ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ระบุงานกำกับดูแลสถาบันการเงินเหมาะสมที่จะรวมอยู่ในหน่วยงานเดียวกับ ธ.กลางนายพงศ์อดุล กฤษณะราช ผู้อำนวยการ
อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์และติดตามฐานะ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงระบบการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
ของไทย ซึ่งมีหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินรวมอยู่ในหน่วยงานเดียวกับธนาคารกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลนโยบายการเงินว่า มีข้อดีในแง่
ที่ทำให้การดำเนินนโยบายสอดรับกันและช่วยให้การประสานด้านข้อมูลต่างๆ ทำได้สะดวกกว่าแยกหน่วยงานกำกับสถาบันการเงินออกเป็นหน่วยงาน
ต่างหาก สำหรับข้อเสียที่มีความกังวลว่า หากสถาบันการเงินมีปัญหา ผู้คุมนโยบายและดูแลสถาบันการเงินจะพยายามกลบเกลื่อนความเสียหาย
หรืออาจจะดำเนินการแก้ไขปัญหาช้าเกินไปนั้น มีความเห็นว่า การแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ประธานคณะกรรมการ ธปท.
เป็นคนนอก แทนที่จะเป็นผู้ว่าการ ธปท. เหมือนในอดีต สามารถช่วยให้มีระบบการกลั่นกรองและตรวจสอบการทำงานของ ธปท.อีกขั้นหนึ่ง
ประกอบกับ ธปท.ก็มีระบบการตรวจสอบสถาบันการเงินที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยเสี่ยงและการมองทิศทางในอนาคตมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะช่วย
ไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนในช่วงวิกฤติการเงินได้ (กรุงเทพธุรกิจ)
2. หนี้ต่างประเทศของไทย ณ สิ้นเดือน ม.ค.51 เพิ่มขึ้น 2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า รายงานเศรษฐกิจและการเงิน ธปท.เดือน ก.พ.51 รายงานข้อมูลหนี้ต่างประเทศของไทย ณ สิ้นเดือน ม.ค.51 ว่า
มีหนี้ต่างประเทศรวม 6.38 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เป็นการก่อหนี้เพิ่มขึ้นของภาคธุรกิจที่ไม่ใช่
ธนาคารเป็นสำคัญ โดยหนี้จำนวนดังกล่าวมีสัดส่วนเป็นหนี้ระยะสั้น 34.5% ของหนี้ต่างประเทศทั้งหมด ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ส่วนอีก 65.5%
เป็นหนี้ระยะยาว ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือนเดียวกันมีจำนวน 9.28 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. โดยสัดส่วนทุนสำรองต่อหนี้ระยะสั้น
อยู่ที่ 4.2 เท่า สะท้อนถึงความเพียงพอของเงินสำรองต่อการนำเข้า สำหรับรายละเอียดของหนี้ต่างประเทศพบว่า ภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคาร
มียอดคงค้างเพิ่มขึ้น 1.6 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นผลจากการก่อหนี้เพิ่มขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ส่วนหนี้ภาครัฐบาลมียอดคงค้าง
2.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จากกรณีที่ผู้มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศซื้อตราสารหนี้ระยะยาวของรัฐบาลในตลาดรอง
ส่วนหนี้ของภาคธนาคารมียอดคงค้าง 6.3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยมีการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นของธนาคารญี่ปุ่น
เป็นสำคัญ สำหรับหนี้ภาคอื่นๆ มียอดคงค้าง 5.45 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 1.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (มติชน)
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือน มี.ค.51 เพิ่มขึ้น 0.6% เทียบต่อเดือน นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผย
ถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (อัตราเงินเฟ้อ) ประจำเดือน มี.ค.51 ว่า เพิ่มขึ้น 0.6% เทียบต่อเดือน ซึ่งเป็นอัตราชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่
เพิ่มขึ้น 0.7% เป็นผลจากดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 0.5% และดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 0.5% ขณะที่
เมื่อเทียบต่อปี ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 5.3% นับเป็นอัตราชะลอลงจากเดือน มี.ค.50 ซึ่งดัชนีเพิ่มขึ้น 5.4% เป็นผลจากการสูงขึ้นของดัชนี
หมวดอาหารและเครื่องดื่ม 7.8% และดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 3.8% ทั้งนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อในช่วง 3 เดือนแรกของไทย
จะขยายตัวถึง 5% แต่ถือว่าอยู่ในระดับที่ดูแลได้ เพราะยังคงมีอัตราที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในโลก เช่น สหรัฐ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย
อินเดีย และฝรั่งเศส ซึ่งขยายตัว 4%, 8.7%, 15.7%, 7.4%, 4.6% และ 3.2% ตามลำดับ โดย ก.พาณิชย์จะยังคงเป้าหมายเงินเฟ้อ
ทั้งปี 51 ไว้ที่ 3-3.5% เช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้นมาก โดยปัจจุบันอยู่ที่บาร์เรลละ
97.47 ดอลลาร์ สรอ. ซึ่ง ก.พาณิชย์จะรอดูสถานการณ์เงินเฟ้อต่อไปอีกระยะจนถึงสิ้นไตรมาส 2 จึงจะมีการทบทวนว่าจะปรับเป้าหมาย
เงินเฟ้อหรือไม่ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน, มติชน)
4. ธ.โลกคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 51 ขยายตัว 5% น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลกประจำประเทศไทย
เปิดเผยว่า ธนาคารโลก ได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 51 ว่าจะขยายตัว 5% ภายใต้ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่กระทบ
ต่อการส่งออกของไทย และความเสี่ยงภายในประเทศจากภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกเห็นด้วย
กับมาตรการการคลังที่รัฐบาลใช้กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในปีนี้ ส่วนมาตรการด้านอัตราดอกเบี้ยนั้น เห็นว่า ธปท. อาจใช้มาตรการลดอัตรา
ดอกเบี้ยได้ยาก เนื่องจากจะกระทบต่อเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันที่ยังคงติดลบอยู่ (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกในเดือน มี.ค. ขยายตัวต่ำที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 51
ผลการสำรวจผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศต่างๆรวมทั้ง สรอ. ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ จีน และรัสเซีย เพื่อจัดทำ
ดัชนี Global Manufacturing PMI ชี้ว่าในเดือน มี.ค. ดัชนีลดลงอยู่ที่ระดับ 50.8 จากระดับ 51.1 ในเดือน ก.พ. อยู่ในระดับต่ำที่
สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 46 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมในประเทศ สรอ. ยูโรโซน และญี่ปุ่นชะลอตัว อย่างไรก็ตาม Global Manufacturing
PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวและหดตัว ส่วนคำสั่งซื้อใหม่ที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมได้รับลดลงอยู่ที่ระดับ
50.0 ในเดือน มี.ค. จากระดับ 51.4 เมื่อเดือน ก.พ. ลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหา
อุปสงค์ที่ลดลง และต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในเดือน มี.ค. (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของยูโรโซนในเดือน ก.พ. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ม.ค. รายงานจากบรัสเซล เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 51
สำนักงานสถิติสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ในเดือน ก.พ.อัตราการว่างงานของ 15 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรยังคงทำสถิติต่ำที่สุดอยู่ที่ร้อยละ 7.1
ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ม.ค. และเป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นจากผลการสำรวจโดยรอยเตอร์ บ่งชี้ว่า
ธ.กลางยุโรปสามารถจัดการกับปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำสถิติสูงที่สุดขณะที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยผู้ดำเนินนโยบายการเงินต้องเผชิญ
ปัญหาระหว่างการควบคุมภาวะเงินเฟ้อเป็นประเด็นหลักและการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเป็นประเด็นรองในขณะเดียวกัน ทำให้ต้องตัดสินใจคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.0 เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อแม้ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะชะลอตัวก็ตาม ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายคนให้ความเห็นว่า
ธ.กลาง อาจต้องการให้อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำซึ่งมีส่วนสนับสนุนการใช้จ่ายบริโภค (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือน ก.พ.51 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 13 เดือน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 1 เม.ย.51
ธ.กลางเยอรมนีรายงานยอดค้าปลีกของเยอรมนีลดลงร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ลดลงในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ลดลงถึงร้อยละ 11.4 ในเดือน ม.ค.50
ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราภาษีขายใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ สอดคล้องกับผลสำรวจโดย สนง.สถิติกลางของเยอรมนีซึ่งรายงานยอดค้าปลีกในเดือน ก.พ.51
ลดลงร้อยละ 1.6 ต่อเดือน ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 9 เดือน ในขณะที่ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าตัวเลขยอดค้าปลีกของ สนง.สถิติกลางจะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่อเดือน ทั้งนี้ ตัวเลขยอดค้าปลีกของ ธ.กลางเยอรมนีจะรวมยอดขายรถยนต์และยอดขายของปั๊มน้ำมันด้วย โดยนักวิเคราะห์
ให้ความเห็นต่อการที่ยอดค้าปลีกลดลงว่ามาจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากราคาอาหารและพลังงานทำให้ผู้บริโภคเพิ่มความ
ระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีที่วัดตามมาตรฐานของสหภาพยุโรปหรือ HICP พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 3.2 ในเดือน มี.ค.51
ที่ผ่านมา แม้ว่าอัตราว่างงานในเยอรมนีจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและมีการปรับเพิ่มค่าจ้างให้สูงขึ้นแล้วก็ตาม โดยจากตัวเลข
การจ้างงานในเดือน ก.พ.51 ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่มขึ้นผ่านหลัก 40 ล้านคนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการรวมประเทศในปี 33 เป็นต้นมา
(รอยเตอร์)
4. การส่งออกและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้ ธ.กลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม รายงานจากโซล
เมื่อวันที่ 2 เม.ย.51 การส่งออกของเกาหลีใต้เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 จากปีก่อน สูงสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือน ต.ค.50
ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 17.3 จากความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นมากในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 จากปีก่อน สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.7 และสูงกว่าเป้าหมายที่ ธ.กลางเกาหลีใต้
ตั้งไว้ที่ร้อยละ 2.5 - 3.5 สำหรับช่วงปี 2550 — 2552 ซึ่งจากตัวเลขการส่งออกและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการคาดการณ์กันว่า
ธ.กลางเกาหลีใต้จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดย ธ.กลางเกาหลีใต้มีกำหนดจะพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยใน
วันที่ 10 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เป็นเวลา 7 เดือนติดต่อกัน หลังจากที่ได้ปรับขึ้นมาแล้วรวมร้อยละ 1.75
ในช่วงระหว่างปลายปี 48 ถึงเดือน ส.ค.50 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 2 เม.ย. 51 1 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.466 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.2313/31.5838 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 823.36/11.79 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,350/13,450 13,750/13,850 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 94.56 99.16 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 34.59*/30.74* 34.59*/30.74* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 1 เม.ย. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ระบุงานกำกับดูแลสถาบันการเงินเหมาะสมที่จะรวมอยู่ในหน่วยงานเดียวกับ ธ.กลางนายพงศ์อดุล กฤษณะราช ผู้อำนวยการ
อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์และติดตามฐานะ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงระบบการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
ของไทย ซึ่งมีหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินรวมอยู่ในหน่วยงานเดียวกับธนาคารกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลนโยบายการเงินว่า มีข้อดีในแง่
ที่ทำให้การดำเนินนโยบายสอดรับกันและช่วยให้การประสานด้านข้อมูลต่างๆ ทำได้สะดวกกว่าแยกหน่วยงานกำกับสถาบันการเงินออกเป็นหน่วยงาน
ต่างหาก สำหรับข้อเสียที่มีความกังวลว่า หากสถาบันการเงินมีปัญหา ผู้คุมนโยบายและดูแลสถาบันการเงินจะพยายามกลบเกลื่อนความเสียหาย
หรืออาจจะดำเนินการแก้ไขปัญหาช้าเกินไปนั้น มีความเห็นว่า การแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ประธานคณะกรรมการ ธปท.
