ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนกลางเพื่อใช้ในการแปลงค่าเงินตราต่างประเทศทุกสกุลเป็นเงินบาท นายเกริก วณิกกุล
ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกประกาศถึงธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิต
ฟองซิเอร์ทุกบริษัท เรื่องการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อใช้ในการแปลงค่าเงินตราต่างประเทศทุกสกุลเป็นสกุลเงินบาท โดย ธปท.ระบุให้
สถาบันการเงินทุกแห่งใช้อัตรากลางที่ ธปท.กำหนดในการแปลงค่าอัตราแลกเปลี่ยน ค่ารายการทุกธุรกรรมที่เป็นเงินตราต่างประเทศที่เป็น
ฐานะเงินตราต่างประเทศที่ซื้อขายทันที (Spot Position) ให้เป็นเงินบาท ในการทำรายการส่ง ธปท.หรือการทำงบดุลของสถาบันการเงิน
รวมทั้งการดำเนินการตามเกณฑ์ฐานะสถาบันการเงินของ ธปท. และเกณฑ์มาตรฐานการกำกับสถาบันการเงินบาเซิล 2 โดยกำหนดให้ใช้
อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างอัตราซื้อขายถัวเฉลี่ยทางโทรเลข (Average buying rates-Telex Transfer) และอัตราขายถัวเฉลี่ย
(Average selling rates) ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของ ธปท. ณ วันที่จัดทำงบดุลหรือรายงานส่ง ธปท. (โลกวันนี้, มติชน)
2. เดือน มี.ค.51 และช่วง 6 เดือนแรกของปี งปม.51 รัฐบาลขาดดุลเงินสดเป็นไปตามเป้าหมาย โฆษก ก.คลัง เปิดเผยว่า
ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดเดือน มี.ค.51 ขาดดุลเงินสด 24,198 ล.บาท ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี งปม.51
ขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 173,387 ล.บาท ต่ำกว่าการขาดดุลช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.5% โดยเป็นการขาดดุลเงิน งปม. 168,133 ล.บาท
และการขาดดุลเงินนอก งปม. 5,254 ล.บาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์
กระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต 5.0% ในปี 51 ทั้งนี้ ฐานะการคลังเดือน มี.ค.51 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 87,142 ล.บาท ต่ำกว่าเดือน
เดียวกันของปีก่อน 19,573 ล.บาท หรือ 18.3% ส่วนฐานะการคลังในช่วง 6 เดือนแรกของปี งปม. 51 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง
627,348 ล.บาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 21,426 ล.บาท หรือ 3.5% (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือแนวทางการปราบปรามผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิตแบบผิดกฎหมาย รายงานข่าว
จากกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ปศท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ปศท.จะประชุมหารือกับ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมสรรพากร เกี่ยวกับการปราบปรามผู้ประกอบ
การธุรกิจที่ให้บริการสินเชื่อเงินด่วนกับผู้ถือบัตรเครดิต บัตรผ่อนสินค้าผิดกฎหมาย (นอนแบงก์เถื่อน) ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่
ปศท. พบบุคคลที่อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ (ข่าวสด)
4. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกปี 51 จะขยายตัว 5.2% ขณะที่เศรษฐกิจทั้งปี 51 ขยายตัว5.1% นายธนวรรธน์ พลวิชัย
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงสรุปภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 51 และแนวโน้ม
เศรษฐกิจไทยปี 2551 ว่า จากการติดตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 คาดว่า จะขยายตัว 5.2% ส่วนไตรมาส 2
ขยายตัว 4.9% จากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ประกอบการดีขึ้น ส่งผลให้การ
บริโภคและการลงทุนเริ่มขยายตัวมากขึ้น ประกอบกับรัฐเริ่มดำเนินการโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) และการเร่งออกมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลอดปี 51 คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบ งปม. 80,000-100,000 ล.บาท นอกจากนี้
