แท็ก
ธปท.
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. อนุญาตให้ ธ.พาณิชย์ลงทุนในตลาดโภคภัณฑ์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วย
ผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. ได้ออกหนังสือแจ้ง ธ.พาณิชย์ทุกแห่งยกเว้น ธ.พาณิชย์เพื่อรายย่อยให้ทราบว่า
ธปท. อนุญาตให้ธนาคารสามารถเข้าไปลงทุนในธุรกรรมอนุพันธ์สินค้าเกษตรล่วงหน้าด้านสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยง
จากความผันผวนของราคาสินค้าได้มากขึ้น ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด กากถั่วเหลือง น้ำมันถั่วเหลือง ถ่านหิน และนิกเกิล ทั้งนี้ ธ.พาณิชย์สามารถ
เริ่มดำเนินการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในสินค้าโภคภัณฑ์อ้างอิงเพิ่มเติมได้ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.51 เป็นต้นไป เพื่อประโยชน์ในการป้องกันความเสี่ยง
ของลูกค้าจากความผันผวนของราคาสินค้าและป้องกันความเสี่ยงของธนาคารด้วย โดยเหตุผลที่ ธปท. ขยายชนิดสินค้าที่สามารถซื้อป้องกัน
ความเสี่ยงได้เนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันราคาสินค้าหลายประเภทมีความผันผวนมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้ามีความต้องการที่จะ
ป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น โดยการทำสัญญาซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าในลักษณะต่าง ๆ เพิ่มเติมในหลายรายการสินค้า เพราะกังวลความ
ผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงราคาที่รวดเร็วในตลาดโลกที่อาจทำให้เกิดการขาดทุนจากการซื้อขายได้ ซึ่งการเปิดทางให้ธนาคารสามารถลงทุน
ในตลาดโภคภัณฑ์มากขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถวางแผนหรือบริหารต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
2. การลงทุนของเอกชนไทยมีสัญญาณดีขึ้น แต่นักลงทุนต่างชาติยังลังเลต่อสถานการณ์ทางการเมือง นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธาน
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ที่ประชุม กกร. เห็นว่าภาพรวม
ของการลงทุนเพื่อเป็นปัจจัยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยยังไม่ได้รับการดูแลและส่งเสริมจากรัฐบาลเท่าที่ควร โดยเฉพาะการลงทุนของ
นักลงทุนต่างชาติที่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณตอบรับกลับเข้ามามากนัก เนื่องจากยังลังเลต่อสถานการณ์ทางการเมือง แม้ว่าในส่วนการลงทุนของ
เอกชนไทยมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยเห็นได้จากการนำเข้าสินค้าทุนในไตรมาสแรกของปีนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่
นักลงทุนต่างชาติที่ กกร. สอบถามไปนั้นได้ระบุว่า ห่วงความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาลและความเชื่อมั่น โดยเฉพาะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
ที่อาจจะนำไปสู่ความยุ่งยากหรือปรับเปลี่ยน ครม. ซึ่งจะส่งผลให้นโยบายต่าง ๆ ที่ออกมาแล้วมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จึงรอติดตามดู
สถานการณ์อีก 2 — 3 เดือน (ไทยรัฐ, เดลินิวส์, แนวหน้า)
3. ราคาน้ำมันอาจะพุ่งขึ้นไปที่ระดับ 125 — 130 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล หากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น นายมนูญ ศิริวรรณ
ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีทที่นิวยอร์ก ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 120.23 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล เมื่อ
วันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่สัปดาห์นี้จะปรับฐานเป็นไม่ต่ำกว่า 120 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล และราคาอาจเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ
125 — 130 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ได้หากมีเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้น เช่น สงครามในตะวันออกกลาง หรือการโจมตีท่อขนส่งน้ำมันใน
ไนจีเรีย ดังนั้น ทุกประเทศจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนในสหภาพยุโรปและ สรอ. ในเดือน มิ.ย.
