ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. สศช.กังวล 3 ปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) เปิดเผยว่า กรณีที่ ธ.พัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ทำนายว่า เศรษฐกิจไทยปี 49 จะขยายตัวร้อยละ 4.7 นั้นถือเป็นการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจในระดับที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ สศช.ประมาณการไว้ว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 4.5-5.5 แต่ภาวะเศรษฐกิจขณะนี้มีปัจจัยที่
สศช.มีความเป็นห่วงอยู่ 3 ประการ ได้แก่ ราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อ และกำลังซื้อของประชาชน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง
ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตัวกดดันภาวะราคาเงินเฟ้อโดยตรง และส่งผลให้ต้องมีการดำเนินนโยบายการเงิน คือ นโยบายอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และ
การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อต้นทุนของภาคการลงทุน ทำให้ขณะนี้พบ
สัญญาณการชะลอตัวของการบริโภค แม้ว่าการบริโภคจะยังขยายตัวแต่เป็นการขยายตัวในอัตราที่ลดลง ซึ่งขณะนี้ สศช.อยู่ระหว่างหาสาเหตุ
ของการชะลอตัวของการบริโภคและการลงทุนว่าเกี่ยวข้องกับวัฎจักรเศรษฐกิจหรือไม่ หรือเกิดจากผลกระทบราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมา
2 ปีแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
2. บล.เอเชีย พลัสประเมินกำไรสุทธิโดยรวมของ ธพ. 8 แห่งในไตรมาส 1 ปี 49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.7 ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย
พลัส ประเมินกำไรสุทธิโดยรวมของ ธพ 8 แห่งในงวดไตรมาส 1 ปี 49 มีมูลค่าเท่ากับ 2.28 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.7 เทียบ
ต่อไตรมาส เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลงร้อยละ 41.3 โดยคาดว่า ธพ.ส่วนใหญ่จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 49 ในระดับสูง
โดยเฉพาะ ธ.กรุงไทย ซึ่งคาดว่าจะมีการตั้งสำรองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ยกเว้น ธ.ไทยพาณิชย์และ ธ.นครหลวงไทย ที่คาดว่าจะมีกำไร
สุทธิในไตรมาส 1 ปี 49 ลดลงเนื่องจากภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังได้คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 49 ของ
ธพ.เท่ากับ 2.44 หมื่นล้านบาท ลดลงประมาณร้อยละ 6.2 เทียบต่อไตรมาส เนื่องจากภาระภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 31.6
(กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.พาณิชย์ระบุค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นไม่กระทบต่อการส่งออกไทย อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับเฉลี่ยกว่า 38 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะกระทบยอดการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดทั่วโลกว่า
เรื่องนี้กรมส่งเสริมการส่งออกมีการติดตามสถานการณ์ค่าเงินอย่างใกล้ชิด และเห็นว่าการแข็งของค่าเงินไม่เฉพาะเงินบาทเท่านั้น แต่เป็น
การแข็งค่าสกุลเงินสำคัญทั่วโลก เช่น เงินดอลลาร์ สรอ. เงินเยน ดังนั้น จึงคิดว่าปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าน่าจะเป็นช่วงระยะสั้นเท่านั้น
โดยภาพรวมยังไม่กระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยไปตลาดต่างประเทศขณะนี้แต่อย่างใด ทั้งนี้ เป้าหมายการส่งออกที่คาดการณ์ไว้ปีนี้จะ
ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 15-17.5 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 130,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
4. สบน. ตั้งเป้าหมายปรับลดภาระหนี้ต่างประเทศลง 2.4-3 หมื่นล้านบาทในปี 49 ผอ.สำนักตลาดทุนต่างประเทศ สำนักงาน
บริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า สบน.มีแผนที่จะปรับลดภาระหนี้ต่างประเทศทั้งหมด 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ
6 แสนล้านบาทในปี 49 โดยตั้งเป้าลดลงประมาณร้อยละ 4-5 หรือคิดเป็นวงเงิน 2.4-3 หมื่นล้านบาท เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลก
เปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง สำหรับยอดหนี้สาธารณะปัจจุบัน 3.24 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ในประเทศร้อยละ 80
หรือ 2.68 ล้านล้านบาท และหนี้ต่างประเทศร้อยละ 20 หรือคิดเป็น 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท (โพสต์ทูเดย์)
5. สมาคมค้าทองคำคาดราคาทองคำแท่งอาจสูงถึงบาทละ 11,000 บาทในไตรมาส 2 ปีนี้ นายกสมาคมค้าทองคำเปิดเผย
