ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ ธพ. นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึง
กรณีที่ ธพ.ส่วนใหญ่ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง และในช่วงที่ผ่านมายังไม่เห็น ธพ.แข่งขันปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นว่า ธปท.กำลังจับตาการ
ปล่อยสินเชื่อของ ธพ.อยู่เช่นกัน เพราะหากพิจารณาตั้งแต่เดือน ธ.ค.49 จนถึงปัจจุบัน ธปท.ได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไปแล้ว 1.75%
แต่ ธพ.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยลงเพียง 1% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเหตุผลที่ ธพ.ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเร่งปล่อย
สินเชื่อนั้น ไม่ได้เกิดจากการที่ ธพ.สามารถนำเงินฝากมาหากำไรส่วนต่างจากการออก พธบ.ของ ธปท.จำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้
ธพ.ทำกำไรได้โดยไม่มีความเสี่ยงเหมือนการปล่อยกู้ โดยที่ผ่านมาการออก พธบ.ธปท. นั้น ผู้ที่เข้ามาประมูลซื้อส่วนใหญ่เป็นกองทุนต่างๆ
มากกว่า ธพ. และวงเงินที่ ธพ.ถือ พธบ.ธปท. เป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับ พธบ.ธปท.ที่ออกทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าการหากำไรในตลาดซื้อคืน พธบ.
และ พธบ.ธปท. น่าจะไม่ใช่เหตุผลหลักของ ธพ.ในการไม่ปล่อยสินเชื่อ (โลกวันนี้)
2. ธปท. ชี้เงินไหลเข้าจากต่างประเทศในขณะนี้เป็นการลงทุนในตราสารหนี้มากที่สุด นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้อำนวยการ
อาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจาก ธปท.ยกเลิก
มาตรการกันสำรองเงินทุนระยะสั้น 30% แล้ว เงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยขณะนี้ ไหลเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ประเภท
ต่างๆ เป็นจำนวนใกล้เคียงกัน เว้นแต่ตราสารหนี้ที่มีจำนวนเงินทุนเข้ามาลงทุนมากที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่อัตราผลตอบแทนดี ทั้งนี้
ข้อมูลล่าสุดของ ธปท. ระบุจำนวนเงินทุนเคลื่อนย้ายภาคเอกชนเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ ธปท.จะยกเลิกมาตรกันสำรองว่า มีเงินทุนไหล
เข้า 459.31 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่เงินลงทุนไหลออกมีจำนวน 943.35 ล.ดอลลาร์ สรอ. สำหรับความเคลื่อนไหวของเงินบาทในขณะนี้
มีไม่มากนัก โดยค่าเงินบาท ณ วันที่ 3 เม.ย. เปิดตลาดที่ระดับ 31.57 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากวันที่ 2 เม.ย.ที่
เปิดตลาดที่ระดับ 31.55 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ไตรมาสแรก ปี 51 ยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง 10-15% นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ค้าปลีกไทย
เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในระบบค้าส่งค้าปลีก ช่วงไตรมาสแรกปี 51 ที่ผ่านมาว่า โดยภาพรวมยอดจำหน่าย
ร้านค้าส่งค้าปลีกปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10-15% ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ราคาสินค้าโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งผู้บริโภค
ส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อรับมือกับภาวะราคาน้ำมันและสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จึงลดรายจ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยลง อย่างไรก็ตาม
ภาวะยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคติดลบน่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงไตรมาสแรกเท่านั้น โดยหลังไตรมาสสองสถานการณ์โดยรวมน่าจะปรับตัวดีขึ้น
เพราะเกษตรกรซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศได้รับประโยชน์จากราคาผลผลิตการเกษตรที่ปรับเพิ่มขึ้น จึงมีเงินมาใช้ในการจับจ่ายซื้อสินค้า
นอกจากนี้ รัฐบาลได้มีนโยบายการะตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะเห็นผลตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นไป (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ในเดือน มี.ค.51 ภาคบริการของ สรอ.หดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 3 เม.ย.51
The Institute for Supply Management หรือ ISM รายงานดัชนีชี้วัดภาคบริการของ สรอ.อยู่ที่ระดับ 49.6 ในเดือน มี.ค.51
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 49.3 ในเดือน ก.พ.51 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ซึ่งแสดงถึงการหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากดัชนี
อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 44.6 เมื่อเดือน ม.ค.51 ที่ผ่านมา โดยอยู่ในระดับสูงกว่าที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่าไว้จะอยู่ที่
ระดับ 48.5 เช่นเดียวกับดัชนีในส่วนที่ชี้วัดการจ้างงานที่ยังแสดงถึงการหดตัวโดยอยู่ที่ระดับ 46.9 ในขณะที่ดัชนีในส่วนที่ชี้วัดค่าบริการกลับเพิ่ม
สูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 70.8 จากระดับ 67.9 ในเดือน ก.พ.51 สร้างความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ภาคบริการของ สรอ.ซึ่งรวมธุรกิจ
อย่างธนาคารพาณิชย์ สายการบิน โรงแรมและร้านอาหารมีสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของผลผลิตรวมในประเทศ (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของ Euro zone ในเดือน ก.พ.51 ลดลงร้อยละ 0.5 ต่อเดือนและร้อยละ 0.2 ต่อปี รายงานจากบรัสเซลส์
