ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. สำรองธนบัตรช่วงสงกรานต์ 2.8 แสนล้านบาท นางจิตติมา ดุริยะประพันธ์ ผอส.ฝ่ายจัดการธนบัตร ธปท. เปิดเผยว่า
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 12 — 16 เม.ย.ปีนี้ ธปท. ได้สำรองธนบัตรชนิดต่าง ๆ เป็นมูลค่ารวม 284,200 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการ
ของประชาชนที่ใช้ธนบัตรช่วงสงกรานต์ โดยประมาณการว่ายอดการเบิกจ่ายของ ธ.พาณิชย์ตลอดเดือน เม.ย. จะมีมูลค่าประมาณ
137,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 50 จากปริมาณสำรองธนบัตรทั้งหมด 290,133 ล้านบาท ทั้งนี้ ใน
ช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ การใช้ธนบัตรจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติเพราะมีการถอนเงินไปใช้จ่ายกันเป็นจำนวนมาก แต่หลังจาก
ผ่านพ้นเทศกาลไปแล้วการใช้จ่ายจะลดน้อยลง โดยมาตรฐานการสำรองธนบัตรในช่วงเทศกาล ธปท. จะสำรองธนบัตรไว้ล่วงหน้าประมาณ
2 — 4 เดือน ซึ่งเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ได้สำรองธนบัตรไว้มากกว่าปกติ 2 เท่าตัว สำหรับธนบัตรที่สำรองไว้แบ่งเป็นชนิดราคา 1,000 บาท
สัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 รองลงมาเป็นชนิดราคา 100 บาท และ 20 บาท เนื่องจากสะดวกในการใช้จ่ายมากกว่าชนิดราคา 500 บาท
และ 50 บาท ส่วนกรณีที่ธนบัตรชนิดราคา 50 บาท ขาดตลาดนั้น ธปท. ได้ผลิตธนบัตรออกสู่ระบบเพิ่มขึ้นแล้ว และมีธนบัตรในสต็อกประมาณ
8 เดือน หลังจากที่ผ่านมาการย้ายโรงพิมพ์ธนบัตรจากบางขุนพรหมไปที่พุทธมณฑลสาย 7 ทำให้เสียเวลาในการติดตั้งระบบ (เดลินิวส์)
2. คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.25 นางวรวรรณ ธาราภูมิ กก.ผจก. บลจ.บัวหลวง
กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธปท. ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.25
เนื่องจากปัจจัยอัตราเงินเฟ้อยังมีการปรับตัวอยู่ในระดับสูง แต่บริษัทมองว่าเป็นเป็นแค่ช่วงระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน
รอง กก.ผจก. บลจ.กรุงไทย คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมมากกว่าปรับลดดอกเบี้ยลง แม้ช่วงที่ผ่านมา ธ.กลาง
สรอ. จะปรับลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องจนทำให้เกิดส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยในประเทศกับต่างประเทศ ซึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้ กนง. ต้อง
พิจารณาคือปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สำหรับความกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินบาทจากการเก็งกำไรนั้น ยังไม่เห็นถึงสัญญาณ
การเข้าไปเก็งกำไรของนักลงทุนต่างชาติ และค่าเงินบาทก็ไม่มีสัญญาณที่จะเกิดการแข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลับมีสัญญาณว่าหลังจากนี้ค่าเงิน
ดอลลาร์ สรอ. จะแข็งค่าเพิ่มขึ้นอีกด้วย ด้าน นายอาสา อินทรวิชัย ผช.กก.ผจก.สายการลงทุนตราสารหนี้ บลจ.อยุธยา คาดว่า กนง.
จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเช่นกัน สาเหตุจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. ที่อยู่ในระดับ
ร้อยละ 5.3 — 5.4 และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา ธปท. และหลายหน่วยงานออกมาส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อยังเป็น
ปัญหาอยู่ จึงเชื่อว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ (ผู้จัดการรายวัน)
3. ตลาดหลักทรัพย์เร่งขยายฐานผู้ลงทุน นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ในฐานะประธาน
คณะอนุกรรมการด้านการขยายฐานผู้ลงทุน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ให้ข้อเสนอแนะในการเร่งผลักดันให้โครงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ
กำหนดไว้สามารถเริ่มให้บริการและเห็นเป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว และยังเห็นควรให้เร่งดำเนินโครงการให้ความรู้แก่พนักงานขององค์กรขนาดใหญ่
เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากและช่วยเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนที่ถูกต้องได้เร็วขึ้น ทั้งนี้
คณะอนุกรรมการฯ เห็นว่าการให้ความรู้แก่ผู้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ จะมีส่วนเพิ่มสัดส่วนการลงทุน
ของผู้ลงทุนสถาบันให้มากขึ้น นอกจากนี้ หากสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เป็นพนักงานประจำในองค์กรและสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญ
ข้าราชการที่ปัจจุบันรวมแล้วมีกว่า 3 ล้านคน มีความเข้าใจถึงทางเลือกใหม่ในการลงทุน จะเป็นการสร้างความคุ้นเคยและความใกล้ชิดกับ
ตลาดทุนมากยิ่งขึ้นและมีโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดทุนมากขึ้นในอนาคต สำหรับแผนงานที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้
ได้แก่ 1) รณรงค์ให้มีการพัฒนาระบบ Employee’s Choice เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่พนักงานที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือสมาชิก
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 2) สนับสนุนให้มีการลงทุนผ่านกองทุนรวม LTF & RMF โดยจัดโครงการรณรงค์ให้พนักงานบริษัทใช้สิทธิ
ประโยชน์อย่างเต็มที่ และ 3) สนับสนุนให้สถาบันการเงินให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการผู้ใช้บริการแบบครบวงจร โดยสนับสนุนให้
บริษัทหลักทรัพย์ตั้งสาขาขนาดเล็กและสาขาธนาคารออนไลน์ (ไทยรัฐ, กรุงเทพธุรกิจ)
4. คาดว่าตลาดตราสารหนี้ปีนี้จะมีการซื้อขายเฉลี่ย 3 พันล้านบาทต่อวัน นายสันติ กีระนันทน์ ผจก.ตลาดตราสารหนี้ (BEX)
กล่าวว่า ได้ตั้งเป้าปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ผ่าน BEX ปีนี้เฉลี่ย 3 พันล้านบาทต่อวัน ขยายตัวประมาณ 500% จากปี 50 ที่ซื้อขายเฉลี่ย
500 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำได้เพราะตั้งแต่ต้นปี 51 จนถึงขณะนี้มีการซื้อขายเฉลี่ย 4 พันล้านบาทต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7—8
ของมูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้รวม 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 โดยสาเหตุหลักเป็นผลมาจากการ
ปรับปรุงการซื้อขายระบบ FIRST ทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปด้วยความรวดเร็วตรงตามความต้องการของผู้ลงทุน รวมถึงกรณีที่ ธปท. ยกเลิก
มาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ทำให้สัดส่วนผู้ลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น (ไทยรัฐ, เดลินิวส์, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างที่ขยายตัว รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 51
รมว.เศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยว่า ในเดือน ก.พ. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างผิดคาดร้อยละ 0.4 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4
ในเดือน ม.ค. (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) เนื่องจากภูมิอากาศเอื้อต่อการก่อสร้าง อย่างไรก็ตามคำสั่งซื้อที่อ่อนตัวคาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมใน
เดือนหน้าจะชะลอลง ทั้งนี้จากผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 43 คนโดยรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนก.พ.