ถึงสถานการณ์การค้าทองคำว่า ราคาจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ที่จะมีราคาขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยราคาทองแท่งจะสูงถึงบาทละ 11,000 บาทในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดว่าราคาจะขึ้นเกิน 600 ดอลลาร์
สรอ.ต่อออนซ์ เนื่องจากแรงซื้อของกองทุนต่างประเทศที่เข้ามาเก็งกำไร หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สถานการณ์ทางการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายทองคำในประเทศมาก โดยส่งผลต่อจิตวิทยาทำให้กำลังซื้อถดถอย หากราคา
ทองคำขยับสูงขึ้นย่อมกระทบต่อกำลังซื้อที่ลดลงอีก (มติชน, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. รมว.คลังจากเอเชียและยุโรปคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 4.5 รายงานจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
เมื่อวันที่ 9 เม.ย.49 ว่า รมว.คลังของยุโรป 25 ประเทศ และเอเชีย 13 ประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ในการประชุมร่วมกันที่กรุงเวียนนา
คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 4.5 เทียบกับร้อยละ 4.3 ในปี 48 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ โดย
เป็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนและอินเดียซึ่งมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศอุตสาหกรรม 3 ถึง 4 เท่า
ในขณะที่ได้มีการเรียกร้องให้จีนปรับเพิ่มอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันในตลาดการค้าโลก แต่ก็เป็นการ
ดำเนินการอย่างระมัดระวังเนื่องจากไม่ต้องการให้ถูกมองว่าเป็นการคุกคามต่อจีน อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นว่าแม้เศรษฐกิจโลก
ในปีนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ยังคงมีอยู่ เช่น ราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ความไม่สมดุลด้านอื่น ระบบ
การปกป้องคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศของตนเอง และการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ทั้งนี้ เอเชียและ สรอ. ยังคงเป็น
พลังขับเคลื่อนของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง แม้ว่าการบริโภคภายในประเทศและทัศนคติของ
ผู้บริโภคจะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวอยู่บ้าง ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเชียนยกเว้นญี่ปุ่นในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 7.6 (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางเยอรมนีคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวสูงขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า รายงานจากเวียนนา เมื่อ
8 เม.ย.49 ประธาน ธ.กลางเยอรมนีให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุมของ รมต.คลังและผวก. ธ.กลางของประเทศในสหภาพยุโรปที่
ออสเตรียว่าเขาคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวสูงขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า โดยจะเห็นได้จากยอดขายสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผล
ให้ฐานการผลิตกว้างขึ้น ในขณะที่การส่งออกยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังเห็นได้จากความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเยอรมนี
ที่เพิ่มสูงขึ้นในผลสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยังเป็น
จุดอ่อนของระบบเศรษฐกิจ แต่ตัวเลขยอดค้าปลีกของเดือน ม.ค.และ ก.พ.49 เมื่อเร็ว ๆ นี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีแนวโน้ม
ขยายตัวสูงขึ้น นอกจากนี้เขาเตือนว่าราคาน้ำมันที่กลับมาสูงขึ้นอีกในขณะนี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้นซึ่งเขาในฐานะ
นักการธนาคารกลางจะทำทุกอย่างเพื่อมิให้เกิดภาวะดังกล่าวขึ้น (รอยเตอร์)
3. คาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังไม่ใช่ระดับที่เป็นกลาง
รายงานจากเวียนนา เมื่อ 8 เม.ย.49 รมต.คลังของเนเธอร์แลนด์ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการประชุมของ รมต.คลังและ ผวก. ธ.กลาง
ของประเทศในสหภาพยุโรปที่ออสเตรียว่าเขาคาดว่า ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังไม่ใช่ระดับ
ที่เป็นกลางซึ่งเป็นระดับที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้โดยไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้น เนื่องจากในขณะนี้เศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรป
หรือ Euro zone ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลักกำลังขยายตัวสูงขึ้น ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยจึง
ควรขยับขึ้นไปสู่ระดับที่เป็นกลางมากขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมการสภายุโรปคาดว่าเศรษฐกิจของ Euro zone ในปีนี้จะขยายตัวใกล้เคียง
ร้อยละ 2.0 ต่อปี หลังจากขยายตัวเพียงร้อยละ 1.3 ในปีก่อนโดยในไตรมาสสุดท้ายปีก่อนเศรษฐกิจอยู่ในภาวะเกือบชะงักงัน (รอยเตอร์)
4. จีดีพีของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสแรกปี 49 ขยายตัวร้อยละ 1.2 เทียบต่อไตรมาส รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ 10 เม.ย.49
The Ministry of Trade and Industry เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสแรกปี 49 ขยายตัว
ร้อยละ 1.2 เทียบต่อไตรมาส ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ขณะที่เมื่อเทียบต่อปี จีดีพีขยายตัว
ร้อยละ 9.1 สูงกว่าเล็กน้อยจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 ทั้งนี้ การคาดการณ์จีดีพีดังกล่าวเป็น
การคาดการณ์เบื้องต้นซึ่งประเมินจากตัวเลขในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ซึ่งบรรดานักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าเป็นการขยายตัวในระดับ
ที่อยู่ภายในช่วงการคาดการณ์และถือว่ายังคงอยู่ในระดับที่ดี สำหรับอัตราการเติบโตของภาคการผลิตซึ่งมีสัดส่วนเป็น 1 ใน 4 ของระบบ
เศรษฐกิจสิงคโปร์ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 16 ในช่วงไตรมาสแรกปี 49 โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับภาคบริการซึ่งมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 60 ของระบบเศรษฐกิจ คาดว่า
จะขยายตัวร้อยละ 7.6 สาเหตุหลักจากการขยายตัวของการค้าส่งและค้าปลีก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 10 เม.ย. 49 7 เม.ย. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.202 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.0454/38.3332 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.72188 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 770.33/ 30.17 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,550/10,650 10,650/10,750 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 60.82 61.06 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 27.94*/26.29* 27.54*/25.89* 19.69/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 เม.ย. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. สศช.กังวล 3 ปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) เปิดเผยว่า กรณีที่ ธ.พัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ทำนายว่า เศรษฐกิจไทยปี 49 จะขยายตัวร้อยละ 4.7 นั้นถือเป็นการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจในระดับที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ สศช.ประมาณการไว้ว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 4.5-5.5 แต่ภาวะเศรษฐกิจขณะนี้มีปัจจัยที่
สศช.มีความเป็นห่วงอยู่ 3 ประการ ได้แก่ ราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อ และกำลังซื้อของประชาชน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง
ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตัวกดดันภาวะราคาเงินเฟ้อโดยตรง และส่งผลให้ต้องมีการดำเนินนโยบายการเงิน คือ นโยบายอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และ
การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อต้นทุนของภาคการลงทุน ทำให้ขณะนี้พบ
สัญญาณการชะลอตัวของการบริโภค แม้ว่าการบริโภคจะยังขยายตัวแต่เป็นการขยายตัวในอัตราที่ลดลง ซึ่งขณะนี้ สศช.อยู่ระหว่างหาสาเหตุ
ของการชะลอตัวของการบริโภคและการลงทุนว่าเกี่ยวข้องกับวัฎจักรเศรษฐกิจหรือไม่ หรือเกิดจากผลกระทบราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมา
2 ปีแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
2. บล.เอเชีย พลัสประเมินกำไรสุทธิโดยรวมของ ธพ. 8 แห่งในไตรมาส 1 ปี 49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.7 ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย
พลัส ประเมินกำไรสุทธิโดยรวมของ ธพ 8 แห่งในงวดไตรมาส 1 ปี 49 มีมูลค่าเท่ากับ 2.28 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.7 เทียบ
ต่อไตรมาส เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลงร้อยละ 41.3 โดยคาดว่า ธพ.ส่วนใหญ่จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 49 ในระดับสูง
โดยเฉพาะ ธ.กรุงไทย ซึ่งคาดว่าจะมีการตั้งสำรองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ยกเว้น ธ.ไทยพาณิชย์และ ธ.นครหลวงไทย ที่คาดว่าจะมีกำไร
สุทธิในไตรมาส 1 ปี 49 ลดลงเนื่องจากภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังได้คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 49 ของ