เมื่อ 3 เม.ย.51 Eurostat ซึ่งเป็น สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานยอดค้าปลีกใน Euro zone ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศลดลง
ร้อยละ 0.5 ต่อเดือนและร้อยละ 0.2 ต่อปีในเดือน ก.พ.51 ในขณะที่ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะลดลง
ร้อยละ 0.2 ต่อเดือนและไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบต่อปี หลังจากในเดือน ม.ค.51 ยอดค้าปลีกของ Euro zone เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่อเดือน
และร้อยละ 0.2 ต่อปี โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ชี้ว่ามีสาเหตุมาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากราคาอาหารและพลังงาน
ส่งผลให้รายได้ส่วนที่จะมาใช้จ่ายและความต้องการของผู้บริโภคลดลง แต่อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
และการเจรจาขอเพิ่มค่าจ้างที่กำลังเกิดขึ้นในหลายภาคเศรษฐกิจทั่วประเทศจะนำไปสู่รายได้ที่สูงขึ้นของผู้บริโภคซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคใน
ประเทศในปีนี้สามารถขยายตัวต่อไปได้ (รอยเตอร์)
3. ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มองแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในระยะ 5 ปีของญี่ปุ่นในแง่ลบ รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 51
ผลการสำรวจความเห็นของประชาชนโดย ธ.กลางญี่ปุ่นในระหว่างวันที่ 8 ก.พ. ถึงวันที่ 7 มี.ค. ชี้ว่า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 90
ของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 2,302 คนเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจในระยะ 5 ปีมีแนวโน้มไม่ดีเนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ราคา
อาหารรวมทั้งสินค้าต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีราคาสูงขึ้น ทั้งนี้ความเห็นดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญที่ ธ.กลางญี่ปุ่นได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตัวเลขความเชื่อมั่นของธุรกิจในญี่ปุ่นในเดือน มี.ค. ทำสถิตต่ำที่สุดในรอบ 4 ปีส่งผลให้มีความไม่แน่นอน
ในเศรษฐกิจมากขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการใช้จ่ายบริโภคในประเทศลดลง (รอยเตอร์)
4. ยอดค้าปลีกของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นแต่แนวโน้มในอนาคตยังคงไม่แน่นอน รายงานจากกรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อ
วันที่ 3 เม.ย. 51 รมว.คลังเกาหลีใต้คาดว่ายอดค้าปลีกของเดือน มี.ค. จะขยายตัวค่อนข้างรวดเร็วมากกว่าเดือน ก.พ. (เทียบกับระยะ
เดียวกันปีที่แล้ว) อย่างไรก็ตามแนวโน้มในอนาคตยังคงไม่แน่นอน ทั้งนี้ยอดค้าปลีกของห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.7
จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เมื่อเดือน ก.พ. ขณะที่ยอดขายปลีกของ Discount — store เติบโตร้อยละ 2.8 จากที่ลดลงร้อยละ 1.5 ใน
เดือน ก.พ. ส่วนยอดชำระเงินผ่านบัตรเครดิตในช่วงเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 25.5 เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 17.2
ในเดือน ก.พ. อย่างไรก็ตามการสูงขึ้นของราคาน้ำมันและวัตถุดิบอื่นๆมีผลกระทบต่อการส่งออก ขณะที่ตลาดแรงงานในประเทศยังคงชะลอตัว
ทำให้แนวโน้มการขยายตัวของการค้าปลีกมีความไม่แน่นอนดังกล่าว (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 เม.ย. 51 3 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.599 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.3594/31.7081 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 826.68/17.76 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,550/13,650 13,550/13,650 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 97.29 95.31 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 34.59*/30.74* 34.59*/30.74* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 1 เม.ย. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ ธพ. นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึง
กรณีที่ ธพ.ส่วนใหญ่ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง และในช่วงที่ผ่านมายังไม่เห็น ธพ.แข่งขันปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นว่า ธปท.กำลังจับตาการ
ปล่อยสินเชื่อของ ธพ.อยู่เช่นกัน เพราะหากพิจารณาตั้งแต่เดือน ธ.ค.49 จนถึงปัจจุบัน ธปท.ได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไปแล้ว 1.75%
แต่ ธพ.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยลงเพียง 1% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเหตุผลที่ ธพ.ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเร่งปล่อย
สินเชื่อนั้น ไม่ได้เกิดจากการที่ ธพ.สามารถนำเงินฝากมาหากำไรส่วนต่างจากการออก พธบ.ของ ธปท.จำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้
ธพ.ทำกำไรได้โดยไม่มีความเสี่ยงเหมือนการปล่อยกู้ โดยที่ผ่านมาการออก พธบ.ธปท. นั้น ผู้ที่เข้ามาประมูลซื้อส่วนใหญ่เป็นกองทุนต่างๆ
มากกว่า ธพ. และวงเงินที่ ธพ.ถือ พธบ.ธปท. เป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับ พธบ.ธปท.ที่ออกทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าการหากำไรในตลาดซื้อคืน พธบ.
