แท็ก
ธปท.
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ผลประกอบการของ ธ.พาณิชย์ในไตรมาสแรกปีนี้ดีกว่าไตรมาสก่อน นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบัน
การเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. พอใจกับผลประกอบการไตรมาสแรกปี 51 ของระบบ ธ.พาณิชย์ที่ส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานดีกว่า
ไตรมาสก่อน เนื่องจากธนาคารแต่ละแห่งมีการกันเงินสำรองตามมาตรฐานบัญชีการเงินระหว่างประเทศครบตามจำนวนที่ ธปท. กำหนดแล้ว
ซึ่งเชื่อว่าต่อไปการดำเนินธุรกิจของธนาคารจะเป็นไปตามปกติโดยเฉพาะการขยายสินเชื่อโดยรวม สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะต่อไป
คือการดำเนินธุรกิจของ ธ.พาณิชย์ที่เริ่มเน้นปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากขึ้น แม้จะมีความระมัดระวังโดยมีการบริหาร
ความเสี่ยงและตรวจสอบคุณภาพการปล่อยสินเชื่อ แต่การแข่งขันในตลาดมีมากขึ้น ซึ่ง ธปท. กำลังศึกษาว่าเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี
ที่ดีควรมีมาตรฐานอย่างไร นอกเหนือจากที่ธนาคารจะมีการวิเคราะห์ การประเมินหลักประกัน หรือการพิจารณาโครงการ รวมทั้งการจัด
เรตติ้งของผู้ขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งอย่างน้อยระบบโดยรวมควรมีมาตรฐานการปล่อยกู้ธุรกิจเอสเอ็มอีในทิศทางเดียวกัน
(ไทยรัฐ, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. สถาบันการเงินของของรัฐตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวมปีนี้ 1.04 ล้านล้านบาท นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผอ.สนง.คณะกรรมการ
นโยบายรัฐวิสาหกิจ กล่าวว่า ในปีนี้สถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวม 1.04 ล้านล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตามนโยบายของรัฐบาล โดยแบ่งเป็นของ ธ.ออมสิน 4.95 แสนล้านบาท ธ.กรุงไทย 2 แสนล้านบาท ธกส. 1.2 แสนล้าน ธอส.
9.5 หมื่นล้านบาท ธ.พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางฯ 6.13 หมื่นล้านบาท ธ.เพื่อการส่งออกและนำเข้าฯ 5.85 หมื่นล้านบาท และ ธ.อิสลามฯ
1.55 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ สถาบันการเงินของรัฐได้ขอเพิ่มทุนจาก ก.คลังรวม 2.09 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ขยายฐานปล่อยสินเชื่อตาม
นโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ธนาคารของรัฐเป็นเครื่องมือในการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า,
บ้านเมือง)
3. ปตท. คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะสูงขึ้นถึงลิตรละ 35 บาท และเบนซินลิตรละ 38 — 40 บาท นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์
รอง กก.ผจก.ใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ. ปตท. เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกนับจากนี้ไปยังถือเป็นวิกฤติราคาน้ำมัน
สำหรับประเทศผู้นำเข้าน้ำมันทั่วโลก เพราะราคาตลาดโลกยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจะสูงถึง
ลิตรละ 35 บาท และเบนซินลิตรละ 38 — 40 บาท หากราคาตลาดโลกยังคงผันผวนต่อเนื่องไปอีก 1 — 2 เดือนข้างหน้า เพราะเมื่อ
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเพิ่มขึ้นทุก ๆ 1 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันในประเทศก็ต้องปรับขึ้น 25 สตางค์ ต่อลิตร ซึ่ง ปตท.