ธพ.เท่ากับ 2.44 หมื่นล้านบาท ลดลงประมาณร้อยละ 6.2 เทียบต่อไตรมาส เนื่องจากภาระภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 31.6
(กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.พาณิชย์ระบุค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นไม่กระทบต่อการส่งออกไทย อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับเฉลี่ยกว่า 38 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะกระทบยอดการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดทั่วโลกว่า
เรื่องนี้กรมส่งเสริมการส่งออกมีการติดตามสถานการณ์ค่าเงินอย่างใกล้ชิด และเห็นว่าการแข็งของค่าเงินไม่เฉพาะเงินบาทเท่านั้น แต่เป็น
การแข็งค่าสกุลเงินสำคัญทั่วโลก เช่น เงินดอลลาร์ สรอ. เงินเยน ดังนั้น จึงคิดว่าปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าน่าจะเป็นช่วงระยะสั้นเท่านั้น
โดยภาพรวมยังไม่กระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยไปตลาดต่างประเทศขณะนี้แต่อย่างใด ทั้งนี้ เป้าหมายการส่งออกที่คาดการณ์ไว้ปีนี้จะ
ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 15-17.5 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 130,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
4. สบน. ตั้งเป้าหมายปรับลดภาระหนี้ต่างประเทศลง 2.4-3 หมื่นล้านบาทในปี 49 ผอ.สำนักตลาดทุนต่างประเทศ สำนักงาน
บริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า สบน.มีแผนที่จะปรับลดภาระหนี้ต่างประเทศทั้งหมด 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ
6 แสนล้านบาทในปี 49 โดยตั้งเป้าลดลงประมาณร้อยละ 4-5 หรือคิดเป็นวงเงิน 2.4-3 หมื่นล้านบาท เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลก
เปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง สำหรับยอดหนี้สาธารณะปัจจุบัน 3.24 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ในประเทศร้อยละ 80
หรือ 2.68 ล้านล้านบาท และหนี้ต่างประเทศร้อยละ 20 หรือคิดเป็น 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท (โพสต์ทูเดย์)
5. สมาคมค้าทองคำคาดราคาทองคำแท่งอาจสูงถึงบาทละ 11,000 บาทในไตรมาส 2 ปีนี้ นายกสมาคมค้าทองคำเปิดเผย
ถึงสถานการณ์การค้าทองคำว่า ราคาจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ที่จะมีราคาขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยราคาทองแท่งจะสูงถึงบาทละ 11,000 บาทในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดว่าราคาจะขึ้นเกิน 600 ดอลลาร์
สรอ.ต่อออนซ์ เนื่องจากแรงซื้อของกองทุนต่างประเทศที่เข้ามาเก็งกำไร หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สถานการณ์ทางการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายทองคำในประเทศมาก โดยส่งผลต่อจิตวิทยาทำให้กำลังซื้อถดถอย หากราคา
ทองคำขยับสูงขึ้นย่อมกระทบต่อกำลังซื้อที่ลดลงอีก (มติชน, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. รมว.คลังจากเอเชียและยุโรปคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 4.5 รายงานจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
เมื่อวันที่ 9 เม.ย.49 ว่า รมว.คลังของยุโรป 25 ประเทศ และเอเชีย 13 ประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ในการประชุมร่วมกันที่กรุงเวียนนา
คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 4.5 เทียบกับร้อยละ 4.3 ในปี 48 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ โดย
เป็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนและอินเดียซึ่งมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศอุตสาหกรรม 3 ถึง 4 เท่า
ในขณะที่ได้มีการเรียกร้องให้จีนปรับเพิ่มอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันในตลาดการค้าโลก แต่ก็เป็นการ
ดำเนินการอย่างระมัดระวังเนื่องจากไม่ต้องการให้ถูกมองว่าเป็นการคุกคามต่อจีน อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นว่าแม้เศรษฐกิจโลก
ในปีนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ยังคงมีอยู่ เช่น ราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ความไม่สมดุลด้านอื่น ระบบ
การปกป้องคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศของตนเอง และการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ทั้งนี้ เอเชียและ สรอ. ยังคงเป็น
พลังขับเคลื่อนของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง แม้ว่าการบริโภคภายในประเทศและทัศนคติของ