และ พธบ.ธปท. น่าจะไม่ใช่เหตุผลหลักของ ธพ.ในการไม่ปล่อยสินเชื่อ (โลกวันนี้)
2. ธปท. ชี้เงินไหลเข้าจากต่างประเทศในขณะนี้เป็นการลงทุนในตราสารหนี้มากที่สุด นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้อำนวยการ
อาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจาก ธปท.ยกเลิก
มาตรการกันสำรองเงินทุนระยะสั้น 30% แล้ว เงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยขณะนี้ ไหลเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ประเภท
ต่างๆ เป็นจำนวนใกล้เคียงกัน เว้นแต่ตราสารหนี้ที่มีจำนวนเงินทุนเข้ามาลงทุนมากที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่อัตราผลตอบแทนดี ทั้งนี้
ข้อมูลล่าสุดของ ธปท. ระบุจำนวนเงินทุนเคลื่อนย้ายภาคเอกชนเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ ธปท.จะยกเลิกมาตรกันสำรองว่า มีเงินทุนไหล
เข้า 459.31 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่เงินลงทุนไหลออกมีจำนวน 943.35 ล.ดอลลาร์ สรอ. สำหรับความเคลื่อนไหวของเงินบาทในขณะนี้
มีไม่มากนัก โดยค่าเงินบาท ณ วันที่ 3 เม.ย. เปิดตลาดที่ระดับ 31.57 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากวันที่ 2 เม.ย.ที่
เปิดตลาดที่ระดับ 31.55 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ไตรมาสแรก ปี 51 ยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง 10-15% นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ค้าปลีกไทย
เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในระบบค้าส่งค้าปลีก ช่วงไตรมาสแรกปี 51 ที่ผ่านมาว่า โดยภาพรวมยอดจำหน่าย
ร้านค้าส่งค้าปลีกปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10-15% ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ราคาสินค้าโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งผู้บริโภค
ส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อรับมือกับภาวะราคาน้ำมันและสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จึงลดรายจ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยลง อย่างไรก็ตาม
ภาวะยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคติดลบน่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงไตรมาสแรกเท่านั้น โดยหลังไตรมาสสองสถานการณ์โดยรวมน่าจะปรับตัวดีขึ้น
เพราะเกษตรกรซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศได้รับประโยชน์จากราคาผลผลิตการเกษตรที่ปรับเพิ่มขึ้น จึงมีเงินมาใช้ในการจับจ่ายซื้อสินค้า
นอกจากนี้ รัฐบาลได้มีนโยบายการะตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะเห็นผลตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นไป (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ในเดือน มี.ค.51 ภาคบริการของ สรอ.หดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 3 เม.ย.51
The Institute for Supply Management หรือ ISM รายงานดัชนีชี้วัดภาคบริการของ สรอ.อยู่ที่ระดับ 49.6 ในเดือน มี.ค.51
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 49.3 ในเดือน ก.พ.51 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ซึ่งแสดงถึงการหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากดัชนี
อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 44.6 เมื่อเดือน ม.ค.51 ที่ผ่านมา โดยอยู่ในระดับสูงกว่าที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่าไว้จะอยู่ที่
ระดับ 48.5 เช่นเดียวกับดัชนีในส่วนที่ชี้วัดการจ้างงานที่ยังแสดงถึงการหดตัวโดยอยู่ที่ระดับ 46.9 ในขณะที่ดัชนีในส่วนที่ชี้วัดค่าบริการกลับเพิ่ม
สูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 70.8 จากระดับ 67.9 ในเดือน ก.พ.51 สร้างความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ภาคบริการของ สรอ.ซึ่งรวมธุรกิจ
อย่างธนาคารพาณิชย์ สายการบิน โรงแรมและร้านอาหารมีสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของผลผลิตรวมในประเทศ (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของ Euro zone ในเดือน ก.พ.51 ลดลงร้อยละ 0.5 ต่อเดือนและร้อยละ 0.2 ต่อปี รายงานจากบรัสเซลส์