จะลดลงร้อยละ 0.5 (คาดการณ์อยู่ระหว่างร้อยละ -2.6 และ +1.2 (รอยเตอร์)
2. ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของจีนในช่วงไตรมาสแรกปี 51 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 7 เม.ย.51
สำนักข่าวซินหัว รายงานข้อมูลจาก The National Bureau of Statistics ว่า ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของจีนในช่วงไตรมาสแรกปี 51
ลดลง 7.4 จุดมาอยู่ที่ระดับ 136.2 จากระดับ 143.6 ในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ดัชนีคงอยู่เหนือระดับ 100 ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้
สถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวมของจีนว่ายังอยู่ในระดับที่ดี อนึ่ง ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของจีน ทำการสำรวจจากผู้ประกอบการธุรกิจหลากหลาย
ธุรกิจจำนวนทั้งสิ้น 20,000 ราย (รอยเตอร์)
3. ในเดือน มี.ค.51 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเกาหลีใต้ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน รายงานจากโซล เมื่อ
7 เม.ย.51 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเกาหลีใต้ซึ่งใช้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ในอีก
6 เดือนข้างหน้าลดลงหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วมาอยู่ที่ระดับ 98.0 ในเดือน มี.ค.51 ต่ำสุดนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ 97.4 ในเดือน เม.ย.50
หลังจากอยู่ที่ระดับ 101.1 ในเดือน ก.พ.51 นับเป็นครั้งแรกที่ดัชนีลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 ซึ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในแนวลบ
โดยมีสาเหตุมาจากความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือน มี.ค.51 อยู่ที่ร้อยละ 3.9 อยู่ในระดับสูงสุด
ในรอบ 3 ปีเท่ากับเดือน ม.ค.51 แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมใน
วันที่ 10 เม.ย.51 นี้เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันเมื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อจากราคาสินค้าและน้ำมันที่สูงขึ้นในขณะนี้ และคาดว่าอาจมีการลด
อัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปีนี้เพื่อกระตุ้นความต้องการในประเทศที่กำลังชะลอตัวลง (รอยเตอร์)
4. คาดว่าในไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจสิงคโปร์จะฟื้นตัวและทางการจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 51 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 11 คนโดยรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกจะฟื้นตัวจากภาวะหดตัว
ในไตรมาสก่อนหน้า และ ธ.กลางจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแม้ว่าภาวะเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจ
ในไตรมาสแรกจะเติบโตจากระยะเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ 11.5 หลังจากที่หดตัวร้อยละ 4.8 เมื่อไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว เนื่องจากผลผลิตยา
และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนว่าในไตรมาสต่อไปเศรษฐกิจอาจอ่อนตัวลงตัวเนื่องจาก
ตลาดส่งออกที่สำคัญของสิงคโปร์อาทิตลาด สรอ. ชะลอตัวลง ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว สรอ. เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ที่มีมูลค่าราวร้อยละ 75
ของเศรษฐกิจสิงคโปร์ที่มีจำนวน 229 พัน ล. ดอลลาร์ สิงคโปร์ ( 166 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 เม.ย. 51 4 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.675 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.4584/31.8027 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 824.80/20.82 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,850/13,950 13,550/13,650 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 99.25 97.29 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 34.59*/30.74* 34.59*/30.74* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 1 เม.ย. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. สำรองธนบัตรช่วงสงกรานต์ 2.8 แสนล้านบาท นางจิตติมา ดุริยะประพันธ์ ผอส.ฝ่ายจัดการธนบัตร ธปท. เปิดเผยว่า
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 12 — 16 เม.ย.ปีนี้ ธปท. ได้สำรองธนบัตรชนิดต่าง ๆ เป็นมูลค่ารวม 284,200 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการ
ของประชาชนที่ใช้ธนบัตรช่วงสงกรานต์ โดยประมาณการว่ายอดการเบิกจ่ายของ ธ.พาณิชย์ตลอดเดือน เม.ย. จะมีมูลค่าประมาณ
137,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 50 จากปริมาณสำรองธนบัตรทั้งหมด 290,133 ล้านบาท ทั้งนี้ ใน
ช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ การใช้ธนบัตรจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติเพราะมีการถอนเงินไปใช้จ่ายกันเป็นจำนวนมาก แต่หลังจาก
ผ่านพ้นเทศกาลไปแล้วการใช้จ่ายจะลดน้อยลง โดยมาตรฐานการสำรองธนบัตรในช่วงเทศกาล ธปท. จะสำรองธนบัตรไว้ล่วงหน้าประมาณ
2 — 4 เดือน ซึ่งเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ได้สำรองธนบัตรไว้มากกว่าปกติ 2 เท่าตัว สำหรับธนบัตรที่สำรองไว้แบ่งเป็นชนิดราคา 1,000 บาท
สัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 รองลงมาเป็นชนิดราคา 100 บาท และ 20 บาท เนื่องจากสะดวกในการใช้จ่ายมากกว่าชนิดราคา 500 บาท
และ 50 บาท ส่วนกรณีที่ธนบัตรชนิดราคา 50 บาท ขาดตลาดนั้น ธปท. ได้ผลิตธนบัตรออกสู่ระบบเพิ่มขึ้นแล้ว และมีธนบัตรในสต็อกประมาณ
8 เดือน หลังจากที่ผ่านมาการย้ายโรงพิมพ์ธนบัตรจากบางขุนพรหมไปที่พุทธมณฑลสาย 7 ทำให้เสียเวลาในการติดตั้งระบบ (เดลินิวส์)
2. คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.25 นางวรวรรณ ธาราภูมิ กก.ผจก. บลจ.บัวหลวง
กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธปท. ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.25
เนื่องจากปัจจัยอัตราเงินเฟ้อยังมีการปรับตัวอยู่ในระดับสูง แต่บริษัทมองว่าเป็นเป็นแค่ช่วงระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน
รอง กก.ผจก. บลจ.กรุงไทย คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมมากกว่าปรับลดดอกเบี้ยลง แม้ช่วงที่ผ่านมา ธ.กลาง
สรอ. จะปรับลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องจนทำให้เกิดส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยในประเทศกับต่างประเทศ ซึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้ กนง. ต้อง
พิจารณาคือปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สำหรับความกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินบาทจากการเก็งกำไรนั้น ยังไม่เห็นถึงสัญญาณ
การเข้าไปเก็งกำไรของนักลงทุนต่างชาติ และค่าเงินบาทก็ไม่มีสัญญาณที่จะเกิดการแข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลับมีสัญญาณว่าหลังจากนี้ค่าเงิน
ดอลลาร์ สรอ. จะแข็งค่าเพิ่มขึ้นอีกด้วย ด้าน นายอาสา อินทรวิชัย ผช.กก.ผจก.สายการลงทุนตราสารหนี้ บลจ.อยุธยา คาดว่า กนง.
จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเช่นกัน สาเหตุจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. ที่อยู่ในระดับ
ร้อยละ 5.3 — 5.4 และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา ธปท. และหลายหน่วยงานออกมาส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อยังเป็น
ปัญหาอยู่ จึงเชื่อว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ (ผู้จัดการรายวัน)
3. ตลาดหลักทรัพย์เร่งขยายฐานผู้ลงทุน นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ในฐานะประธาน
คณะอนุกรรมการด้านการขยายฐานผู้ลงทุน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ให้ข้อเสนอแนะในการเร่งผลักดันให้โครงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ
กำหนดไว้สามารถเริ่มให้บริการและเห็นเป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว และยังเห็นควรให้เร่งดำเนินโครงการให้ความรู้แก่พนักงานขององค์กรขนาดใหญ่
เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากและช่วยเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนที่ถูกต้องได้เร็วขึ้น ทั้งนี้
คณะอนุกรรมการฯ เห็นว่าการให้ความรู้แก่ผู้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ จะมีส่วนเพิ่มสัดส่วนการลงทุน
ของผู้ลงทุนสถาบันให้มากขึ้น นอกจากนี้ หากสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เป็นพนักงานประจำในองค์กรและสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญ
ข้าราชการที่ปัจจุบันรวมแล้วมีกว่า 3 ล้านคน มีความเข้าใจถึงทางเลือกใหม่ในการลงทุน จะเป็นการสร้างความคุ้นเคยและความใกล้ชิดกับ
ตลาดทุนมากยิ่งขึ้นและมีโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดทุนมากขึ้นในอนาคต สำหรับแผนงานที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้
ได้แก่ 1) รณรงค์ให้มีการพัฒนาระบบ Employee’s Choice เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่พนักงานที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือสมาชิก
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 2) สนับสนุนให้มีการลงทุนผ่านกองทุนรวม LTF & RMF โดยจัดโครงการรณรงค์ให้พนักงานบริษัทใช้สิทธิ
ประโยชน์อย่างเต็มที่ และ 3) สนับสนุนให้สถาบันการเงินให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการผู้ใช้บริการแบบครบวงจร โดยสนับสนุนให้
บริษัทหลักทรัพย์ตั้งสาขาขนาดเล็กและสาขาธนาคารออนไลน์ (ไทยรัฐ, กรุงเทพธุรกิจ)
4. คาดว่าตลาดตราสารหนี้ปีนี้จะมีการซื้อขายเฉลี่ย 3 พันล้านบาทต่อวัน นายสันติ กีระนันทน์ ผจก.ตลาดตราสารหนี้ (BEX)
กล่าวว่า ได้ตั้งเป้าปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ผ่าน BEX ปีนี้เฉลี่ย 3 พันล้านบาทต่อวัน ขยายตัวประมาณ 500% จากปี 50 ที่ซื้อขายเฉลี่ย
500 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำได้เพราะตั้งแต่ต้นปี 51 จนถึงขณะนี้มีการซื้อขายเฉลี่ย 4 พันล้านบาทต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7—8
ของมูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้รวม 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 โดยสาเหตุหลักเป็นผลมาจากการ
ปรับปรุงการซื้อขายระบบ FIRST ทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปด้วยความรวดเร็วตรงตามความต้องการของผู้ลงทุน รวมถึงกรณีที่ ธปท. ยกเลิก
มาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ทำให้สัดส่วนผู้ลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น (ไทยรัฐ, เดลินิวส์, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างที่ขยายตัว รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 51
รมว.เศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยว่า ในเดือน ก.พ. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างผิดคาดร้อยละ 0.4 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4
ในเดือน ม.ค. (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) เนื่องจากภูมิอากาศเอื้อต่อการก่อสร้าง อย่างไรก็ตามคำสั่งซื้อที่อ่อนตัวคาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมใน
เดือนหน้าจะชะลอลง ทั้งนี้จากผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 43 คนโดยรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนก.พ.
