ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธ.กลาง สรอ. ลดดอกเบี้ยไม่ได้ทำให้เงินทุนไหลเข้าไทยมากนัก นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผอส.ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท.
กล่าวว่า หลังจากที่ ธ.กลาง สรอ. ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงร้อยละ 0.75 เหลือร้อยละ 2.25 ทำให้มีส่วนต่างดอกเบี้ยในประเทศ
และต่างประเทศมากขึ้นเป็นร้อยละ 1 เพราะดอกเบี้ยนโยบายของไทยปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีเงินไหลเข้าเป็น
จำนวนมากนั้น ซึ่งการที่เงินจะไหลเข้าหรือไม่ไม่ได้อยู่ที่ส่วนต่างดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ ด้วย และ
เมื่อดูภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแม้จะมีการฟื้นตัวขึ้นจริง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันแล้วยังมีประเทศที่น่าสนใจให้
เงินทุนไหลเข้ามากกว่าไทย เช่น อินเดียและจีน ที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีเช่นกัน จึงคาดว่าเงินทุนคงไม่ไหลเข้ามาที่ไทยมากนัก
ในขณะที่การที่สถาบันการเงิน สรอ. ขาดสภาพคล่องก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เงินทุนไม่ไหลเข้ามาในภูมิภาคเพิ่มมาก เพราะเงินที่ ธ.กลาง
สรอ. ปล่อยออกช่วยก็น่าจะหมุนเวียนใน สรอ. และช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว สำหรับส่วนต่างดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะเป็นแรงกดดันให้ไทย
ลดดอกเบี้ยลงตามหรือไม่คงอยู่ที่ข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไป และอยู่ที่การตัดสินใจของ กนง.ที่จะพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 9 เม.ย.นี้
รวมทั้ง กนง. ก็ต้องดูว่าระหว่างเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ภาวะใดน่าห่วงกว่า สำหรับการประชุม กนง. ครั้งต่อไปจะต้องนำข้อมูล
ใหม่มาพิจารณาเพิ่มเติม ทั้งการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน ผลการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การดำเนินนโยบายการเงินของ
สรอ. รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ มาพิจารณาด้วย เพื่อกำหนดนโยบายการเงินที่เหมาะสมต่อไป (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้, ไทยรัฐ)
2. ฟิทช์ เรทติ้ง เตรียมปรับเพิ่มเรตติ้งของไทยหากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น นายเจมส์ แมคคอร์แมค กก.ผจก. ฟิทช์ เรตติ้ง
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB+ ซึ่งอยู่ในระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่ยังมีโอกาสใน
การปรับอันดับเป็น A- ได้หากปัจจัยด้านเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยยังถือว่ามีความเสี่ยง
น้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียในกรณีที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของ สรอ. โดยปัจจุบันประเทศที่มีความเสี่ยง
สูงสุดคือ สิงคโปร์ ฮ่องกง และเวียดนาม เนื่องจากประเทศทั้งสามมีสัดส่วนการส่งออกไปยัง สรอ. มากกว่าร้อยละ 25 ขณะที่ไทยมีสัดส่วน
การส่งออกไป สรอ. เพียงร้อยละ 10 จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่า ขณะที่ไทยมีความเสี่ยงด้านการเมืองสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เนื่องจากปัจจุบันความน่าเชื่อถือทางการเมืองปรับตัวแย่ลง ความมั่นคงทางการเมือง กฎระเบียบต่าง ๆ รวมถึงเรื่องคอร์รัปชั่นก็ปรับตัวใน
ทิศทางที่แย่ลง มีเพียงประสิทธิภาพของการทำงานเท่านั้นที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยที่ออกมานั้นมองว่า
มาตรการลดภาษีจะเป็นมาตรการที่เห็นผลเร็ว แต่เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้สำเร็จหรือไม่ เพราะต้องใช้
เวลาระยะหนึ่งกว่าจะเห็นผล อย่างไรก็ตาม มองว่าการลดภาษีจะไม่ทำให้รัฐบาลเสียรายได้ เนื่องจากรายได้ด้านภาษีเติบโตดีกว่าจีดีพีอยู่แล้ว
(โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
3. ก.คลังเตรียมปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการอีกครั้ง นางพรรณี สถาวโรดม ผอ.สนง.เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า
รมว.คลังได้มอบหมายให้ สศค. ศึกษาการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการแบบบูรณาการ ไม่สร้างภาระให้กับรัฐบาลมากจนเกินไป โดยให้เปรียบเทียบ