เป็นคนนอก แทนที่จะเป็นผู้ว่าการ ธปท. เหมือนในอดีต สามารถช่วยให้มีระบบการกลั่นกรองและตรวจสอบการทำงานของ ธปท.อีกขั้นหนึ่ง
ประกอบกับ ธปท.ก็มีระบบการตรวจสอบสถาบันการเงินที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยเสี่ยงและการมองทิศทางในอนาคตมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะช่วย
ไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนในช่วงวิกฤติการเงินได้ (กรุงเทพธุรกิจ)
2. หนี้ต่างประเทศของไทย ณ สิ้นเดือน ม.ค.51 เพิ่มขึ้น 2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า รายงานเศรษฐกิจและการเงิน ธปท.เดือน ก.พ.51 รายงานข้อมูลหนี้ต่างประเทศของไทย ณ สิ้นเดือน ม.ค.51 ว่า
มีหนี้ต่างประเทศรวม 6.38 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เป็นการก่อหนี้เพิ่มขึ้นของภาคธุรกิจที่ไม่ใช่
ธนาคารเป็นสำคัญ โดยหนี้จำนวนดังกล่าวมีสัดส่วนเป็นหนี้ระยะสั้น 34.5% ของหนี้ต่างประเทศทั้งหมด ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ส่วนอีก 65.5%
เป็นหนี้ระยะยาว ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือนเดียวกันมีจำนวน 9.28 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. โดยสัดส่วนทุนสำรองต่อหนี้ระยะสั้น
อยู่ที่ 4.2 เท่า สะท้อนถึงความเพียงพอของเงินสำรองต่อการนำเข้า สำหรับรายละเอียดของหนี้ต่างประเทศพบว่า ภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคาร
มียอดคงค้างเพิ่มขึ้น 1.6 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นผลจากการก่อหนี้เพิ่มขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ส่วนหนี้ภาครัฐบาลมียอดคงค้าง
2.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จากกรณีที่ผู้มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศซื้อตราสารหนี้ระยะยาวของรัฐบาลในตลาดรอง
ส่วนหนี้ของภาคธนาคารมียอดคงค้าง 6.3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยมีการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นของธนาคารญี่ปุ่น
เป็นสำคัญ สำหรับหนี้ภาคอื่นๆ มียอดคงค้าง 5.45 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 1.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (มติชน)
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือน มี.ค.51 เพิ่มขึ้น 0.6% เทียบต่อเดือน นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผย
ถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (อัตราเงินเฟ้อ) ประจำเดือน มี.ค.51 ว่า เพิ่มขึ้น 0.6% เทียบต่อเดือน ซึ่งเป็นอัตราชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่
เพิ่มขึ้น 0.7% เป็นผลจากดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 0.5% และดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 0.5% ขณะที่
เมื่อเทียบต่อปี ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 5.3% นับเป็นอัตราชะลอลงจากเดือน มี.ค.50 ซึ่งดัชนีเพิ่มขึ้น 5.4% เป็นผลจากการสูงขึ้นของดัชนี
หมวดอาหารและเครื่องดื่ม 7.8% และดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 3.8% ทั้งนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อในช่วง 3 เดือนแรกของไทย
จะขยายตัวถึง 5% แต่ถือว่าอยู่ในระดับที่ดูแลได้ เพราะยังคงมีอัตราที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในโลก เช่น สหรัฐ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย
อินเดีย และฝรั่งเศส ซึ่งขยายตัว 4%, 8.7%, 15.7%, 7.4%, 4.6% และ 3.2% ตามลำดับ โดย ก.พาณิชย์จะยังคงเป้าหมายเงินเฟ้อ
ทั้งปี 51 ไว้ที่ 3-3.5% เช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้นมาก โดยปัจจุบันอยู่ที่บาร์เรลละ
97.47 ดอลลาร์ สรอ. ซึ่ง ก.พาณิชย์จะรอดูสถานการณ์เงินเฟ้อต่อไปอีกระยะจนถึงสิ้นไตรมาส 2 จึงจะมีการทบทวนว่าจะปรับเป้าหมาย
เงินเฟ้อหรือไม่ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน, มติชน)
4. ธ.โลกคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 51 ขยายตัว 5% น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลกประจำประเทศไทย
เปิดเผยว่า ธนาคารโลก ได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 51 ว่าจะขยายตัว 5% ภายใต้ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่กระทบ
ต่อการส่งออกของไทย และความเสี่ยงภายในประเทศจากภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกเห็นด้วย
กับมาตรการการคลังที่รัฐบาลใช้กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในปีนี้ ส่วนมาตรการด้านอัตราดอกเบี้ยนั้น เห็นว่า ธปท. อาจใช้มาตรการลดอัตรา
ดอกเบี้ยได้ยาก เนื่องจากจะกระทบต่อเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันที่ยังคงติดลบอยู่ (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกในเดือน มี.ค. ขยายตัวต่ำที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 51
ผลการสำรวจผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศต่างๆรวมทั้ง สรอ. ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ จีน และรัสเซีย เพื่อจัดทำ
ดัชนี Global Manufacturing PMI ชี้ว่าในเดือน มี.ค. ดัชนีลดลงอยู่ที่ระดับ 50.8 จากระดับ 51.1 ในเดือน ก.พ. อยู่ในระดับต่ำที่
สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 46 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมในประเทศ สรอ. ยูโรโซน และญี่ปุ่นชะลอตัว อย่างไรก็ตาม Global Manufacturing
PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวและหดตัว ส่วนคำสั่งซื้อใหม่ที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมได้รับลดลงอยู่ที่ระดับ