จะลดลงร้อยละ 0.5 (คาดการณ์อยู่ระหว่างร้อยละ -2.6 และ +1.2 (รอยเตอร์)
2. ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของจีนในช่วงไตรมาสแรกปี 51 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 7 เม.ย.51
สำนักข่าวซินหัว รายงานข้อมูลจาก The National Bureau of Statistics ว่า ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของจีนในช่วงไตรมาสแรกปี 51
ลดลง 7.4 จุดมาอยู่ที่ระดับ 136.2 จากระดับ 143.6 ในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ดัชนีคงอยู่เหนือระดับ 100 ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้
สถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวมของจีนว่ายังอยู่ในระดับที่ดี อนึ่ง ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของจีน ทำการสำรวจจากผู้ประกอบการธุรกิจหลากหลาย
ธุรกิจจำนวนทั้งสิ้น 20,000 ราย (รอยเตอร์)
3. ในเดือน มี.ค.51 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเกาหลีใต้ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน รายงานจากโซล เมื่อ
7 เม.ย.51 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเกาหลีใต้ซึ่งใช้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ในอีก
6 เดือนข้างหน้าลดลงหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วมาอยู่ที่ระดับ 98.0 ในเดือน มี.ค.51 ต่ำสุดนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ 97.4 ในเดือน เม.ย.50
หลังจากอยู่ที่ระดับ 101.1 ในเดือน ก.พ.51 นับเป็นครั้งแรกที่ดัชนีลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 ซึ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในแนวลบ
โดยมีสาเหตุมาจากความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือน มี.ค.51 อยู่ที่ร้อยละ 3.9 อยู่ในระดับสูงสุด
ในรอบ 3 ปีเท่ากับเดือน ม.ค.51 แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมใน
วันที่ 10 เม.ย.51 นี้เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันเมื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อจากราคาสินค้าและน้ำมันที่สูงขึ้นในขณะนี้ และคาดว่าอาจมีการลด
อัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปีนี้เพื่อกระตุ้นความต้องการในประเทศที่กำลังชะลอตัวลง (รอยเตอร์)
4. คาดว่าในไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจสิงคโปร์จะฟื้นตัวและทางการจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 51 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 11 คนโดยรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกจะฟื้นตัวจากภาวะหดตัว
ในไตรมาสก่อนหน้า และ ธ.กลางจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแม้ว่าภาวะเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจ
ในไตรมาสแรกจะเติบโตจากระยะเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ 11.5 หลังจากที่หดตัวร้อยละ 4.8 เมื่อไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว เนื่องจากผลผลิตยา
และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนว่าในไตรมาสต่อไปเศรษฐกิจอาจอ่อนตัวลงตัวเนื่องจาก
ตลาดส่งออกที่สำคัญของสิงคโปร์อาทิตลาด สรอ. ชะลอตัวลง ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว สรอ. เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ที่มีมูลค่าราวร้อยละ 75
ของเศรษฐกิจสิงคโปร์ที่มีจำนวน 229 พัน ล. ดอลลาร์ สิงคโปร์ ( 166 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 เม.ย. 51 4 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.675 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.4584/31.8027 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 824.80/20.82 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,850/13,950 13,550/13,650 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 99.25 97.29 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 34.59*/30.74* 34.59*/30.74* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 1 เม.ย. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--