การที่สินค้าทั้งอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของไทยยังสามารถส่งออกได้ดีในครึ่งแรกของปี จะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจตลอดปี 51 ขยายตัว
ประมาณ 5.1% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.3-3.8% เป็น 4.5-5.5% โดยมีค่าเฉลี่ยตลอดปีที่ 4.8% อันเนื่องมาจากราคา
สินค้าปรับตัวตามต้นทุนที่เพิ่มสูง ทั้งนี้ ทิศทางเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืน พธบ.ในไตรมาส 2
ปี 51 นี้ จะยังคงอยู่ที่ 3.25% จนถึงสิ้นปี (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์, โพสต์ทูเดย์, มติชน)
5. คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 860 จุดในสัปดาห์หน้า นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (21-25 เม.ย.) มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 860 จุด เนื่องจาก
มีแรงหนุนจากการซื้อของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกองทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ ฟันด์) เพราะช่วงที่ผ่านมานักลงทุนขายหุ้นเพื่อนำเงิน
ที่ได้ไปชดเชยและป้องกันความเสี่ยงจากผลกระทบที่เกิดจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (ซับไพรม์) ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ทั้งนี้ คาดว่า
เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในช่วงไตรมาส 2 จะมีมูลค่าสูงถึง 20,000 ล.บาท นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าผลประกอบการของ
บริษัทจดทะเบียนปีนี้จะขยายตัว 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ราคาหุ้นไทยถือว่า
มีค่าพีอีต่อกำไรสุทธิ (PEG) ค่อนข้างต่ำเพียง 0.4 เท่า เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่มี PEG อยู่ที่ 0.8 เท่า ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยจึงมี
ความน่าสนใจกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค (โลกวันนี้, ไทยโพสต์, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เงินยูโรเมื่อเทียบต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าทำสถิติสูงสุดเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น รายงานจากลอนดอน เมื่อ
วันที่ 16 เม.ย. 51 ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในเดือน มี.ค. ที่ทางการยุโรปเปิดเผยทำสถิติสูงสุดที่ร้อยละ 3.6 เนื่องจากการสูงขึ้นของ
ราคาอาหารและพลังงาน ยิ่งเพิ่มแรงสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธ.กลางยุโรปจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากปัจจุบันที่
ร้อยละ 4.0 เนื่องจากความวิตกเรื่องผลกระทบต่อเสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้เมื่อวานนี้เงินยูโรเมื่อเทียบต่อเงินดอลลาร์ สรอ.
แข็งค่าขึ้นร้อยละ 1.0 อยู่ที่ 1.5967 ดอลลาร์ สรอ. ต่อ 1 ยูโร ทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มใช้เงินสกุลยูโรในปี 42 ซึ่งปัจจุบันแข็งค่าขึ้น
เกือบร้อยละ 90 นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 43 ขณะที่ Lee Hardman นักเศรษฐศาสตร์จาก BMT UFJ คาดว่าทางการยุโรปจะดำเนินนโยบาย
การเงินอย่างเข้มงวดต่อไปเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่มีการคาดการณ์กันว่า ธ.กลางสรอ.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
อีกร้อยละ 0.25 อยู่ที่ร้อยละ 2.0 เพื่อพยายามผ่อนคลายปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากผลกระทบวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
2. องค์การการค้าโลกหรือ WTO คาดว่ายอดการค้าทั่วโลกในปีนี้จะขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 6 ปี รายงานจากเจนีวา
เมื่อ 17 เม.ย.51 องค์การการค้าโลกหรือ WTO คาดว่ายอดการค้าทั่วโลกในปีนี้จะขยายตัวเพียงร้อยละ 4.5 ต่ำสุดในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่
ปี 45 หลังจากขยายตัวร้อยละ 5.5 ในปี 50 และร้อยละ 8.5 ในปี 49 โดย WTO คาดว่าความวุ่นวายในตลาดการเงินทั่วโลกจะส่ง
ผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการค้าโลก ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวข้างต้นของ WTO ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าผลผลิตทั่วโลกในปีนี้จะขยายตัว
ร้อยละ 2.6 โดยคาดว่าผลผลิตโดยรวมของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะขยายตัวร้อยละ 1.1 ในขณะที่คาดว่าผลผลิตของกลุ่มประเทศกำลัง
พัฒนาจะขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าคือมากกว่าร้อยละ 5.0 โดยในปี 50 ที่ผ่านมายอดการค้ารวมของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 34 ของมูลค่าการค้าทั่วโลก และคาดว่าในปีนี้ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและ CIS ซึ่งประกอบด้วยประเทศ
รัสเซียและประเทศที่เคยอยู่ในสาธารณรัฐโซเวียตเดิมจะมีส่วนในการขยายตัวของยอดนำเข้ามากกว่าครึ่งของยอดนำเข้าทั่วโลก (รอยเตอร์)
3. เกาหลีใต้เห็นชอบให้ผ่อนคลายข้อจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจาก สรอ. รายงานจากโซล เมื่อวันที่ 18 เม.ย.51 ก.เกษตร
ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า รัฐบาลเกาหลีใต้เห็นชอบให้มีการผ่อนคลายข้อจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจาก สรอ. เพื่อเป็นการขจัดอุปสรรคในการ
ลงนามข้อตกลงทางการค้ากับ สรอ. โดยทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
นับตั้งแต่ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือมีผลบังคับใช้ในปี 2537 ซึ่งฝ่ายกฎหมายของ สรอ. กล่าวว่าการจัดทำข้อตกลงทางการค้า
ดังกล่าวระหว่างเกาหลีใต้กับ สรอ. ที่หยุดชะงักมาประมาณ 1 ปีแล้วอาจจะสามารถตกลงกันได้ถ้าเกาหลีใต้เปิดตลาดเต็มที่ให้มีการนำเข้า
เนื้อวัวจาก สรอ. ปัจจุบันเกาหลีใต้นำเข้าเฉพาะเนื้อไม่มีกระดูกจากวัวที่มีอายุน้อยกว่า 30 เดือน ขณะที่ สรอ. ยืนยันให้เกาหลีใต้เปิดตลาด
เต็มที่ในการนำเข้าเนื้อวัวจาก สรอ. (รอยเตอร์)
4. ยอดส่งออกของสิงคโปร์ในเดือน มี.ค.51 ลดลงร้อยละ 2.6 ต่อเดือนผิดจากที่คาดไว้ รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ
17 เม.ย.51 สนง.ตัวแทนการค้าระหว่างประเทศของสิงคโปร์รายงานยอดส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันของสิงคโปร์ซึ่งเป็นสินค้าที่ผ่านกระบวน
การผลิตหรือประกอบในสิงคโปร์ เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่วนประกอบสำคัญของยาที่มียอดจำหน่ายสูงมีมูลค่ารวม
14.3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 10.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในเดือน มี.ค.51 ลดลงร้อยละ 2.6 ต่อเดือนและร้อยละ 5.9 ต่อปี
หลังจากลดลงร้อยละ 1.4 ต่อเดือนแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบต่อปีในเดือนก่อน ผิดจากที่ผลสำรวจรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.0 ต่อเดือนแต่ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบต่อปี ผลจากยอดส่งออกไปยังตลาดสำคัญในยุโรปและ สรอ.ลดลง โดยยอดส่งออกไปยัง
สรอ.ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ยอดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ลดลงร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบต่อปี ในขณะที่ยอดส่งออกยาและผลิตภัณฑ์
ปิโตรเคมีลดลงร้อยละ 34.1 และ 11.8 ต่อปีตามลำดับ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 เม.ย. 51 17 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.430 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.2241/31.5664 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 845.43/28.15 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,950/14,050 14,000/14,100 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 106.17 104.43 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 35.09*/31.24** 35.09*/31.24** 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 9 เม.ย.51
**ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 11 เม.ย. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนกลางเพื่อใช้ในการแปลงค่าเงินตราต่างประเทศทุกสกุลเป็นเงินบาท นายเกริก วณิกกุล
ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกประกาศถึงธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิต
ฟองซิเอร์ทุกบริษัท เรื่องการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อใช้ในการแปลงค่าเงินตราต่างประเทศทุกสกุลเป็นสกุลเงินบาท โดย ธปท.ระบุให้
สถาบันการเงินทุกแห่งใช้อัตรากลางที่ ธปท.กำหนดในการแปลงค่าอัตราแลกเปลี่ยน ค่ารายการทุกธุรกรรมที่เป็นเงินตราต่างประเทศที่เป็น
ฐานะเงินตราต่างประเทศที่ซื้อขายทันที (Spot Position) ให้เป็นเงินบาท ในการทำรายการส่ง ธปท.หรือการทำงบดุลของสถาบันการเงิน
รวมทั้งการดำเนินการตามเกณฑ์ฐานะสถาบันการเงินของ ธปท. และเกณฑ์มาตรฐานการกำกับสถาบันการเงินบาเซิล 2 โดยกำหนดให้ใช้
อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างอัตราซื้อขายถัวเฉลี่ยทางโทรเลข (Average buying rates-Telex Transfer) และอัตราขายถัวเฉลี่ย
(Average selling rates) ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของ ธปท. ณ วันที่จัดทำงบดุลหรือรายงานส่ง ธปท. (โลกวันนี้, มติชน)
2. เดือน มี.ค.51 และช่วง 6 เดือนแรกของปี งปม.51 รัฐบาลขาดดุลเงินสดเป็นไปตามเป้าหมาย โฆษก ก.คลัง เปิดเผยว่า
ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดเดือน มี.ค.51 ขาดดุลเงินสด 24,198 ล.บาท ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี งปม.51
ขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 173,387 ล.บาท ต่ำกว่าการขาดดุลช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.5% โดยเป็นการขาดดุลเงิน งปม. 168,133 ล.บาท
และการขาดดุลเงินนอก งปม. 5,254 ล.บาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์
กระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต 5.0% ในปี 51 ทั้งนี้ ฐานะการคลังเดือน มี.ค.51 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 87,142 ล.บาท ต่ำกว่าเดือน
เดียวกันของปีก่อน 19,573 ล.บาท หรือ 18.3% ส่วนฐานะการคลังในช่วง 6 เดือนแรกของปี งปม. 51 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง
627,348 ล.บาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 21,426 ล.บาท หรือ 3.5% (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือแนวทางการปราบปรามผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิตแบบผิดกฎหมาย รายงานข่าว
จากกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ปศท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ปศท.จะประชุมหารือกับ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมสรรพากร เกี่ยวกับการปราบปรามผู้ประกอบ
การธุรกิจที่ให้บริการสินเชื่อเงินด่วนกับผู้ถือบัตรเครดิต บัตรผ่อนสินค้าผิดกฎหมาย (นอนแบงก์เถื่อน) ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่
ปศท. พบบุคคลที่อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ (ข่าวสด)
4. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกปี 51 จะขยายตัว 5.2% ขณะที่เศรษฐกิจทั้งปี 51 ขยายตัว5.1% นายธนวรรธน์ พลวิชัย
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงสรุปภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 51 และแนวโน้ม
เศรษฐกิจไทยปี 2551 ว่า จากการติดตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 คาดว่า จะขยายตัว 5.2% ส่วนไตรมาส 2
ขยายตัว 4.9% จากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ประกอบการดีขึ้น ส่งผลให้การ
บริโภคและการลงทุนเริ่มขยายตัวมากขึ้น ประกอบกับรัฐเริ่มดำเนินการโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) และการเร่งออกมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลอดปี 51 คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบ งปม. 80,000-100,000 ล.บาท นอกจากนี้