กับการขึ้นเงินเดือนของข้าราชการในต่างประเทศว่าดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการอาจทำให้มีการปรับขึ้น
เงินเดือนในหน่วยงานอื่นตามไปด้วย ทั้งที่จุดประสงค์ของรัฐบาลต้องการขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการที่ฐานเงินเดือนต่ำมากเท่านั้น เช่น
ในระดับอธิบดีที่มีเงินเดือนเพียง 6 หมื่นบาทต่อเดือนเท่านั้น สำหรับหน้าที่ศึกษาการขึ้นเงินเดือนข้าราชการเป็นของกรมบัญชีกลาง
สนง.คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และ สนง.ข้าราชการพลเรือน แต่การปรับขึ้นเงินเดือน รมว.คลังต้องการให้เป็นแบบบูรณาการ
จึงให้ สศค. เข้ามาช่วยศึกษาอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ในงบประมาณปี 2552 มีบางส่วนที่ใช้สำหรับการปรับขึ้นเงินเดือนปกติของข้าราชการ
ส่วนการปรับขึ้นเงินเดือนใหม่ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อปรับฐานรายได้ของข้าราชการ ยังไม่แน่ใจว่ามีการใส่ไว้ในงบกลางของงบประมาณ
กลางปี 2552 หรือไม่ (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
4. ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยเพิ่มขึ้น นางกุลวดี สว่างศรี ผอ.และหัวหน้าฝ่ายการลงทุนและที่ดิน
บ.ซีบี ริชาร์ดเอลลิส ประเทศไทย จก. เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเอเชียมีภาวะที่ดีกว่าใน สรอ. และยุโรป ที่กำลังอยู่ในช่วงถดถอย
ส่งผลให้ประเทศในเอเชียได้รับผลประโยชน์จากแนวโน้มดังกล่าว โดยเฉพาะประเทศที่มีตลาดอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง
และสิงคโปร์ ขณะที่ไทยก็กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเล็งเห็นว่ายังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากและมีการเอื้ออำนวย
สำหรับชาวต่างชาติหลายประการ โดยเฉพาะการถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ สำหรับกลุ่มทุนชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทยแล้วคือ แคปปิตอล
แลนด์ ของสิงคโปร์ ร่วมทุนกับ ทีซีซี กรุ๊ป ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มไอเอฟเอ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
คูเวต เข้าถือหุ้นใน บมจ.ไรมอนด์ แลนด์ กลุ่มอิสทิธมาร์ จากดูไบ ได้ตกลงที่จะลงทุนในโครงการดับเบิลยู โฮเต็ล ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการ
ดำเนินงานการก่อสร้างโครงการสาทร สแควร์ ของ บมจ.โกลเด้น แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ขณะที่ตลาดรีสอร์ทจะเป็นกลุ่มซีพีดี
จากฮ่องกง เข้าซื้อสนามกอล์ฟท้ายเหมืองใน จ.พังงา และเดสติเนชั่น พร็อพเพอร์ตี้ เข้าซื้อโรงแรม 2 แห่งใน จ.ภูเก็ต (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. วิกฤตการณ์ด้านการเงินของ สรอ. ยังไม่สิ้นสุด รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 19 มี.ค.51 Paul Volcker
อดีตประธาน ธ.กลาง สรอ. กล่าวว่า วิกฤตการณ์ด้านการเงินยังไม่สิ้นสุดแม้ว่า ธ.กลาง สรอ. จะใช้มาตรการรุนแรงในการจัดการกับ
ปัญหาทางเศรษฐกิจ เนื่องจากยังมีผลที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่องจากภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เห็นได้ชัดเจนว่ายังไม่มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ธ.กลาง สรอ. ได้อัดฉีดเงินมากกว่าครึ่งล้านล้านดอลลาร์ สรอ. เข้าสู่ระบบการเงิน เพื่อสนับสนุนการปล่อยสินเชื่ออย่างเร่งด่วน และ
เป็นหลักประกันในการรองรับหนี้จากการจำนองบางส่วนที่สร้างความเสียหายให้กับ ธ.พาณิชย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ สรอ.(รอยเตอร์)
2. ในเดือน มี.ค.51 คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของอังกฤษเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนก่อน รายงานจากลอนดอน เมื่อ 19 มี.ค.51 ดัชนีชี้วัด
คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของอังกฤษสำหรับเดือน มี.ค.51 จากผลสำรวจโดยสภาอุตสาหกรรมของอังกฤษในระหว่างวันที่ 27 ก.พ.ถึง 12 มี.ค.51
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +7 จากระดับ +3 ในเดือนก่อน ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ +1 โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ
ซึ่งได้รับผลดีจากค่าเงินปอนด์ที่ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ทำให้สินค้าจากอังกฤษมีราคาถูกลงในตลาดต่างประเทศ โดยดัชนีชี้วัด
คำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +3 จากระดับ -8 ในเดือนก่อน อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี ในขณะที่ราคาสินค้าในประเทศ
กำลังเพิ่มสูงขึ้น สร้างความกังวลให้ ธ.กลางอังกฤษที่ต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังชะลอตัวลง โดยดัชนี
ชี้วัดความคาดหวังเกี่ยวกับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +25 ในเดือน มี.ค.51 จากระดับ +22 ในเดือนก่อน อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่
เดือน พ.ค.50 แต่อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดกันว่า ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือร้อยละ 5.0 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อช่วยพยุง
เศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อในตลาดการเงิน (รอยเตอร์)
3. ตลาดบ้านในอังกฤษได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อในตลาดการเงิน รายงานจากอังกฤษ เมื่อ 19 มี.ค.51 Kate Barker
ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางอังกฤษให้ความเห็นว่าวิกฤติสินเชื่อในตลาดการเงินในขณะนี้ทำให้ความสามารถ
ในการซื้อบ้านของชาวอังกฤษลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะซื้อบ้านเป็นครั้งแรก แม้ว่าราคาบ้านในปีนี้ได้ลดลงจากปีก่อนก็ตาม โดยจำนวนคำขอ
สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านที่ได้รับอนุมัติลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้นและความสามารถในการใช้จ่าย
ที่ลดลงของผู้บริโภคจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ก็มีส่วนทำให้โอกาสในการซื้อบ้านครั้งแรกของชาวอังกฤษลดลงเช่นเดียวกัน (รอยเตอร์)
4. เศรษฐกิจญี่ปุ่นส่งสัญญานชะงักงันหลังจากที่ได้เริ่มฟื้นตัวก่อนหน้านั้น รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 51 ทางการญี่ปุ่น
ยอมรับว่า เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญานหยุดชะงักเนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาความยุ่งยากในตลาดการเงินที่เกิดขึ้นจาก สรอ. และส่งผลกระทบ
ไปทั่วโลก ประกอบกับความวิตกต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีทิศทางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตามเศรษฐกิจ สรอ. เนื่องจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ และต้นทุนวัตถุดิบ
ที่เพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อผลการดำเนินงานของกิจการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งทางการญี่ปุ่นกล่าวว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เพิ่งฟื้นตัว
จะต้องประสบกับภาวะชะงักงันในเร็วๆนี้ และได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในเดือน ก.พ. ลงเหลือระดับปานกลางจากล่าสุด
เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ทางการได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปรับลดคาดการณ์การใช้จ่ายลงทุน ผลผลิตอุตสาหกรรม
และกำไรของธุรกิจลงเนื่องจาก ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อกิจการขนาดเล็ก ประกอบกับการแข็งค่าของเงินเยนส่งผลให้ความสามารถ
ในการแข่งขันในสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นลดลง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 มี.ค. 51 19 มี.ค. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.158 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 30.9438/31.2770 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25125 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 807.07/15.97 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,900/14,000 14,550/14,650 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 97.04 95.36 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 34.59*/30.24** 34.59*/30.24** 32.89/29.34 ปตท
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 15 มี.ค. 51
**ปรับเพิ่มลิตรละ 30 สตางค์เมื่อ 18 มี.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธ.กลาง สรอ. ลดดอกเบี้ยไม่ได้ทำให้เงินทุนไหลเข้าไทยมากนัก นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผอส.ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท.