มีความเป็นห่วงว่าราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์อาจปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 140 — 150 ดอลลาร์ สรอ. หากเกิดสถานการณ์ผิดปกตินอกเหนือ
ไปจากขณะนี้ เช่น สงครามในตะวันออกกลาง หรือสภาพอากาศที่หนาวจัดใน สรอ. อาจยาวนานขึ้นในกลางปีนี้ เป็นต้น ทั้งนี้ ปตท. มองว่า
สาเหตุที่ราคาน้ำมันตลาดโลกจะยังไม่ลดลงในเร็ว ๆ นี้ เพราะปริมาณสำรองน้ำมันดิบใน สรอ. มีปริมาณเหลือเพียง 150 ล้านบาร์เรล
จากปกติจะมีปริมาณสำรองสูงถึง 200 ล้านบาร์เรล จึงมีโอกาสที่ สรอ. อาจต้องกว้านซื้อน้ำมันเข้าไปสำรองในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้
ระดับราคายังไม่ลดลงมากนัก (ไทยรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
4. ยอกเบิก งปม. ช่วง 6 เดือนแรกต่ำกว่าเป้า นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง
เปิดเผยว่า การเบิกจ่าย งปม. ประจำเดือน มี.ค.51 ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินรวม 113,533 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 6.84 ของวงเงิน งปม. 1,660,000 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.32 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ
100,423 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.57 ขอวงเงิน งปม.รายจ่ายประจำ 1,327,071 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.05 และรายจ่ายลงทุน
13,110 ล้านบาทท หรือร้อยละ 3.94 ของวงเงิน งปม.รายจ่ายลงทุน 332,929 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.49 สำหรับการเบิกจ่าย
ช่วงไตรมาส 2/51 มีการเบิกจ่ายเงินทั้งสิ้น 726,978 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.79 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.39 แต่ต่ำกว่าเป้าหมายการ
เบิกจ่ายร้อยละ 2.21 ซึ่งแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 5965,483 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.87 ของวงเงิน งปม.รายจ่ายประจำ
1,327,071 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.04 ส่วนรายจ่ายลงทุนมี 131,495 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.50 ของวงเงิน งปม.รายจ่าย
ลงทุน 332,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.62 ทั้งนี้ หน่วยงานที่มีการเบิกจ่ายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สภากาชาดไทย หน่วยงาน
อิสระตามรัฐธรรมนูญ และรัฐวิสาหกิจ ที่มีการเบิกจ่ายร้อยละ 80.75, ร้อยละ 73.79 และร้อยละ 61.83 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม
ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการเบิกจ่ายไม่ให้ต่ำหรือสูงจนเกิน (บ้านเมือง)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ของอังกฤษอาจพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าร้อยละ 3.0 ต่อปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ 17 เม.ย.51 หัวหน้า
นักเศรษฐศาสตร์ของ ธ.กลางอังกฤษให้ความเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ของอังกฤษอาจสูงขึ้นเกินกว่าร้อยละ 3.0 ต่อปีซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย
เงินเฟ้อของ ธ.กลางอังกฤษที่ต้องการรักษาระดับอัตราเงินเฟ้อไว้ไม่ให้เกินร้อยละ 2.0 ต่อปี ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาอาหารและพลังงาน
ที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ ค่าเงินปอนด์ที่ลดลงถึงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.ตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้วยังส่งผลให้สินค้านำเข้ามีราคา
สูงขึ้นซึ่งมีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน(รอยเตอร์)
2. ราคาบ้านของอังกฤษในเดือน เม.ย.51 ขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 48 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 21 เม.ย.51
Rightmove เปิดเผยผลการสำรวจการขยายตัวของราคาบ้าน (อัตราต่อปี) ในอังกฤษและเวลส์ในเดือน เม.ย.51 ว่า ขยายตัวร้อยละ 1.3
ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 5.0 และเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 48 เป็นต้นมา โดยมีสาเหตุหลักจากการ
ที่ราคาบ้าน (อัตราต่อเดือน) ในเดือน เม.ย.ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย.45 โดยขยายตัวเพียงร้อยละ 2.8 ประกอบกับ
ตลาดบ้านของอังกฤษได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยของตลาดสินเชื่อโลก ทั้งนี้ จากผลการสำรวจความคิดเห็นของชาวอังกฤษจากหลายสถาบัน
แสดงให้เห็นว่าภาวะการชะลอตัวของราคาบ้านได้ขยายตัวอย่างกว้างขวางในรอบ 30 ปี อาทิ ผลการสำรวจของ Halifax ซึ่งเป็นสถาบัน
ด้านการให้สินเชื่อจำนองอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษ ที่เปิดเผยว่าราคาบ้านในเดือน มี.ค.ขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงภาวะเศรษฐกิจ
ถดถอยในต้นปี 2533 เป็นต้นมา (รอยเตอร์)
3. คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวชะลอลงเหลือร้อยละ 1.2 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 51
ทางการเยอรมนีคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ 1.2 แต่มิได้คาดการณ์สำหรับปีหน้าแต่อย่างใด ขณะที่ คณะกรรมการ
leading economic institutes ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือร้อยละ 1.8 จากประมาณการเดิมที่
ร้อยละ 2.2 พร้อมทั้งคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปีหน้าว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.4 ทั้งนี้ตัวเลขของทางการจะประกาศ
ภายหลังจากตัวเลขของ leading economic institutes และมักจะใช้ตัวเลขดังกล่าวประกอบการพิจารณาด้วย ที่ผ่านมาการส่งออก
ของเยอรมนีได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอประกอบกับการใช้จ่ายชะลอตัวลง ก่อนหน้านั้น รมว. เศรษฐกิจของเยอรมนี
คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงเริ่มต้นปีนี้ เนื่องจากมีการพัฒนาในภาคการก่อสร้างและอุตสาหกรรม และในระยะต่อไป
เศรษฐกิจจะเติบโตอย่างปานกลาง (รอยเตอร์)
4. จีนต้องป้องกันเพื่อมิให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 51 นาย Du Jinfu ผู้ช่วยผู้ว่าการ
ธ.กลางจีนกล่าวว่า จีนมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องควบคุมภาวะเงินเฟ้อมิให้สูงขึ้น เนื่องจากมีแรงกดดันเงินเฟ้อที่เกิดจากการสูงขึ้นของ
ราคาอาหารและผลิตภัณฑ์อื่นๆ แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคที่บ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อในเดือน มี.ค. จะชะลอลงแล้วก็ตาม โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือน มี.ค.
อยู่ที่ร้อยละ 8.3 ชะลอลงจากร้อยละ 8.7 ในเดือน ก.พ. อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้วสูงขึ้นถึงร้อยละ 21.4 ทำสถิติ
สูงที่สุดในรอบเกือบ 12 ปี นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเห็นว่าการสูงขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาสินค้าหน้าโรงงานในเดือน มี.ค. ที่เพิ่มขึ้นถึง
ร้อยละ 8.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เป็นสัญญานว่ามีแรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและกำลังจะมาถึง ดังนั้นจึงมิได้เป็นเหตุผลที่ผู้ดำเนิน
นโยบายการเงิน ธ.กลางจะใช้เป็นเหตุผลในการผ่อนปรนนโยบายการเงินได้ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อเป็นประเด็นสำคัญ และเป็นความเสี่ยงต่อ
เสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ทางการจึงต้องระมัดระวังการสูงขึ้นของราคาในหมวดสินค้าที่มิใช่อาหารด้วย (รอยเตอร์)
5. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสแรกปี 51 ลดลงต่ำสุดในรอบ 5 ปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ 18 เม.ย.51
The Cabinet Office เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคญี่ปุ่น (หลังปรับฤดูกาล) ซึ่งรวมความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้ม
ด้านรายได้และภาวะแรงงาน ในช่วงไตรมาสแรกปี 51 ว่า ลดลงที่ระดับ 36.5 จากระดับ 38.8 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการ
ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 46 สำหรับดัชนี (ก่อนปรับฤดูกาล) ในเดือน มี.ค.51 เพิ่มขึ้นที่ระดับ 36.7
จากระดับ 36.1 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 เม.ย. 51 18 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.426 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.2077/31.5431 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 845.40/21.11 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,750/13,850 13,950/14,050 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 105.46 106.17 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 35.59*/31.74* 35.09/31.24 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 19 เม.ย.51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ผลประกอบการของ ธ.พาณิชย์ในไตรมาสแรกปีนี้ดีกว่าไตรมาสก่อน นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบัน
การเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. พอใจกับผลประกอบการไตรมาสแรกปี 51 ของระบบ ธ.พาณิชย์ที่ส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานดีกว่า
ไตรมาสก่อน เนื่องจากธนาคารแต่ละแห่งมีการกันเงินสำรองตามมาตรฐานบัญชีการเงินระหว่างประเทศครบตามจำนวนที่ ธปท. กำหนดแล้ว
ซึ่งเชื่อว่าต่อไปการดำเนินธุรกิจของธนาคารจะเป็นไปตามปกติโดยเฉพาะการขยายสินเชื่อโดยรวม สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะต่อไป
คือการดำเนินธุรกิจของ ธ.พาณิชย์ที่เริ่มเน้นปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากขึ้น แม้จะมีความระมัดระวังโดยมีการบริหาร
ความเสี่ยงและตรวจสอบคุณภาพการปล่อยสินเชื่อ แต่การแข่งขันในตลาดมีมากขึ้น ซึ่ง ธปท. กำลังศึกษาว่าเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี
ที่ดีควรมีมาตรฐานอย่างไร นอกเหนือจากที่ธนาคารจะมีการวิเคราะห์ การประเมินหลักประกัน หรือการพิจารณาโครงการ รวมทั้งการจัด
เรตติ้งของผู้ขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งอย่างน้อยระบบโดยรวมควรมีมาตรฐานการปล่อยกู้ธุรกิจเอสเอ็มอีในทิศทางเดียวกัน
(ไทยรัฐ, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. สถาบันการเงินของของรัฐตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวมปีนี้ 1.04 ล้านล้านบาท นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผอ.สนง.คณะกรรมการ
นโยบายรัฐวิสาหกิจ กล่าวว่า ในปีนี้สถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวม 1.04 ล้านล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตามนโยบายของรัฐบาล โดยแบ่งเป็นของ ธ.ออมสิน 4.95 แสนล้านบาท ธ.กรุงไทย 2 แสนล้านบาท ธกส. 1.2 แสนล้าน ธอส.
9.5 หมื่นล้านบาท ธ.พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางฯ 6.13 หมื่นล้านบาท ธ.เพื่อการส่งออกและนำเข้าฯ 5.85 หมื่นล้านบาท และ ธ.อิสลามฯ
1.55 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ สถาบันการเงินของรัฐได้ขอเพิ่มทุนจาก ก.คลังรวม 2.09 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ขยายฐานปล่อยสินเชื่อตาม
นโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ธนาคารของรัฐเป็นเครื่องมือในการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า,
บ้านเมือง)
3. ปตท. คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะสูงขึ้นถึงลิตรละ 35 บาท และเบนซินลิตรละ 38 — 40 บาท นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์
รอง กก.ผจก.ใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ. ปตท. เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกนับจากนี้ไปยังถือเป็นวิกฤติราคาน้ำมัน
สำหรับประเทศผู้นำเข้าน้ำมันทั่วโลก เพราะราคาตลาดโลกยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจะสูงถึง
ลิตรละ 35 บาท และเบนซินลิตรละ 38 — 40 บาท หากราคาตลาดโลกยังคงผันผวนต่อเนื่องไปอีก 1 — 2 เดือนข้างหน้า เพราะเมื่อ
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเพิ่มขึ้นทุก ๆ 1 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันในประเทศก็ต้องปรับขึ้น 25 สตางค์ ต่อลิตร ซึ่ง ปตท.