ที่จะทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาเบนซินเพิ่มขึ้นรุนแรงและต่อเนื่อง ดังนั้น หากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง
ระดับ 130 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ราคาขายปลีกเบนซินในประเทศก็อาจทำสถิติราคาที่ 40 บาทต่อลิตร ได้เช่นกันในอีก 2 — 3 เดือน
ข้างหน้านี้ (ไทยรัฐ, ข่าวสด)
4. การส่งออกสินค้าอาหารและเกษตรในไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.4 นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริม
การส่งออก เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรในไตรมาสแรกปีนี้มีมูลค่ารวม 6,716 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.4
สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ซึ่งจากความต้องการสินค้าอาหารที่เพิ่มขึ้นสูงคาดว่าการส่งออกอาหารปีนี้จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า
ร้อยละ 10 และเพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศให้เติบโตต่อเนื่อง กรมส่งเสริมการส่งออกจึงได้ร่วมกับภัตตาคาร
อาหารไทยในต่างประเทศทั่วโลกที่มีอยู่ประมาณ 13,000 ร้าน ตั้งเป้าหมายจะขยายให้เพิ่มเป็น 15,000 ร้าน ภายในสิ้นปีนี้(มติชน, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจโลกในเดือน เม.ย. ชะลอตัวลงเนื่องจากระดับราคาสูงขึ้น รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 51 ตัวเลข
เศรษฐกิจโดยรวมที่จัดทำร่วมกันโดย JP Morgan และ research and supply management organisations บ่งชี้ว่า ในเดือน เม.ย.
เศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มการเติบโตต่ำ เนื่องจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และภาคบริการต่างก็เผชิญกับภาวะราคาสินค้าที่สูงขึ้นทำสถิติ
สูงที่สุดในรอบ 10 ปี ทั้งนี้ดัชนีผลผลิตโดยรวมทั่วโลกในเดือน เม.ย. ลดลงอยู่ที่ระดับ 51.0 จากระดับ 51.9 ในเดือน มี.ค. แม้ว่าจะยังคง
สูงกว่าระดับ 50 ที่เป็นเส้นแบ่งครึ่งที่แสดงว่าเศรษฐกิจขยายตัวและหดตัว อีกทั้งผลการสำรวจดังกล่าวยังสูงกว่าระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์
ที่ 47.7 เมื่อตอนต้นปี อย่างไรก็ตามผลการสำรวจมิได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวชี้ว่ามีสัญญานการฟื้นตัว
ของเศรษฐกิจโลกเพียงเล็กน้อยในระยะสั้น โดยกิจการต่างๆยังคงประสบปัญหาภาวะตลาดที่อ่อนตัว และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงถึง
ระดับ 70.7 สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจตัวเลขในปี 41 เนื่องจากราคาพลังงาน วัตถุดิบ และต้นทุนแรงงานสูงขึ้น (รอยเตอร์)
2. การจ้างงานถาวรของอังกฤษในเดือน เม.ย. ลดลง รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 51 The Recruitment and
Employment Confederation/KPMG รายงานว่า จำนวนการจ้างงานถาวรของอังกฤษในเดือน เม.ย. ลดลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน
อยู่ที่ระดับ 48.9 จากระดับ 51.3 ในเดือน มี.ค. เนื่องจากตำแหน่งงานถาวรลดลงอยู่ที่ระดับ 53.3 จากระดับ 54.2 ในเดือน มี.ค.
และอ่อนตัวมากที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 46 นอกจากนั้นค่าจ้างแรงงานมิได้สูงขึ้นโดยลดลงอยู่ที่ระดับ 51.0 จากระดับ 55.5 ในเดือน มี.ค.