กล่าวว่า หลังจากที่ ธ.กลาง สรอ. ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงร้อยละ 0.75 เหลือร้อยละ 2.25 ทำให้มีส่วนต่างดอกเบี้ยในประเทศ
และต่างประเทศมากขึ้นเป็นร้อยละ 1 เพราะดอกเบี้ยนโยบายของไทยปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีเงินไหลเข้าเป็น
จำนวนมากนั้น ซึ่งการที่เงินจะไหลเข้าหรือไม่ไม่ได้อยู่ที่ส่วนต่างดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ ด้วย และ
เมื่อดูภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแม้จะมีการฟื้นตัวขึ้นจริง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันแล้วยังมีประเทศที่น่าสนใจให้
เงินทุนไหลเข้ามากกว่าไทย เช่น อินเดียและจีน ที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีเช่นกัน จึงคาดว่าเงินทุนคงไม่ไหลเข้ามาที่ไทยมากนัก
ในขณะที่การที่สถาบันการเงิน สรอ. ขาดสภาพคล่องก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เงินทุนไม่ไหลเข้ามาในภูมิภาคเพิ่มมาก เพราะเงินที่ ธ.กลาง
สรอ. ปล่อยออกช่วยก็น่าจะหมุนเวียนใน สรอ. และช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว สำหรับส่วนต่างดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะเป็นแรงกดดันให้ไทย
ลดดอกเบี้ยลงตามหรือไม่คงอยู่ที่ข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไป และอยู่ที่การตัดสินใจของ กนง.ที่จะพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 9 เม.ย.นี้
รวมทั้ง กนง. ก็ต้องดูว่าระหว่างเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ภาวะใดน่าห่วงกว่า สำหรับการประชุม กนง. ครั้งต่อไปจะต้องนำข้อมูล
ใหม่มาพิจารณาเพิ่มเติม ทั้งการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน ผลการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การดำเนินนโยบายการเงินของ
สรอ. รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ มาพิจารณาด้วย เพื่อกำหนดนโยบายการเงินที่เหมาะสมต่อไป (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้, ไทยรัฐ)
2. ฟิทช์ เรทติ้ง เตรียมปรับเพิ่มเรตติ้งของไทยหากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น นายเจมส์ แมคคอร์แมค กก.ผจก. ฟิทช์ เรตติ้ง
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB+ ซึ่งอยู่ในระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่ยังมีโอกาสใน
การปรับอันดับเป็น A- ได้หากปัจจัยด้านเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยยังถือว่ามีความเสี่ยง
น้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียในกรณีที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของ สรอ. โดยปัจจุบันประเทศที่มีความเสี่ยง
สูงสุดคือ สิงคโปร์ ฮ่องกง และเวียดนาม เนื่องจากประเทศทั้งสามมีสัดส่วนการส่งออกไปยัง สรอ. มากกว่าร้อยละ 25 ขณะที่ไทยมีสัดส่วน
การส่งออกไป สรอ. เพียงร้อยละ 10 จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่า ขณะที่ไทยมีความเสี่ยงด้านการเมืองสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เนื่องจากปัจจุบันความน่าเชื่อถือทางการเมืองปรับตัวแย่ลง ความมั่นคงทางการเมือง กฎระเบียบต่าง ๆ รวมถึงเรื่องคอร์รัปชั่นก็ปรับตัวใน
ทิศทางที่แย่ลง มีเพียงประสิทธิภาพของการทำงานเท่านั้นที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยที่ออกมานั้นมองว่า
มาตรการลดภาษีจะเป็นมาตรการที่เห็นผลเร็ว แต่เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้สำเร็จหรือไม่ เพราะต้องใช้
เวลาระยะหนึ่งกว่าจะเห็นผล อย่างไรก็ตาม มองว่าการลดภาษีจะไม่ทำให้รัฐบาลเสียรายได้ เนื่องจากรายได้ด้านภาษีเติบโตดีกว่าจีดีพีอยู่แล้ว
(โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
3. ก.คลังเตรียมปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการอีกครั้ง นางพรรณี สถาวโรดม ผอ.สนง.เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า
รมว.คลังได้มอบหมายให้ สศค. ศึกษาการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการแบบบูรณาการ ไม่สร้างภาระให้กับรัฐบาลมากจนเกินไป โดยให้เปรียบเทียบ
กับการขึ้นเงินเดือนของข้าราชการในต่างประเทศว่าดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการอาจทำให้มีการปรับขึ้น
