงร้อยละ 10 เทียบกับปีก่อน
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (MAI) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ จำนวน 49 แห่ง
นำส่งผลการดำเนินงานประจำปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.50 ว่า มีรายได้รวมทั้งสิ้น 44,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ร้อยละ 11 โดยมีกำไรสุทธิรวม 1,961 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 10 ทั้งนี้ บริษัทที่มีกำไรสุทธิมีจำนวน 41 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 84
และบริษัทที่ขาดทุนสุทธิมีจำนวน 8 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 16 (ผู้จัดการรายวัน)
3. ผู้ค้าน้ำมันชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันในประเทศช่วง 1-2 วันนี้ รายงานข่าวจากวงการน้ำมัน เปิดเผยว่า ผู้ค้าน้ำมันยังคง
ชะลอปรับขึ้นราคาน้ำมันในประเทศช่วง 1-2 วันนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดที่ไทยใช้อ้างอิงปรับลดลงค่อนข้างรุนแรง สวนทางกับราคาน้ำมัน
ตลาดสหรัฐฯ ที่ล่าสุดสูงถึง 106 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก (โอเปก) ประกาศคง
กำลังการผลิตเท่าเดิมวันละ 29.67 ล้านบาร์เรล ทำให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดน้ำมันซื้อขายล่วงหน้า (โลกวันนี้)
4. ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มปรับลดลงตามนโยบายภาครัฐ นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้
ห้างสรรพสินค้า 174 แห่งทั่วประเทศเริ่มลดราคาสุกรจาก 120 บาทเหลือ 98 บาท/กิโลกรัม ส่วนตลาดสดจะเริ่มลดราคาวันนี้ (7 มี.ค.)
และวันที่ 10 มี.ค.นี้ คาดว่ากลุ่มนมผงและสินค้าอื่นจะประกาศลดราคาลงอีก ขณะที่นายสุรชัย สุทธิธรรม ไม่เห็นด้วยกับการจัดโครงการหมูพาณิชย์
ทั่วประเทศ เพราะจะทำให้กลไกตลาดบิดเบือน โดยเห็นว่าควรจัดเป็นช่วงเวลา (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของเยอรมนีลดลงในเดือน ม.ค.51 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 6 มี.ค.51 ธ.กลางเยอรมนีรายงาน
คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของเยอรมนีลดลงหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วร้อยละ 1.5 เทียบต่อเดือน ในขณะที่ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.2 ต่อเดือน โดยเป็นการลดลงของคำสั่งซื้อสินค้าจากในประเทศร้อยละ 1.9 ต่อเดือน และคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลง
ร้อยละ 1.3 ต่อเดือน หลังจากคำสั่งซื้อโดยรวมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.0 ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุด
นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 43 แต่อย่างไรก็ดี คำสั่งซื้อสินค้าสำหรับผู้บริโภคจากในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เพิ่มความคาดหวังว่าการบริโภค
ในประเทศจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่องต่อไป หลังจากอัตราการว่างงานในเยอรมนีได้ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปี
ที่ผ่านมาซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะช่วยให้การบริโภคในประเทศขยายตัวได้ดีต่อไป สอดคล้องกับผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น
ในเดือน ม.ค.และ ก.พ.51 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 5.25 รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อ
วันที่ 6 มี.ค.51 ธ.กลางอังกฤษประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 5.25 ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เป็นไป
ตามผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ลงในช่วงกลางปีนี้เพื่อป้องกันผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากความผันผวนของตลาดเงิน ทั้งนี้ ธ.กลางอังกฤษได้ย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างสมดุล
เกี่ยวกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่กำลังเร่งตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจากประมาณการ
ทางเศรษฐกิจของ ธ.กลางอังกฤษในเดือน ก.พ. ชี้ว่าการดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงินใด ๆ ในอนาคตจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป
ด้านผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะพุ่งขึ้นสูงเกินระดับเป้าหมายที่ ธ.กลางอังกฤษตั้งไว้ที่ร้อยละ 2 ในอนาคตอันใกล้นี้
ในขณะเดียวกันกับที่เศรษฐกิจกำลังอ่อนตัวเนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ลดลง และเศรษฐกิจของ สรอ. กำลัง
เข้าสู่สภาวะถดถอย (รอยเตอร์)
3. จีนจำเป็นต้องควบคุมการขยายตัวของปริมาณเงินเพื่อลดภาวะเงินเฟ้อ รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 51 ผู้ดำเนิน
นโยบายการเงินของจีนซึ่งเป็นอดีตรอง ผวก. ธ.กลางจีน กล่าวว่าจีนควรที่จะเข้มงวดในการควบคุมปริมาณเงินเนื่องจากเป็นสาเหตุให้อัตรา
เงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งในเดือน ม.ค. อัตราเงินเฟ้อของจีนทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปีที่ร้อยละ 7.1 ทำให้ทางการจีนมีความวิตกว่าแรงกดดันด้าน
ราคาจะส่งผลให้ราคาสินค้าบางอย่างอาทิเนื้อสุกร และน้ำมันเพื่อการบริโภค สูงขึ้น อันจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน
อย่างไรก็ตามยังมีเหตุผลอื่นๆที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่ง Wu Xiaoling รองคณะกรรมาธิการการเงินและเศรษฐกิจ เห็นว่าจีนต้องดำเนิน
การปฏิรูปเศรษฐกิจควบคู่กันไปการควบคุมการขยายตัวของปริมาณเงินโดยรวมด้วย เพื่อที่จะควบคุมภาวะเงินเฟ้อให้ได้ผล ซึ่งที่ผ่านมาในแต่ละปี
เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีตามที่คาดไว้รายงานจากโซล เมื่อ 7 มี.ค.51 ธ.กลาง
เกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันตามที่คาดไว้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อปี
สองครั้งติดต่อกันในเดือน ก.ค.และ ส.ค.50 และเป็นครั้งแรกที่ ธ.กลางเกาหลีใต้กำหนดให้มีอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานซึ่งเท่ากับร้อยละ 5.0 ต่อปี
โดย ธ.กลางเกาหลีใต้เคยระบุว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ก.พ.51 ซึ่งระบุเป็นอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนและอยู่ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีเท่ากับ
อัตราดอกเบี้ยพื้นฐานซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีเช่นเดียวกัน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 7 มี.ค. 51 6 มี.ค. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.564 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.3468/31.6874 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.26125 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 827.71/17.19 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 14,600/14,700 14,600/14,700 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 95.74 93.07 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 33.59*/29.94* 33.59*/29.94* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 28 ก.พ. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. การกำกับสถาบันการเงินปี 51 ธปท.เน้นเรื่องฐานความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเป็นหลัก
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การกำกับสถาบันการเงินในปี 51 และในช่วงต่อไป ธปท.
