ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. ปรับเพิ่มจีดีพีปีนี้เป็นร้อยละ 4.8 - 6.0 น.ส.ดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท.
แถลงรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือน เม.ย.51 ว่า ธปท. ได้ปรับเพิ่มประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.8 — 6.0
จากเดิมร้อยละ 4.5 - 6.0 อันเป็นผลจากมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวมากขึ้นเนื่องจากราคาสินค้าเกษตรส่งออกเพิ่มสูงขึ้นมาก ขณะที่องค์
ประกอบด้านอื่นขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ครั้งก่อน ส่วนปี 52 คงประมาณการไว้ที่ร้อยละ 4.5 — 6.0 สำหรับรายละเอียดที่ได้
ทบทวนข้อมูลประกอบด้วย การอุปโภคบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5 — 6 ลดลงจากเดิมร้อยละ 6.5 — 7.5 การลงทุนภาครัฐ
คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.5 — 7.5 ลดลงจากเดิมร้อยละ 8 — 9 เนื่องจาก งปม.ปี 51 ส่วนหนึ่งได้เร่งเบิกจ่ายตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 50
แล้วจึงทำให้ งปม.ที่เหลือสำหรับปีนี้ลดลง ส่วนการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.5 — 5.5 และ
ร้อยละ 9 — 10 เท่ากับที่ประมาณการไว้เดิม ด้านเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4 — 5 และเงินเฟ้อพื้นฐานร้อยละ 1.5 — 2.5
โดยมีโอกาสเพียงร้อยละ 1 ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะขยายตัวสูงกว่ากรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่ร้อยละ 0 — 3.5 โดยอัตราเงินเฟ้อ
จะเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เพราะฐานที่สูงในปีก่อน และราคาน้ำมันรวมถึงราคาสินค้าที่เร่งตัวในช่วงนี้ไม่ได้เป็นปัจจัยที่ถาวร
(มติชน, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, แนวหน้า)
2. การส่งออกเดือน มี.ค. ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 มูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ
ปลัด ก.พาณิชย์ แถลงมูลค่าการส่งออกและนำเข้าเดือน มี.ค.51 ว่า ไทยกลับมาเกินดุลการค้าอีกครั้งมูลค่า 160 ล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจาก
เดือน ม.ค. และ ก.พ. ขาดดุลการค้า 653 ล้านดอลลาร์ สรอ. และ 689 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ ทำให้ช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้
ไทยยังขาดดุลการค้า 1,182.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 50 ที่ไทยเกินดุลการค้า 3,457.4 ล้านดอลลาร์ สรอ.
โดยการส่งออกในเดือน มี.ค. มีมูลค่า 14,764.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 14,604.7 ล้านดอลลาร์
สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.68 ซึ่งการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากสินค้าเกษตรโดยรวมขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 32 โดยเฉพาะข้าว เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 143.8 ขณะที่สินค้านำเข้าหลักยังเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.7 ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งออกยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นและเกินตัวเลข
เป้าหมายส่งออกทั้งปี โดย 3 เดือนแรกขยายตัวร้อยละ 20.8 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 12.5 โดยตลาดหลักยังขยายตัวได้สูงร้อยละ 11.7
ตลาดใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.4 ซึ่งกรมส่งเสริมการส่งอออกได้เตรียมยุทธศาสตร์ในการผลักดันสินค้าและตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุ
ตามเป้าหมายที่วางไว้ (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ครม. อนุมัติเพิ่มเติมมาตรการลดภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนัก นรม.
เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 22 เม.ย. มีมติเห็นชอบเพิ่มเติมมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและการจำนอง
อสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมถึงธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของประชาชนที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน โดยจะลดค่าธรรมเนียม
จดทะเบียนโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 และ 1 เหลือร้อยละ 0.01 ครอบคลุมในประเภทของบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์
อาคารพาณิชย์ และบ้านมือสองที่อยู่ในและนอกโครงการจัดสรร ซึ่งต้องมีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไม่เกิน 1 ไร่ ทั้งนี้ การลดหย่อนค่าธรรมเนียม
ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 28 มี.ค.52 เพื่อให้มีระยะเวลาสิ้นสุดสอดคล้องกับมาตรการ
ภาษีเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 มี.ค.51 (มติชน)
4. ก.คลังเร่งเบิกจ่าย งปม. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รอง นรม. และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงแนวทาง
ในการผลักดันเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจว่า จะมุ่งเน้นให้มีการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงเร่ง
ผลักดันงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินจำนวนมาก โดยจะเชิญผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจ 60 แห่ง มาร่วมประชุมในวันที่ 30 เม.ย.นี้
เพื่อมอบนโยบายเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันมากขึ้น ทั้งนี้
การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในไตรมาสแรกกลุ่มที่เบิกจ่ายล่าช้ามากคือ การเคหะแห่งชาติ เพราะถูกยกเลิกการก่อสร้างหลายโครงการ
ขณะที่โรงงานยาสูบเบิกจ่ายต่ำสุด 140 ล้านบาท จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด 4,950 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้าง
โรงงานยาสูบแห่งใหม่ เป็นต้น (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านมือสองของ สรอ.ในเดือน มี.ค.51 ลดลงร้อยละ 2 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 22 เม.ย.51 The National
Association of Realtors เปิดเผยยว่า ยอดขายบ้านมือสองของ สรอ.ในเดือน มี.ค.51 มีจำนวน 4.93 ล้านหลัง ลดลงร้อยละ 2
จากเดือนก่อนหน้าที่มีจำนวน 5.03 ล้านหลัง ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ขณะที่จำนวนบ้านที่มีอยู่เพื่อรอการขายเพิ่มขึ้น
เป็นจำนวน 4.06 ล้านหลัง และระยะเวลาที่ต้องใช้เพื่อการขายบ้านคงค้างดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่ 9.9 เดือน ทั้งนี้ การที่ตลาดบ้านมือสองของ
สรอ.มีทิศทางชะลอตัว มีสาเหตุหลักจากวิกฤตการณ์ด้านสินเชื่อของ สรอ. ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และ
เป็นปัจจัยด้านลบที่ส่งผลต่อภาวะซบเซาของเศรษฐกิจ สรอ. (รอยเตอร์)
2. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 22 เม.ย.51 ดัชนีชี้วัด
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.จากผลสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันประมาณ 1,000 คนในช่วงระยะเวลา 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20
เม.ย.51 โดย ABC News ร่วมกับ Washington Post ลดลงมาอยู่ที่ระดับ -40 จากระดับ -39 ในสัปดาห์ก่อน ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.36
โดยเป็นผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อในตลาดการเงินและตลาดบ้าน รวมถึงราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยในสัปดาห์นี้ราคาขายปลีกน้ำมันตามปั๊มได้เพิ่มขึ้น
มาอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.51 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอน เพิ่มขึ้น 12 เซนต์จากสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ใช้ดัชนีชี้วัด
ความเชื่อมั่นดังกล่าวเป็นเครื่องชี้วัดการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของผลผลิตรวมในประเทศของ สรอ.(รอยเตอร์)
3. ตลาดบ้านใน สรอ.มีแนวโน้มชะลอตัวลงตลอดช่วงปีนี้ รายงานจากมอนเทอเรย์ เม็กซิโก เมื่อ 22 เม.ย.51 Cemex ซึ่งเป็น
บริษัทผลิตปูนซิเมนต์และปูนซิเมนต์ผสมเสร็จที่ใหญ่ที่สุดใน สรอ.และใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกคาดว่าความต้องการสินค้าของบริษัทเพื่อใช้ในการ
ก่อสร้างที่พักอาศัยใน สรอ.จะลดลงประมาณร้อยละ 24 ในปีนี้ โดย Cemex คาดว่าในปีนี้ปริมาณการขายปูนซิเมนต์ในตลาด สรอ.จะลดลง
ประมาณร้อยละ 9 ในขณะที่คาดว่าปริมาณการขายปูนซิเมนต์สำเร็จรูปจะลดลงประมาณร้อยละ 13 และปริมาณการขายวัสดุก่อสร้างอื่นเช่น
กรวดและทรายจะลดลงประมาณร้อยละ 10 ทั้งนี้ Cemex ซึ่งดำเนินกิจการในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาความต้องการสินค้า
ของบริษัทในตลาดที่พักอาศัยลดลงจากผลกระทบของปัญหาซับไพร์มซึ่งกำลังผลักให้เศรษฐกิจ สรอ.เข้าสู่ภาวะถดถอยในขณะนี้ (รอยเตอร์)
4. ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รายงานจากโรมเมื่อ 22 เม.ย.51 ผู้อำนวยการ
บริหาร The International Energy Agency (IAEA) กล่าวในการสัมมนาด้านพลังงานระหว่างประเทศที่กรุงโรม โดยเขาเชื่อว่า การที่
ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นจนปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 118 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล อาจเป็นสาเหตุให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะชะลอตัวได้ เนื่องจาก
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ความต้องการลดลง ซึ่งปัจจุบันได้เกิดขึ้น และจะส่งผลกระทบด้านลบต่อเนื่องไปยังการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 เม.ย. 51 22 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.493 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.2757/31.6128 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 850.02/22.67 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,700/13,800 13,700/13,800 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 107.38 107.43 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 36.09*/32.44* 35.59*/32.44* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 23 เม.ย.51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. ปรับเพิ่มจีดีพีปีนี้เป็นร้อยละ 4.8 - 6.0 น.ส.ดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท.
แถลงรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือน เม.ย.51 ว่า ธปท. ได้ปรับเพิ่มประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.8 — 6.0
จากเดิมร้อยละ 4.5 - 6.0 อันเป็นผลจากมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวมากขึ้นเนื่องจากราคาสินค้าเกษตรส่งออกเพิ่มสูงขึ้นมาก ขณะที่องค์
ประกอบด้านอื่นขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ครั้งก่อน ส่วนปี 52 คงประมาณการไว้ที่ร้อยละ 4.5 — 6.0 สำหรับรายละเอียดที่ได้
ทบทวนข้อมูลประกอบด้วย การอุปโภคบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5 — 6 ลดลงจากเดิมร้อยละ 6.5 — 7.5 การลงทุนภาครัฐ
คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.5 — 7.5 ลดลงจากเดิมร้อยละ 8 — 9 เนื่องจาก งปม.ปี 51 ส่วนหนึ่งได้เร่งเบิกจ่ายตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 50
แล้วจึงทำให้ งปม.ที่เหลือสำหรับปีนี้ลดลง ส่วนการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.5 — 5.5 และ
ร้อยละ 9 — 10 เท่ากับที่ประมาณการไว้เดิม ด้านเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4 — 5 และเงินเฟ้อพื้นฐานร้อยละ 1.5 — 2.5
โดยมีโอกาสเพียงร้อยละ 1 ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะขยายตัวสูงกว่ากรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่ร้อยละ 0 — 3.5 โดยอัตราเงินเฟ้อ
จะเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เพราะฐานที่สูงในปีก่อน และราคาน้ำมันรวมถึงราคาสินค้าที่เร่งตัวในช่วงนี้ไม่ได้เป็นปัจจัยที่ถาวร
(มติชน, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, แนวหน้า)
2. การส่งออกเดือน มี.ค. ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 มูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ
ปลัด ก.พาณิชย์ แถลงมูลค่าการส่งออกและนำเข้าเดือน มี.ค.51 ว่า ไทยกลับมาเกินดุลการค้าอีกครั้งมูลค่า 160 ล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจาก
เดือน ม.ค. และ ก.พ. ขาดดุลการค้า 653 ล้านดอลลาร์ สรอ. และ 689 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ ทำให้ช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้
ไทยยังขาดดุลการค้า 1,182.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 50 ที่ไทยเกินดุลการค้า 3,457.4 ล้านดอลลาร์ สรอ.
โดยการส่งออกในเดือน มี.ค. มีมูลค่า 14,764.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 14,604.7 ล้านดอลลาร์
สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.68 ซึ่งการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากสินค้าเกษตรโดยรวมขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 32 โดยเฉพาะข้าว เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 143.8 ขณะที่สินค้านำเข้าหลักยังเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.7 ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งออกยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นและเกินตัวเลข
เป้าหมายส่งออกทั้งปี โดย 3 เดือนแรกขยายตัวร้อยละ 20.8 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 12.5 โดยตลาดหลักยังขยายตัวได้สูงร้อยละ 11.7
ตลาดใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.4 ซึ่งกรมส่งเสริมการส่งอออกได้เตรียมยุทธศาสตร์ในการผลักดันสินค้าและตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุ
ตามเป้าหมายที่วางไว้ (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ครม. อนุมัติเพิ่มเติมมาตรการลดภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนัก นรม.
เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 22 เม.ย. มีมติเห็นชอบเพิ่มเติมมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและการจำนอง
อสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมถึงธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของประชาชนที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน โดยจะลดค่าธรรมเนียม
จดทะเบียนโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 และ 1 เหลือร้อยละ 0.01 ครอบคลุมในประเภทของบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์
อาคารพาณิชย์ และบ้านมือสองที่อยู่ในและนอกโครงการจัดสรร ซึ่งต้องมีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไม่เกิน 1 ไร่ ทั้งนี้ การลดหย่อนค่าธรรมเนียม
ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 28 มี.ค.52 เพื่อให้มีระยะเวลาสิ้นสุดสอดคล้องกับมาตรการ
ภาษีเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 มี.ค.51 (มติชน)
4. ก.คลังเร่งเบิกจ่าย งปม. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รอง นรม. และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงแนวทาง
ในการผลักดันเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจว่า จะมุ่งเน้นให้มีการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงเร่ง
ผลักดันงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินจำนวนมาก โดยจะเชิญผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจ 60 แห่ง มาร่วมประชุมในวันที่ 30 เม.ย.นี้
เพื่อมอบนโยบายเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันมากขึ้น ทั้งนี้
การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในไตรมาสแรกกลุ่มที่เบิกจ่ายล่าช้ามากคือ การเคหะแห่งชาติ เพราะถูกยกเลิกการก่อสร้างหลายโครงการ
ขณะที่โรงงานยาสูบเบิกจ่ายต่ำสุด 140 ล้านบาท จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด 4,950 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้าง
โรงงานยาสูบแห่งใหม่ เป็นต้น (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านมือสองของ สรอ.ในเดือน มี.ค.51 ลดลงร้อยละ 2 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 22 เม.ย.51 The National
Association of Realtors เปิดเผยยว่า ยอดขายบ้านมือสองของ สรอ.ในเดือน มี.ค.51 มีจำนวน 4.93 ล้านหลัง ลดลงร้อยละ 2
จากเดือนก่อนหน้าที่มีจำนวน 5.03 ล้านหลัง ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ขณะที่จำนวนบ้านที่มีอยู่เพื่อรอการขายเพิ่มขึ้น
เป็นจำนวน 4.06 ล้านหลัง และระยะเวลาที่ต้องใช้เพื่อการขายบ้านคงค้างดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่ 9.9 เดือน ทั้งนี้ การที่ตลาดบ้านมือสองของ
สรอ.มีทิศทางชะลอตัว มีสาเหตุหลักจากวิกฤตการณ์ด้านสินเชื่อของ สรอ. ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และ
เป็นปัจจัยด้านลบที่ส่งผลต่อภาวะซบเซาของเศรษฐกิจ สรอ. (รอยเตอร์)
2. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 22 เม.ย.51 ดัชนีชี้วัด
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.จากผลสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันประมาณ 1,000 คนในช่วงระยะเวลา 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20
เม.ย.51 โดย ABC News ร่วมกับ Washington Post ลดลงมาอยู่ที่ระดับ -40 จากระดับ -39 ในสัปดาห์ก่อน ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.36
โดยเป็นผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อในตลาดการเงินและตลาดบ้าน รวมถึงราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยในสัปดาห์นี้ราคาขายปลีกน้ำมันตามปั๊มได้เพิ่มขึ้น
มาอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.51 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอน เพิ่มขึ้น 12 เซนต์จากสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ใช้ดัชนีชี้วัด
ความเชื่อมั่นดังกล่าวเป็นเครื่องชี้วัดการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของผลผลิตรวมในประเทศของ สรอ.(รอยเตอร์)
3. ตลาดบ้านใน สรอ.มีแนวโน้มชะลอตัวลงตลอดช่วงปีนี้ รายงานจากมอนเทอเรย์ เม็กซิโก เมื่อ 22 เม.ย.51 Cemex ซึ่งเป็น
บริษัทผลิตปูนซิเมนต์และปูนซิเมนต์ผสมเสร็จที่ใหญ่ที่สุดใน สรอ.และใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกคาดว่าความต้องการสินค้าของบริษัทเพื่อใช้ในการ
ก่อสร้างที่พักอาศัยใน สรอ.จะลดลงประมาณร้อยละ 24 ในปีนี้ โดย Cemex คาดว่าในปีนี้ปริมาณการขายปูนซิเมนต์ในตลาด สรอ.จะลดลง
ประมาณร้อยละ 9 ในขณะที่คาดว่าปริมาณการขายปูนซิเมนต์สำเร็จรูปจะลดลงประมาณร้อยละ 13 และปริมาณการขายวัสดุก่อสร้างอื่นเช่น
กรวดและทรายจะลดลงประมาณร้อยละ 10 ทั้งนี้ Cemex ซึ่งดำเนินกิจการในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาความต้องการสินค้า
ของบริษัทในตลาดที่พักอาศัยลดลงจากผลกระทบของปัญหาซับไพร์มซึ่งกำลังผลักให้เศรษฐกิจ สรอ.เข้าสู่ภาวะถดถอยในขณะนี้ (รอยเตอร์)
4. ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รายงานจากโรมเมื่อ 22 เม.ย.51 ผู้อำนวยการ
บริหาร The International Energy Agency (IAEA) กล่าวในการสัมมนาด้านพลังงานระหว่างประเทศที่กรุงโรม โดยเขาเชื่อว่า การที่
ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นจนปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 118 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล อาจเป็นสาเหตุให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะชะลอตัวได้ เนื่องจาก
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ความต้องการลดลง ซึ่งปัจจุบันได้เกิดขึ้น และจะส่งผลกระทบด้านลบต่อเนื่องไปยังการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 เม.ย. 51 22 เม.ย. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.493 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.2757/31.6128 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 850.02/22.67 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,700/13,800 13,700/13,800 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 107.38 107.43 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 36.09*/32.44* 35.59*/32.44* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 23 เม.ย.51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--