ซึ่งเป็นอัตราที่อ่อนตัวมากที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี แม้ว่าค่าครองชีพจะเพิ่มขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตามมีการจ้างงานชั่วคราวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 57.8
จากระดับ 56.0 ในเดือน มี.ค. บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของอังกฤษอาจจะเริ่มฟื้นตัวจากภาวะตลาดแรงงานที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปัจจุบัน
ทั้งนี้ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาลดลงอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 18 (รอยเตอร์)
3. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ของเกาหลีใต้จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.1 ต่อปีสูงสุดในรอบ 7 ปี รายงานจากโซล เมื่อ 6 พ.ค.51
สถาบันเพื่อการพัฒนาเกาหลีใต้หรือ KDI คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 4.1 ต่อปี สูงสุดนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ
4.1 ต่อปีในปี 44 ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาน้ำมันและวัตถุดิบที่สูงขึ้น และคาดว่าค่าเงินวอนที่อ่อนตัวลงจะมีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อในอนาคตสูงขึ้นอีก
แต่อย่างไรก็ดี ทั้งนักวิเคราะห์และตลาดการเงินคาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในวันที่ 8 พ.ค.ที่จะถึงนี้หลังจาก
คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเพื่อป้องกันไม่ให้ความต้องการในประเทศชะลอตัวลงและช่วยให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายที่ต้องการให้
เศรษฐกิจในปีนี้ขยายตัวร้อยละ 6.0 ต่อปี (รอยเตอร์)
4. ยอดส่งออกของมาเลเซียในเดือน มี.ค.51 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ต่อปีต่ำกว่าที่คาดไว้ รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ
6 พ.ค.51 ก.การค้าของมาเลเซียรายงานยอดส่งออกในเดือน มี.ค.51 ของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ต่อปีมีมูลค่ารวม 51.57 พันล้านริงกิต
หรือประมาณ 16.35 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของยอดส่งออกน้ำมันปาล์ม น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซธรรมชาติ
แต่อย่างไรก็ดี ยอดส่งออกดังกล่าวยังต่ำกว่าที่ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 ต่อปี
เช่นเดียวกับยอดนำเข้าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 ต่อปี ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 ต่อปี โดยยอดเกินดุลการค้าในเดือนเดียวกันมี
มูลค่า 7.98 พันล้านริงกิต เทียบกับจำนวน 6.52 พันล้านริงกิตในปีก่อน ต่ำกว่าที่ผลสำรวจรอยเตอร์คาดไว้ว่ายอดเกินดุลการค้าในเดือน มี.ค.51
จะมีมูลค่ารวม 9.1 พันล้านริงกิต (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 7 พ.ค. 51 6 พ.ค. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.707 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.4765/31.8154 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25625 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 845.83/22.44 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,200/13,300 13,100/13,200 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 112.85 109.69 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 36.59*/33.44* 36.59*/33.44* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 30 เม.ย. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. อนุญาตให้ ธ.พาณิชย์ลงทุนในตลาดโภคภัณฑ์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วย
ผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. ได้ออกหนังสือแจ้ง ธ.พาณิชย์ทุกแห่งยกเว้น ธ.พาณิชย์เพื่อรายย่อยให้ทราบว่า
ธปท. อนุญาตให้ธนาคารสามารถเข้าไปลงทุนในธุรกรรมอนุพันธ์สินค้าเกษตรล่วงหน้าด้านสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยง
จากความผันผวนของราคาสินค้าได้มากขึ้น ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด กากถั่วเหลือง น้ำมันถั่วเหลือง ถ่านหิน และนิกเกิล ทั้งนี้ ธ.พาณิชย์สามารถ
เริ่มดำเนินการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในสินค้าโภคภัณฑ์อ้างอิงเพิ่มเติมได้ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.51 เป็นต้นไป เพื่อประโยชน์ในการป้องกันความเสี่ยง
ของลูกค้าจากความผันผวนของราคาสินค้าและป้องกันความเสี่ยงของธนาคารด้วย โดยเหตุผลที่ ธปท. ขยายชนิดสินค้าที่สามารถซื้อป้องกัน