จะเน้นเรื่องฐานความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเป็นหลัก (Credit Risk) รวมทั้งการดูแลให้เกิดความเพียงพอของทุน
ภายใต้มาตรฐานการกำกับใหม่ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (บีไอเอส) หรือบาเซิล 2 โดยในทุกปีเริ่มตั้งแต่ปีนี้ ธปท.จะจัดให้
มีการทดสอบความเข้มแข็งของระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งความเพียงพอของทุนภายใต้สถานการณ์ต่างๆ (Stress Test) เพื่อนำผลทดสอบ
ความเข้มแข็งสูงสุดของระบบสถาบันการเงินไทยไปพัฒนาระบบการกำกับและเสริมความเข้มแข็งของสถาบันการเงินไทย ซึ่งแบบทดสอบจะ
กำหนดสถานการณ์ร้ายแรงที่สุดที่มีผลกระทบต่อระบบสถาบันการเงินและสามารถเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน ให้ ธพ.นำสถานการณ์เหล่านั้นไปทดสอบจริง
กับฐานะของ ธพ. ว่าจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนใด ซึ่งนางสาวเมทินี ศุภสวัสดิ์กุล ผู้บริหารส่วน ฝ่ายตรวจสอบความเสี่ยงและ
เทคโนโลยีสารสนเทศ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า หลายประเทศได้ทำแบบทดสอบนี้ ซึ่งทำให้ระบบสถาบันการเงินดีขึ้น สำหรับ
ประเทศไทยนั้นสถานการณ์รุนแรงที่ระบุให้ ธพ.นำไปทำแบบทดสอบจะครอบคลุมความเสี่ยงใน 3 ด้าน คือ ความเสี่ยงด้านเครดิต ความเสี่ยง
ด้านการตลาด และความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง โดยการประเมินของ ธพ.ต้องเสนอผลที่จะเกิดขึ้นต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)
ผลกระทบต่อเงินสำรองหนี้ ผลกระทบต่อเงินกองทุน และฐานะสภาพคล่องของธนาคาร รวมทั้งเสนอแผนรองรับหรือแผนเพิ่มประสิทธิภาพ ให้
ธปท.ประเมินความแข็งแกร่งของ ธพ.แต่ละแห่งและระบบสถาบันการเงิน (โลกวันนี้, มติชน, ข่าวสด)
2. รายได้รวมของตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอในปี 50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ขณะที่กำไรสุทธิลดลงร้อยละ 10 เทียบกับปีก่อน
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (MAI) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ จำนวน 49 แห่ง
นำส่งผลการดำเนินงานประจำปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.50 ว่า มีรายได้รวมทั้งสิ้น 44,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ร้อยละ 11 โดยมีกำไรสุทธิรวม 1,961 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 10 ทั้งนี้ บริษัทที่มีกำไรสุทธิมีจำนวน 41 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 84
และบริษัทที่ขาดทุนสุทธิมีจำนวน 8 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 16 (ผู้จัดการรายวัน)
3. ผู้ค้าน้ำมันชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันในประเทศช่วง 1-2 วันนี้ รายงานข่าวจากวงการน้ำมัน เปิดเผยว่า ผู้ค้าน้ำมันยังคง
ชะลอปรับขึ้นราคาน้ำมันในประเทศช่วง 1-2 วันนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดที่ไทยใช้อ้างอิงปรับลดลงค่อนข้างรุนแรง สวนทางกับราคาน้ำมัน
ตลาดสหรัฐฯ ที่ล่าสุดสูงถึง 106 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก (โอเปก) ประกาศคง
กำลังการผลิตเท่าเดิมวันละ 29.67 ล้านบาร์เรล ทำให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดน้ำมันซื้อขายล่วงหน้า (โลกวันนี้)
4. ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มปรับลดลงตามนโยบายภาครัฐ นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้
ห้างสรรพสินค้า 174 แห่งทั่วประเทศเริ่มลดราคาสุกรจาก 120 บาทเหลือ 98 บาท/กิโลกรัม ส่วนตลาดสดจะเริ่มลดราคาวันนี้ (7 มี.ค.)