เมื่อ 3 เม.ย.51 Eurostat ซึ่งเป็น สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานยอดค้าปลีกใน Euro zone ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศลดลง
ร้อยละ 0.5 ต่อเดือนและร้อยละ 0.2 ต่อปีในเดือน ก.พ.51 ในขณะที่ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะลดลง
ร้อยละ 0.2 ต่อเดือนและไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบต่อปี หลังจากในเดือน ม.ค.51 ยอดค้าปลีกของ Euro zone เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่อเดือน
และร้อยละ 0.2 ต่อปี โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ชี้ว่ามีสาเหตุมาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากราคาอาหารและพลังงาน
ส่งผลให้รายได้ส่วนที่จะมาใช้จ่ายและความต้องการของผู้บริโภคลดลง แต่อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
และการเจรจาขอเพิ่มค่าจ้างที่กำลังเกิดขึ้นในหลายภาคเศรษฐกิจทั่วประเทศจะนำไปสู่รายได้ที่สูงขึ้นของผู้บริโภคซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคใน
ประเทศในปีนี้สามารถขยายตัวต่อไปได้ (รอยเตอร์)
3. ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มองแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในระยะ 5 ปีของญี่ปุ่นในแง่ลบ รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 51
ผลการสำรวจความเห็นของประชาชนโดย ธ.กลางญี่ปุ่นในระหว่างวันที่ 8 ก.พ. ถึงวันที่ 7 มี.ค. ชี้ว่า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 90
ของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 2,302 คนเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจในระยะ 5 ปีมีแนวโน้มไม่ดีเนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ราคา
อาหารรวมทั้งสินค้าต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีราคาสูงขึ้น ทั้งนี้ความเห็นดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญที่ ธ.กลางญี่ปุ่นได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตัวเลขความเชื่อมั่นของธุรกิจในญี่ปุ่นในเดือน มี.ค. ทำสถิตต่ำที่สุดในรอบ 4 ปีส่งผลให้มีความไม่แน่นอน
ในเศรษฐกิจมากขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการใช้จ่ายบริโภคในประเทศลดลง (รอยเตอร์)
4. ยอดค้าปลีกของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นแต่แนวโน้มในอนาคตยังคงไม่แน่นอน รายงานจากกรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อ
วันที่ 3 เม.ย. 51 รมว.คลังเกาหลีใต้คาดว่ายอดค้าปลีกของเดือน มี.ค. จะขยายตัวค่อนข้างรวดเร็วมากกว่าเดือน ก.พ. (เทียบกับระยะ
เดียวกันปีที่แล้ว) อย่างไรก็ตามแนวโน้มในอนาคตยังคงไม่แน่นอน ทั้งนี้ยอดค้าปลีกของห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.7
จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เมื่อเดือน ก.พ. ขณะที่ยอดขายปลีกของ Discount — store เติบโตร้อยละ 2.8 จากที่ลดลงร้อยละ 1.5 ใน
เดือน ก.พ. ส่วนยอดชำระเงินผ่านบัตรเครดิตในช่วงเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 25.5 เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 17.2
ในเดือน ก.พ. อย่างไรก็ตามการสูงขึ้นของราคาน้ำมันและวัตถุดิบอื่นๆมีผลกระทบต่อการส่งออก ขณะที่ตลาดแรงงานในประเทศยังคงชะลอตัว
ทำให้แนวโน้มการขยายตัวของการค้าปลีกมีความไม่แน่นอนดังกล่าว (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 เม.ย. 51 3 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.599 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.3594/31.7081 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 826.68/17.76 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,550/13,650 13,550/13,650 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 97.29 95.31 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 34.59*/30.74* 34.59*/30.74* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 1 เม.ย. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--