ความเสี่ยงได้เนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันราคาสินค้าหลายประเภทมีความผันผวนมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้ามีความต้องการที่จะ
ป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น โดยการทำสัญญาซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าในลักษณะต่าง ๆ เพิ่มเติมในหลายรายการสินค้า เพราะกังวลความ
ผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงราคาที่รวดเร็วในตลาดโลกที่อาจทำให้เกิดการขาดทุนจากการซื้อขายได้ ซึ่งการเปิดทางให้ธนาคารสามารถลงทุน
ในตลาดโภคภัณฑ์มากขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถวางแผนหรือบริหารต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
2. การลงทุนของเอกชนไทยมีสัญญาณดีขึ้น แต่นักลงทุนต่างชาติยังลังเลต่อสถานการณ์ทางการเมือง นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธาน
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ที่ประชุม กกร. เห็นว่าภาพรวม
ของการลงทุนเพื่อเป็นปัจจัยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยยังไม่ได้รับการดูแลและส่งเสริมจากรัฐบาลเท่าที่ควร โดยเฉพาะการลงทุนของ
นักลงทุนต่างชาติที่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณตอบรับกลับเข้ามามากนัก เนื่องจากยังลังเลต่อสถานการณ์ทางการเมือง แม้ว่าในส่วนการลงทุนของ
เอกชนไทยมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยเห็นได้จากการนำเข้าสินค้าทุนในไตรมาสแรกของปีนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่
นักลงทุนต่างชาติที่ กกร. สอบถามไปนั้นได้ระบุว่า ห่วงความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาลและความเชื่อมั่น โดยเฉพาะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
ที่อาจจะนำไปสู่ความยุ่งยากหรือปรับเปลี่ยน ครม. ซึ่งจะส่งผลให้นโยบายต่าง ๆ ที่ออกมาแล้วมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จึงรอติดตามดู
สถานการณ์อีก 2 — 3 เดือน (ไทยรัฐ, เดลินิวส์, แนวหน้า)
3. ราคาน้ำมันอาจะพุ่งขึ้นไปที่ระดับ 125 — 130 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล หากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น นายมนูญ ศิริวรรณ
ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีทที่นิวยอร์ก ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 120.23 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล เมื่อ
วันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่สัปดาห์นี้จะปรับฐานเป็นไม่ต่ำกว่า 120 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล และราคาอาจเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ
125 — 130 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ได้หากมีเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้น เช่น สงครามในตะวันออกกลาง หรือการโจมตีท่อขนส่งน้ำมันใน
ไนจีเรีย ดังนั้น ทุกประเทศจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนในสหภาพยุโรปและ สรอ. ในเดือน มิ.ย.
ที่จะทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาเบนซินเพิ่มขึ้นรุนแรงและต่อเนื่อง ดังนั้น หากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง
ระดับ 130 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ราคาขายปลีกเบนซินในประเทศก็อาจทำสถิติราคาที่ 40 บาทต่อลิตร ได้เช่นกันในอีก 2 — 3 เดือน
ข้างหน้านี้ (ไทยรัฐ, ข่าวสด)
4. การส่งออกสินค้าอาหารและเกษตรในไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.4 นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริม
การส่งออก เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรในไตรมาสแรกปีนี้มีมูลค่ารวม 6,716 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.4
สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ซึ่งจากความต้องการสินค้าอาหารที่เพิ่มขึ้นสูงคาดว่าการส่งออกอาหารปีนี้จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า
ร้อยละ 10 และเพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศให้เติบโตต่อเนื่อง กรมส่งเสริมการส่งออกจึงได้ร่วมกับภัตตาคาร
อาหารไทยในต่างประเทศทั่วโลกที่มีอยู่ประมาณ 13,000 ร้าน ตั้งเป้าหมายจะขยายให้เพิ่มเป็น 15,000 ร้าน ภายในสิ้นปีนี้(มติชน, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจโลกในเดือน เม.ย. ชะลอตัวลงเนื่องจากระดับราคาสูงขึ้น รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 51 ตัวเลข
เศรษฐกิจโดยรวมที่จัดทำร่วมกันโดย JP Morgan และ research and supply management organisations บ่งชี้ว่า ในเดือน เม.ย.
เศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มการเติบโตต่ำ เนื่องจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และภาคบริการต่างก็เผชิญกับภาวะราคาสินค้าที่สูงขึ้นทำสถิติ
สูงที่สุดในรอบ 10 ปี ทั้งนี้ดัชนีผลผลิตโดยรวมทั่วโลกในเดือน เม.ย. ลดลงอยู่ที่ระดับ 51.0 จากระดับ 51.9 ในเดือน มี.ค. แม้ว่าจะยังคง
สูงกว่าระดับ 50 ที่เป็นเส้นแบ่งครึ่งที่แสดงว่าเศรษฐกิจขยายตัวและหดตัว อีกทั้งผลการสำรวจดังกล่าวยังสูงกว่าระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์
ที่ 47.7 เมื่อตอนต้นปี อย่างไรก็ตามผลการสำรวจมิได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวชี้ว่ามีสัญญานการฟื้นตัว
ของเศรษฐกิจโลกเพียงเล็กน้อยในระยะสั้น โดยกิจการต่างๆยังคงประสบปัญหาภาวะตลาดที่อ่อนตัว และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงถึง
ระดับ 70.7 สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจตัวเลขในปี 41 เนื่องจากราคาพลังงาน วัตถุดิบ และต้นทุนแรงงานสูงขึ้น (รอยเตอร์)
2. การจ้างงานถาวรของอังกฤษในเดือน เม.ย. ลดลง รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 51 The Recruitment and
Employment Confederation/KPMG รายงานว่า จำนวนการจ้างงานถาวรของอังกฤษในเดือน เม.ย. ลดลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน
อยู่ที่ระดับ 48.9 จากระดับ 51.3 ในเดือน มี.ค. เนื่องจากตำแหน่งงานถาวรลดลงอยู่ที่ระดับ 53.3 จากระดับ 54.2 ในเดือน มี.ค.
และอ่อนตัวมากที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 46 นอกจากนั้นค่าจ้างแรงงานมิได้สูงขึ้นโดยลดลงอยู่ที่ระดับ 51.0 จากระดับ 55.5 ในเดือน มี.ค.
ซึ่งเป็นอัตราที่อ่อนตัวมากที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี แม้ว่าค่าครองชีพจะเพิ่มขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตามมีการจ้างงานชั่วคราวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 57.8
จากระดับ 56.0 ในเดือน มี.ค. บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของอังกฤษอาจจะเริ่มฟื้นตัวจากภาวะตลาดแรงงานที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปัจจุบัน
ทั้งนี้ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาลดลงอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 18 (รอยเตอร์)
3. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ของเกาหลีใต้จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.1 ต่อปีสูงสุดในรอบ 7 ปี รายงานจากโซล เมื่อ 6 พ.ค.51
สถาบันเพื่อการพัฒนาเกาหลีใต้หรือ KDI คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 4.1 ต่อปี สูงสุดนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ
4.1 ต่อปีในปี 44 ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาน้ำมันและวัตถุดิบที่สูงขึ้น และคาดว่าค่าเงินวอนที่อ่อนตัวลงจะมีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อในอนาคตสูงขึ้นอีก
แต่อย่างไรก็ดี ทั้งนักวิเคราะห์และตลาดการเงินคาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในวันที่ 8 พ.ค.ที่จะถึงนี้หลังจาก
คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเพื่อป้องกันไม่ให้ความต้องการในประเทศชะลอตัวลงและช่วยให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายที่ต้องการให้
เศรษฐกิจในปีนี้ขยายตัวร้อยละ 6.0 ต่อปี (รอยเตอร์)
4. ยอดส่งออกของมาเลเซียในเดือน มี.ค.51 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ต่อปีต่ำกว่าที่คาดไว้ รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ
6 พ.ค.51 ก.การค้าของมาเลเซียรายงานยอดส่งออกในเดือน มี.ค.51 ของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ต่อปีมีมูลค่ารวม 51.57 พันล้านริงกิต
หรือประมาณ 16.35 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของยอดส่งออกน้ำมันปาล์ม น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซธรรมชาติ
แต่อย่างไรก็ดี ยอดส่งออกดังกล่าวยังต่ำกว่าที่ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 ต่อปี
เช่นเดียวกับยอดนำเข้าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 ต่อปี ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 ต่อปี โดยยอดเกินดุลการค้าในเดือนเดียวกันมี
มูลค่า 7.98 พันล้านริงกิต เทียบกับจำนวน 6.52 พันล้านริงกิตในปีก่อน ต่ำกว่าที่ผลสำรวจรอยเตอร์คาดไว้ว่ายอดเกินดุลการค้าในเดือน มี.ค.51
จะมีมูลค่ารวม 9.1 พันล้านริงกิต (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 7 พ.ค. 51 6 พ.ค. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.707 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.4765/31.8154 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25625 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 845.83/22.44 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,200/13,300 13,100/13,200 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 112.85 109.69 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 36.59*/33.44* 36.59*/33.44* 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 30 เม.ย. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--