50.0 ในเดือน มี.ค. จากระดับ 51.4 เมื่อเดือน ก.พ. ลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหา
อุปสงค์ที่ลดลง และต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในเดือน มี.ค. (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของยูโรโซนในเดือน ก.พ. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ม.ค. รายงานจากบรัสเซล เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 51
สำนักงานสถิติสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ในเดือน ก.พ.อัตราการว่างงานของ 15 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรยังคงทำสถิติต่ำที่สุดอยู่ที่ร้อยละ 7.1
ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ม.ค. และเป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นจากผลการสำรวจโดยรอยเตอร์ บ่งชี้ว่า
ธ.กลางยุโรปสามารถจัดการกับปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำสถิติสูงที่สุดขณะที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยผู้ดำเนินนโยบายการเงินต้องเผชิญ
ปัญหาระหว่างการควบคุมภาวะเงินเฟ้อเป็นประเด็นหลักและการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเป็นประเด็นรองในขณะเดียวกัน ทำให้ต้องตัดสินใจคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.0 เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อแม้ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะชะลอตัวก็ตาม ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายคนให้ความเห็นว่า
ธ.กลาง อาจต้องการให้อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำซึ่งมีส่วนสนับสนุนการใช้จ่ายบริโภค (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือน ก.พ.51 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 13 เดือน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 1 เม.ย.51
ธ.กลางเยอรมนีรายงานยอดค้าปลีกของเยอรมนีลดลงร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ลดลงในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ลดลงถึงร้อยละ 11.4 ในเดือน ม.ค.50
ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราภาษีขายใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ สอดคล้องกับผลสำรวจโดย สนง.สถิติกลางของเยอรมนีซึ่งรายงานยอดค้าปลีกในเดือน ก.พ.51
ลดลงร้อยละ 1.6 ต่อเดือน ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 9 เดือน ในขณะที่ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าตัวเลขยอดค้าปลีกของ สนง.สถิติกลางจะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่อเดือน ทั้งนี้ ตัวเลขยอดค้าปลีกของ ธ.กลางเยอรมนีจะรวมยอดขายรถยนต์และยอดขายของปั๊มน้ำมันด้วย โดยนักวิเคราะห์
ให้ความเห็นต่อการที่ยอดค้าปลีกลดลงว่ามาจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากราคาอาหารและพลังงานทำให้ผู้บริโภคเพิ่มความ
ระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีที่วัดตามมาตรฐานของสหภาพยุโรปหรือ HICP พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 3.2 ในเดือน มี.ค.51
ที่ผ่านมา แม้ว่าอัตราว่างงานในเยอรมนีจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและมีการปรับเพิ่มค่าจ้างให้สูงขึ้นแล้วก็ตาม โดยจากตัวเลข
การจ้างงานในเดือน ก.พ.51 ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่มขึ้นผ่านหลัก 40 ล้านคนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการรวมประเทศในปี 33 เป็นต้นมา
(รอยเตอร์)
4. การส่งออกและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้ ธ.กลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม รายงานจากโซล
เมื่อวันที่ 2 เม.ย.51 การส่งออกของเกาหลีใต้เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 จากปีก่อน สูงสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือน ต.ค.50
ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 17.3 จากความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นมากในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 จากปีก่อน สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.7 และสูงกว่าเป้าหมายที่ ธ.กลางเกาหลีใต้
ตั้งไว้ที่ร้อยละ 2.5 - 3.5 สำหรับช่วงปี 2550 — 2552 ซึ่งจากตัวเลขการส่งออกและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการคาดการณ์กันว่า
ธ.กลางเกาหลีใต้จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดย ธ.กลางเกาหลีใต้มีกำหนดจะพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยใน
วันที่ 10 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เป็นเวลา 7 เดือนติดต่อกัน หลังจากที่ได้ปรับขึ้นมาแล้วรวมร้อยละ 1.75
ในช่วงระหว่างปลายปี 48 ถึงเดือน ส.ค.50 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 2 เม.ย. 51 1 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.466 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.2313/31.5838 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 823.36/11.79 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,350/13,450 13,750/13,850 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 94.56 99.16 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 34.59*/30.74* 34.59*/30.74* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 1 เม.ย. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--