การที่สินค้าทั้งอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของไทยยังสามารถส่งออกได้ดีในครึ่งแรกของปี จะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจตลอดปี 51 ขยายตัว
ประมาณ 5.1% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.3-3.8% เป็น 4.5-5.5% โดยมีค่าเฉลี่ยตลอดปีที่ 4.8% อันเนื่องมาจากราคา
สินค้าปรับตัวตามต้นทุนที่เพิ่มสูง ทั้งนี้ ทิศทางเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืน พธบ.ในไตรมาส 2
ปี 51 นี้ จะยังคงอยู่ที่ 3.25% จนถึงสิ้นปี (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์, โพสต์ทูเดย์, มติชน)
5. คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 860 จุดในสัปดาห์หน้า นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (21-25 เม.ย.) มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 860 จุด เนื่องจาก
มีแรงหนุนจากการซื้อของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกองทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ ฟันด์) เพราะช่วงที่ผ่านมานักลงทุนขายหุ้นเพื่อนำเงิน
ที่ได้ไปชดเชยและป้องกันความเสี่ยงจากผลกระทบที่เกิดจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (ซับไพรม์) ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ทั้งนี้ คาดว่า
เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในช่วงไตรมาส 2 จะมีมูลค่าสูงถึง 20,000 ล.บาท นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าผลประกอบการของ
บริษัทจดทะเบียนปีนี้จะขยายตัว 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ราคาหุ้นไทยถือว่า
มีค่าพีอีต่อกำไรสุทธิ (PEG) ค่อนข้างต่ำเพียง 0.4 เท่า เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่มี PEG อยู่ที่ 0.8 เท่า ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยจึงมี
ความน่าสนใจกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค (โลกวันนี้, ไทยโพสต์, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เงินยูโรเมื่อเทียบต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าทำสถิติสูงสุดเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น รายงานจากลอนดอน เมื่อ
วันที่ 16 เม.ย. 51 ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในเดือน มี.ค. ที่ทางการยุโรปเปิดเผยทำสถิติสูงสุดที่ร้อยละ 3.6 เนื่องจากการสูงขึ้นของ
ราคาอาหารและพลังงาน ยิ่งเพิ่มแรงสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธ.กลางยุโรปจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากปัจจุบันที่
ร้อยละ 4.0 เนื่องจากความวิตกเรื่องผลกระทบต่อเสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้เมื่อวานนี้เงินยูโรเมื่อเทียบต่อเงินดอลลาร์ สรอ.
แข็งค่าขึ้นร้อยละ 1.0 อยู่ที่ 1.5967 ดอลลาร์ สรอ. ต่อ 1 ยูโร ทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มใช้เงินสกุลยูโรในปี 42 ซึ่งปัจจุบันแข็งค่าขึ้น
เกือบร้อยละ 90 นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 43 ขณะที่ Lee Hardman นักเศรษฐศาสตร์จาก BMT UFJ คาดว่าทางการยุโรปจะดำเนินนโยบาย
การเงินอย่างเข้มงวดต่อไปเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่มีการคาดการณ์กันว่า ธ.กลางสรอ.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
อีกร้อยละ 0.25 อยู่ที่ร้อยละ 2.0 เพื่อพยายามผ่อนคลายปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากผลกระทบวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
2. องค์การการค้าโลกหรือ WTO คาดว่ายอดการค้าทั่วโลกในปีนี้จะขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 6 ปี รายงานจากเจนีวา
เมื่อ 17 เม.ย.51 องค์การการค้าโลกหรือ WTO คาดว่ายอดการค้าทั่วโลกในปีนี้จะขยายตัวเพียงร้อยละ 4.5 ต่ำสุดในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่
ปี 45 หลังจากขยายตัวร้อยละ 5.5 ในปี 50 และร้อยละ 8.5 ในปี 49 โดย WTO คาดว่าความวุ่นวายในตลาดการเงินทั่วโลกจะส่ง
ผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการค้าโลก ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวข้างต้นของ WTO ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าผลผลิตทั่วโลกในปีนี้จะขยายตัว
ร้อยละ 2.6 โดยคาดว่าผลผลิตโดยรวมของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะขยายตัวร้อยละ 1.1 ในขณะที่คาดว่าผลผลิตของกลุ่มประเทศกำลัง
พัฒนาจะขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าคือมากกว่าร้อยละ 5.0 โดยในปี 50 ที่ผ่านมายอดการค้ารวมของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 34 ของมูลค่าการค้าทั่วโลก และคาดว่าในปีนี้ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและ CIS ซึ่งประกอบด้วยประเทศ
รัสเซียและประเทศที่เคยอยู่ในสาธารณรัฐโซเวียตเดิมจะมีส่วนในการขยายตัวของยอดนำเข้ามากกว่าครึ่งของยอดนำเข้าทั่วโลก (รอยเตอร์)
3. เกาหลีใต้เห็นชอบให้ผ่อนคลายข้อจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจาก สรอ. รายงานจากโซล เมื่อวันที่ 18 เม.ย.51 ก.เกษตร
ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า รัฐบาลเกาหลีใต้เห็นชอบให้มีการผ่อนคลายข้อจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจาก สรอ. เพื่อเป็นการขจัดอุปสรรคในการ
ลงนามข้อตกลงทางการค้ากับ สรอ. โดยทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
นับตั้งแต่ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือมีผลบังคับใช้ในปี 2537 ซึ่งฝ่ายกฎหมายของ สรอ. กล่าวว่าการจัดทำข้อตกลงทางการค้า
ดังกล่าวระหว่างเกาหลีใต้กับ สรอ. ที่หยุดชะงักมาประมาณ 1 ปีแล้วอาจจะสามารถตกลงกันได้ถ้าเกาหลีใต้เปิดตลาดเต็มที่ให้มีการนำเข้า
เนื้อวัวจาก สรอ. ปัจจุบันเกาหลีใต้นำเข้าเฉพาะเนื้อไม่มีกระดูกจากวัวที่มีอายุน้อยกว่า 30 เดือน ขณะที่ สรอ. ยืนยันให้เกาหลีใต้เปิดตลาด
เต็มที่ในการนำเข้าเนื้อวัวจาก สรอ. (รอยเตอร์)
4. ยอดส่งออกของสิงคโปร์ในเดือน มี.ค.51 ลดลงร้อยละ 2.6 ต่อเดือนผิดจากที่คาดไว้ รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ
17 เม.ย.51 สนง.ตัวแทนการค้าระหว่างประเทศของสิงคโปร์รายงานยอดส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันของสิงคโปร์ซึ่งเป็นสินค้าที่ผ่านกระบวน
การผลิตหรือประกอบในสิงคโปร์ เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่วนประกอบสำคัญของยาที่มียอดจำหน่ายสูงมีมูลค่ารวม
14.3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 10.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในเดือน มี.ค.51 ลดลงร้อยละ 2.6 ต่อเดือนและร้อยละ 5.9 ต่อปี
หลังจากลดลงร้อยละ 1.4 ต่อเดือนแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบต่อปีในเดือนก่อน ผิดจากที่ผลสำรวจรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.0 ต่อเดือนแต่ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบต่อปี ผลจากยอดส่งออกไปยังตลาดสำคัญในยุโรปและ สรอ.ลดลง โดยยอดส่งออกไปยัง
สรอ.ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ยอดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ลดลงร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบต่อปี ในขณะที่ยอดส่งออกยาและผลิตภัณฑ์
ปิโตรเคมีลดลงร้อยละ 34.1 และ 11.8 ต่อปีตามลำดับ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 เม.ย. 51 17 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.430 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.2241/31.5664 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 845.43/28.15 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,950/14,050 14,000/14,100 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 106.17 104.43 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 35.09*/31.24** 35.09*/31.24** 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 9 เม.ย.51
**ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 11 เม.ย. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--