และวันที่ 10 มี.ค.นี้ คาดว่ากลุ่มนมผงและสินค้าอื่นจะประกาศลดราคาลงอีก ขณะที่นายสุรชัย สุทธิธรรม ไม่เห็นด้วยกับการจัดโครงการหมูพาณิชย์
ทั่วประเทศ เพราะจะทำให้กลไกตลาดบิดเบือน โดยเห็นว่าควรจัดเป็นช่วงเวลา (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของเยอรมนีลดลงในเดือน ม.ค.51 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 6 มี.ค.51 ธ.กลางเยอรมนีรายงาน
คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของเยอรมนีลดลงหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วร้อยละ 1.5 เทียบต่อเดือน ในขณะที่ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.2 ต่อเดือน โดยเป็นการลดลงของคำสั่งซื้อสินค้าจากในประเทศร้อยละ 1.9 ต่อเดือน และคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลง
ร้อยละ 1.3 ต่อเดือน หลังจากคำสั่งซื้อโดยรวมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.0 ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุด
นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 43 แต่อย่างไรก็ดี คำสั่งซื้อสินค้าสำหรับผู้บริโภคจากในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เพิ่มความคาดหวังว่าการบริโภค
ในประเทศจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่องต่อไป หลังจากอัตราการว่างงานในเยอรมนีได้ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปี
ที่ผ่านมาซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะช่วยให้การบริโภคในประเทศขยายตัวได้ดีต่อไป สอดคล้องกับผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น
ในเดือน ม.ค.และ ก.พ.51 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 5.25 รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อ
วันที่ 6 มี.ค.51 ธ.กลางอังกฤษประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 5.25 ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เป็นไป
ตามผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ลงในช่วงกลางปีนี้เพื่อป้องกันผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากความผันผวนของตลาดเงิน ทั้งนี้ ธ.กลางอังกฤษได้ย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างสมดุล
เกี่ยวกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่กำลังเร่งตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจากประมาณการ
ทางเศรษฐกิจของ ธ.กลางอังกฤษในเดือน ก.พ. ชี้ว่าการดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงินใด ๆ ในอนาคตจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป
ด้านผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะพุ่งขึ้นสูงเกินระดับเป้าหมายที่ ธ.กลางอังกฤษตั้งไว้ที่ร้อยละ 2 ในอนาคตอันใกล้นี้
ในขณะเดียวกันกับที่เศรษฐกิจกำลังอ่อนตัวเนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ลดลง และเศรษฐกิจของ สรอ. กำลัง
เข้าสู่สภาวะถดถอย (รอยเตอร์)
3. จีนจำเป็นต้องควบคุมการขยายตัวของปริมาณเงินเพื่อลดภาวะเงินเฟ้อ รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 51 ผู้ดำเนิน
นโยบายการเงินของจีนซึ่งเป็นอดีตรอง ผวก. ธ.กลางจีน กล่าวว่าจีนควรที่จะเข้มงวดในการควบคุมปริมาณเงินเนื่องจากเป็นสาเหตุให้อัตรา
เงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งในเดือน ม.ค. อัตราเงินเฟ้อของจีนทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปีที่ร้อยละ 7.1 ทำให้ทางการจีนมีความวิตกว่าแรงกดดันด้าน
ราคาจะส่งผลให้ราคาสินค้าบางอย่างอาทิเนื้อสุกร และน้ำมันเพื่อการบริโภค สูงขึ้น อันจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน
อย่างไรก็ตามยังมีเหตุผลอื่นๆที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่ง Wu Xiaoling รองคณะกรรมาธิการการเงินและเศรษฐกิจ เห็นว่าจีนต้องดำเนิน
การปฏิรูปเศรษฐกิจควบคู่กันไปการควบคุมการขยายตัวของปริมาณเงินโดยรวมด้วย เพื่อที่จะควบคุมภาวะเงินเฟ้อให้ได้ผล ซึ่งที่ผ่านมาในแต่ละปี
เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีตามที่คาดไว้รายงานจากโซล เมื่อ 7 มี.ค.51 ธ.กลาง
เกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันตามที่คาดไว้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อปี
สองครั้งติดต่อกันในเดือน ก.ค.และ ส.ค.50 และเป็นครั้งแรกที่ ธ.กลางเกาหลีใต้กำหนดให้มีอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานซึ่งเท่ากับร้อยละ 5.0 ต่อปี
โดย ธ.กลางเกาหลีใต้เคยระบุว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ก.พ.51 ซึ่งระบุเป็นอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนและอยู่ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีเท่ากับ
อัตราดอกเบี้ยพื้นฐานซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปีเช่นเดียวกัน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 7 มี.ค. 51 6 มี.ค. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.564 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.3468/31.6874 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.26125 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 827.71/17.19 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 14,600/14,700 14,600/14,700 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 95.74 93.07 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 33.59*/29.94* 33.59*/29.94* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 28 ก.พ. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--