ผู้บริโภคจะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวอยู่บ้าง ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเชียนยกเว้นญี่ปุ่นในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 7.6 (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางเยอรมนีคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวสูงขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า รายงานจากเวียนนา เมื่อ
8 เม.ย.49 ประธาน ธ.กลางเยอรมนีให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุมของ รมต.คลังและผวก. ธ.กลางของประเทศในสหภาพยุโรปที่
ออสเตรียว่าเขาคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวสูงขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า โดยจะเห็นได้จากยอดขายสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผล
ให้ฐานการผลิตกว้างขึ้น ในขณะที่การส่งออกยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังเห็นได้จากความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเยอรมนี
ที่เพิ่มสูงขึ้นในผลสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยังเป็น
จุดอ่อนของระบบเศรษฐกิจ แต่ตัวเลขยอดค้าปลีกของเดือน ม.ค.และ ก.พ.49 เมื่อเร็ว ๆ นี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีแนวโน้ม
ขยายตัวสูงขึ้น นอกจากนี้เขาเตือนว่าราคาน้ำมันที่กลับมาสูงขึ้นอีกในขณะนี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้นซึ่งเขาในฐานะ
นักการธนาคารกลางจะทำทุกอย่างเพื่อมิให้เกิดภาวะดังกล่าวขึ้น (รอยเตอร์)
3. คาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังไม่ใช่ระดับที่เป็นกลาง
รายงานจากเวียนนา เมื่อ 8 เม.ย.49 รมต.คลังของเนเธอร์แลนด์ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการประชุมของ รมต.คลังและ ผวก. ธ.กลาง
ของประเทศในสหภาพยุโรปที่ออสเตรียว่าเขาคาดว่า ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังไม่ใช่ระดับ
ที่เป็นกลางซึ่งเป็นระดับที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้โดยไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้น เนื่องจากในขณะนี้เศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรป
หรือ Euro zone ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลักกำลังขยายตัวสูงขึ้น ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยจึง
ควรขยับขึ้นไปสู่ระดับที่เป็นกลางมากขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมการสภายุโรปคาดว่าเศรษฐกิจของ Euro zone ในปีนี้จะขยายตัวใกล้เคียง
ร้อยละ 2.0 ต่อปี หลังจากขยายตัวเพียงร้อยละ 1.3 ในปีก่อนโดยในไตรมาสสุดท้ายปีก่อนเศรษฐกิจอยู่ในภาวะเกือบชะงักงัน (รอยเตอร์)
4. จีดีพีของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสแรกปี 49 ขยายตัวร้อยละ 1.2 เทียบต่อไตรมาส รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ 10 เม.ย.49
The Ministry of Trade and Industry เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสแรกปี 49 ขยายตัว
ร้อยละ 1.2 เทียบต่อไตรมาส ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ขณะที่เมื่อเทียบต่อปี จีดีพีขยายตัว
ร้อยละ 9.1 สูงกว่าเล็กน้อยจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 ทั้งนี้ การคาดการณ์จีดีพีดังกล่าวเป็น
การคาดการณ์เบื้องต้นซึ่งประเมินจากตัวเลขในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ซึ่งบรรดานักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าเป็นการขยายตัวในระดับ
ที่อยู่ภายในช่วงการคาดการณ์และถือว่ายังคงอยู่ในระดับที่ดี สำหรับอัตราการเติบโตของภาคการผลิตซึ่งมีสัดส่วนเป็น 1 ใน 4 ของระบบ
เศรษฐกิจสิงคโปร์ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 16 ในช่วงไตรมาสแรกปี 49 โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับภาคบริการซึ่งมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 60 ของระบบเศรษฐกิจ คาดว่า
จะขยายตัวร้อยละ 7.6 สาเหตุหลักจากการขยายตัวของการค้าส่งและค้าปลีก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 10 เม.ย. 49 7 เม.ย. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.202 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.0454/38.3332 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.72188 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 770.33/ 30.17 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,550/10,650 10,650/10,750 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 60.82 61.06 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 27.94*/26.29* 27.54*/25.89* 19.69/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 เม.ย. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--