มีความเป็นห่วงว่าราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์อาจปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 140 — 150 ดอลลาร์ สรอ. หากเกิดสถานการณ์ผิดปกตินอกเหนือ
ไปจากขณะนี้ เช่น สงครามในตะวันออกกลาง หรือสภาพอากาศที่หนาวจัดใน สรอ. อาจยาวนานขึ้นในกลางปีนี้ เป็นต้น ทั้งนี้ ปตท. มองว่า
สาเหตุที่ราคาน้ำมันตลาดโลกจะยังไม่ลดลงในเร็ว ๆ นี้ เพราะปริมาณสำรองน้ำมันดิบใน สรอ. มีปริมาณเหลือเพียง 150 ล้านบาร์เรล
จากปกติจะมีปริมาณสำรองสูงถึง 200 ล้านบาร์เรล จึงมีโอกาสที่ สรอ. อาจต้องกว้านซื้อน้ำมันเข้าไปสำรองในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้
ระดับราคายังไม่ลดลงมากนัก (ไทยรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
4. ยอกเบิก งปม. ช่วง 6 เดือนแรกต่ำกว่าเป้า นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง
เปิดเผยว่า การเบิกจ่าย งปม. ประจำเดือน มี.ค.51 ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินรวม 113,533 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 6.84 ของวงเงิน งปม. 1,660,000 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.32 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ
100,423 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.57 ขอวงเงิน งปม.รายจ่ายประจำ 1,327,071 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.05 และรายจ่ายลงทุน
13,110 ล้านบาทท หรือร้อยละ 3.94 ของวงเงิน งปม.รายจ่ายลงทุน 332,929 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.49 สำหรับการเบิกจ่าย
ช่วงไตรมาส 2/51 มีการเบิกจ่ายเงินทั้งสิ้น 726,978 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.79 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.39 แต่ต่ำกว่าเป้าหมายการ
เบิกจ่ายร้อยละ 2.21 ซึ่งแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 5965,483 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.87 ของวงเงิน งปม.รายจ่ายประจำ
1,327,071 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.04 ส่วนรายจ่ายลงทุนมี 131,495 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.50 ของวงเงิน งปม.รายจ่าย
ลงทุน 332,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.62 ทั้งนี้ หน่วยงานที่มีการเบิกจ่ายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สภากาชาดไทย หน่วยงาน
อิสระตามรัฐธรรมนูญ และรัฐวิสาหกิจ ที่มีการเบิกจ่ายร้อยละ 80.75, ร้อยละ 73.79 และร้อยละ 61.83 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม
ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการเบิกจ่ายไม่ให้ต่ำหรือสูงจนเกิน (บ้านเมือง)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ของอังกฤษอาจพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าร้อยละ 3.0 ต่อปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ 17 เม.ย.51 หัวหน้า
นักเศรษฐศาสตร์ของ ธ.กลางอังกฤษให้ความเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ของอังกฤษอาจสูงขึ้นเกินกว่าร้อยละ 3.0 ต่อปีซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย
เงินเฟ้อของ ธ.กลางอังกฤษที่ต้องการรักษาระดับอัตราเงินเฟ้อไว้ไม่ให้เกินร้อยละ 2.0 ต่อปี ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาอาหารและพลังงาน
ที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ ค่าเงินปอนด์ที่ลดลงถึงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.ตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้วยังส่งผลให้สินค้านำเข้ามีราคา
สูงขึ้นซึ่งมีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน(รอยเตอร์)
2. ราคาบ้านของอังกฤษในเดือน เม.ย.51 ขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 48 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 21 เม.ย.51
Rightmove เปิดเผยผลการสำรวจการขยายตัวของราคาบ้าน (อัตราต่อปี) ในอังกฤษและเวลส์ในเดือน เม.ย.51 ว่า ขยายตัวร้อยละ 1.3
ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 5.0 และเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 48 เป็นต้นมา โดยมีสาเหตุหลักจากการ
ที่ราคาบ้าน (อัตราต่อเดือน) ในเดือน เม.ย.ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย.45 โดยขยายตัวเพียงร้อยละ 2.8 ประกอบกับ
ตลาดบ้านของอังกฤษได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยของตลาดสินเชื่อโลก ทั้งนี้ จากผลการสำรวจความคิดเห็นของชาวอังกฤษจากหลายสถาบัน