เงินเดือนในหน่วยงานอื่นตามไปด้วย ทั้งที่จุดประสงค์ของรัฐบาลต้องการขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการที่ฐานเงินเดือนต่ำมากเท่านั้น เช่น
ในระดับอธิบดีที่มีเงินเดือนเพียง 6 หมื่นบาทต่อเดือนเท่านั้น สำหรับหน้าที่ศึกษาการขึ้นเงินเดือนข้าราชการเป็นของกรมบัญชีกลาง
สนง.คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และ สนง.ข้าราชการพลเรือน แต่การปรับขึ้นเงินเดือน รมว.คลังต้องการให้เป็นแบบบูรณาการ
จึงให้ สศค. เข้ามาช่วยศึกษาอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ในงบประมาณปี 2552 มีบางส่วนที่ใช้สำหรับการปรับขึ้นเงินเดือนปกติของข้าราชการ
ส่วนการปรับขึ้นเงินเดือนใหม่ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อปรับฐานรายได้ของข้าราชการ ยังไม่แน่ใจว่ามีการใส่ไว้ในงบกลางของงบประมาณ
กลางปี 2552 หรือไม่ (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
4. ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยเพิ่มขึ้น นางกุลวดี สว่างศรี ผอ.และหัวหน้าฝ่ายการลงทุนและที่ดิน
บ.ซีบี ริชาร์ดเอลลิส ประเทศไทย จก. เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเอเชียมีภาวะที่ดีกว่าใน สรอ. และยุโรป ที่กำลังอยู่ในช่วงถดถอย
ส่งผลให้ประเทศในเอเชียได้รับผลประโยชน์จากแนวโน้มดังกล่าว โดยเฉพาะประเทศที่มีตลาดอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง
และสิงคโปร์ ขณะที่ไทยก็กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเล็งเห็นว่ายังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากและมีการเอื้ออำนวย
สำหรับชาวต่างชาติหลายประการ โดยเฉพาะการถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ สำหรับกลุ่มทุนชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทยแล้วคือ แคปปิตอล
แลนด์ ของสิงคโปร์ ร่วมทุนกับ ทีซีซี กรุ๊ป ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มไอเอฟเอ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
คูเวต เข้าถือหุ้นใน บมจ.ไรมอนด์ แลนด์ กลุ่มอิสทิธมาร์ จากดูไบ ได้ตกลงที่จะลงทุนในโครงการดับเบิลยู โฮเต็ล ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการ
ดำเนินงานการก่อสร้างโครงการสาทร สแควร์ ของ บมจ.โกลเด้น แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ขณะที่ตลาดรีสอร์ทจะเป็นกลุ่มซีพีดี
จากฮ่องกง เข้าซื้อสนามกอล์ฟท้ายเหมืองใน จ.พังงา และเดสติเนชั่น พร็อพเพอร์ตี้ เข้าซื้อโรงแรม 2 แห่งใน จ.ภูเก็ต (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. วิกฤตการณ์ด้านการเงินของ สรอ. ยังไม่สิ้นสุด รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 19 มี.ค.51 Paul Volcker
อดีตประธาน ธ.กลาง สรอ. กล่าวว่า วิกฤตการณ์ด้านการเงินยังไม่สิ้นสุดแม้ว่า ธ.กลาง สรอ. จะใช้มาตรการรุนแรงในการจัดการกับ
ปัญหาทางเศรษฐกิจ เนื่องจากยังมีผลที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่องจากภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เห็นได้ชัดเจนว่ายังไม่มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ธ.กลาง สรอ. ได้อัดฉีดเงินมากกว่าครึ่งล้านล้านดอลลาร์ สรอ. เข้าสู่ระบบการเงิน เพื่อสนับสนุนการปล่อยสินเชื่ออย่างเร่งด่วน และ
เป็นหลักประกันในการรองรับหนี้จากการจำนองบางส่วนที่สร้างความเสียหายให้กับ ธ.พาณิชย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ สรอ.(รอยเตอร์)
2. ในเดือน มี.ค.51 คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของอังกฤษเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนก่อน รายงานจากลอนดอน เมื่อ 19 มี.ค.51 ดัชนีชี้วัด
คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของอังกฤษสำหรับเดือน มี.ค.51 จากผลสำรวจโดยสภาอุตสาหกรรมของอังกฤษในระหว่างวันที่ 27 ก.พ.ถึง 12 มี.ค.51
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +7 จากระดับ +3 ในเดือนก่อน ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ +1 โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ
ซึ่งได้รับผลดีจากค่าเงินปอนด์ที่ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ทำให้สินค้าจากอังกฤษมีราคาถูกลงในตลาดต่างประเทศ โดยดัชนีชี้วัด
คำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +3 จากระดับ -8 ในเดือนก่อน อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี ในขณะที่ราคาสินค้าในประเทศ
กำลังเพิ่มสูงขึ้น สร้างความกังวลให้ ธ.กลางอังกฤษที่ต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังชะลอตัวลง โดยดัชนี
ชี้วัดความคาดหวังเกี่ยวกับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +25 ในเดือน มี.ค.51 จากระดับ +22 ในเดือนก่อน อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่
เดือน พ.ค.50 แต่อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดกันว่า ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือร้อยละ 5.0 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อช่วยพยุง
เศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อในตลาดการเงิน (รอยเตอร์)
3. ตลาดบ้านในอังกฤษได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อในตลาดการเงิน รายงานจากอังกฤษ เมื่อ 19 มี.ค.51 Kate Barker
ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางอังกฤษให้ความเห็นว่าวิกฤติสินเชื่อในตลาดการเงินในขณะนี้ทำให้ความสามารถ
ในการซื้อบ้านของชาวอังกฤษลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะซื้อบ้านเป็นครั้งแรก แม้ว่าราคาบ้านในปีนี้ได้ลดลงจากปีก่อนก็ตาม โดยจำนวนคำขอ
สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านที่ได้รับอนุมัติลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้นและความสามารถในการใช้จ่าย
ที่ลดลงของผู้บริโภคจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ก็มีส่วนทำให้โอกาสในการซื้อบ้านครั้งแรกของชาวอังกฤษลดลงเช่นเดียวกัน (รอยเตอร์)
4. เศรษฐกิจญี่ปุ่นส่งสัญญานชะงักงันหลังจากที่ได้เริ่มฟื้นตัวก่อนหน้านั้น รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 51 ทางการญี่ปุ่น
ยอมรับว่า เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญานหยุดชะงักเนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาความยุ่งยากในตลาดการเงินที่เกิดขึ้นจาก สรอ. และส่งผลกระทบ
ไปทั่วโลก ประกอบกับความวิตกต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีทิศทางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตามเศรษฐกิจ สรอ. เนื่องจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ และต้นทุนวัตถุดิบ
ที่เพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อผลการดำเนินงานของกิจการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งทางการญี่ปุ่นกล่าวว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เพิ่งฟื้นตัว
จะต้องประสบกับภาวะชะงักงันในเร็วๆนี้ และได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในเดือน ก.พ. ลงเหลือระดับปานกลางจากล่าสุด
เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ทางการได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปรับลดคาดการณ์การใช้จ่ายลงทุน ผลผลิตอุตสาหกรรม
และกำไรของธุรกิจลงเนื่องจาก ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อกิจการขนาดเล็ก ประกอบกับการแข็งค่าของเงินเยนส่งผลให้ความสามารถ
ในการแข่งขันในสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นลดลง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 มี.ค. 51 19 มี.ค. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.158 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 30.9438/31.2770 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25125 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 807.07/15.97 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,900/14,000 14,550/14,650 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 97.04 95.36 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 34.59*/30.24** 34.59*/30.24** 32.89/29.34 ปตท
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 15 มี.ค. 51
**ปรับเพิ่มลิตรละ 30 สตางค์เมื่อ 18 มี.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--