แสดงให้เห็นว่าภาวะการชะลอตัวของราคาบ้านได้ขยายตัวอย่างกว้างขวางในรอบ 30 ปี อาทิ ผลการสำรวจของ Halifax ซึ่งเป็นสถาบัน
ด้านการให้สินเชื่อจำนองอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษ ที่เปิดเผยว่าราคาบ้านในเดือน มี.ค.ขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงภาวะเศรษฐกิจ
ถดถอยในต้นปี 2533 เป็นต้นมา (รอยเตอร์)
3. คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวชะลอลงเหลือร้อยละ 1.2 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 51
ทางการเยอรมนีคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ 1.2 แต่มิได้คาดการณ์สำหรับปีหน้าแต่อย่างใด ขณะที่ คณะกรรมการ
leading economic institutes ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือร้อยละ 1.8 จากประมาณการเดิมที่
ร้อยละ 2.2 พร้อมทั้งคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปีหน้าว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.4 ทั้งนี้ตัวเลขของทางการจะประกาศ
ภายหลังจากตัวเลขของ leading economic institutes และมักจะใช้ตัวเลขดังกล่าวประกอบการพิจารณาด้วย ที่ผ่านมาการส่งออก
ของเยอรมนีได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอประกอบกับการใช้จ่ายชะลอตัวลง ก่อนหน้านั้น รมว. เศรษฐกิจของเยอรมนี
คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงเริ่มต้นปีนี้ เนื่องจากมีการพัฒนาในภาคการก่อสร้างและอุตสาหกรรม และในระยะต่อไป
เศรษฐกิจจะเติบโตอย่างปานกลาง (รอยเตอร์)
4. จีนต้องป้องกันเพื่อมิให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 51 นาย Du Jinfu ผู้ช่วยผู้ว่าการ
ธ.กลางจีนกล่าวว่า จีนมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องควบคุมภาวะเงินเฟ้อมิให้สูงขึ้น เนื่องจากมีแรงกดดันเงินเฟ้อที่เกิดจากการสูงขึ้นของ
ราคาอาหารและผลิตภัณฑ์อื่นๆ แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคที่บ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อในเดือน มี.ค. จะชะลอลงแล้วก็ตาม โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือน มี.ค.
อยู่ที่ร้อยละ 8.3 ชะลอลงจากร้อยละ 8.7 ในเดือน ก.พ. อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้วสูงขึ้นถึงร้อยละ 21.4 ทำสถิติ
สูงที่สุดในรอบเกือบ 12 ปี นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเห็นว่าการสูงขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาสินค้าหน้าโรงงานในเดือน มี.ค. ที่เพิ่มขึ้นถึง
ร้อยละ 8.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เป็นสัญญานว่ามีแรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและกำลังจะมาถึง ดังนั้นจึงมิได้เป็นเหตุผลที่ผู้ดำเนิน
นโยบายการเงิน ธ.กลางจะใช้เป็นเหตุผลในการผ่อนปรนนโยบายการเงินได้ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อเป็นประเด็นสำคัญ และเป็นความเสี่ยงต่อ
เสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ทางการจึงต้องระมัดระวังการสูงขึ้นของราคาในหมวดสินค้าที่มิใช่อาหารด้วย (รอยเตอร์)
5. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสแรกปี 51 ลดลงต่ำสุดในรอบ 5 ปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ 18 เม.ย.51
The Cabinet Office เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคญี่ปุ่น (หลังปรับฤดูกาล) ซึ่งรวมความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้ม
ด้านรายได้และภาวะแรงงาน ในช่วงไตรมาสแรกปี 51 ว่า ลดลงที่ระดับ 36.5 จากระดับ 38.8 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการ
ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 46 สำหรับดัชนี (ก่อนปรับฤดูกาล) ในเดือน มี.ค.51 เพิ่มขึ้นที่ระดับ 36.7
จากระดับ 36.1 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 เม.ย. 51 18 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.426 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.2077/31.5431 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 845.40/21.11 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,750/13,850 13,950/14,050 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 105.46 106.17 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 35.59*/31.74* 35.09/31.24 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 19 เม.ย.51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--