ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เชื่อมั่น พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากไม่ส่งผลกระทบกับประชาชน นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การที่ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากจะมีผลบังคับใช้ในช่วงวันที่ 11 ส.ค.ที่จะถึงนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบกับ
ประชาชนส่วนใหญ่ เนื่องจากการเตรียมการบังคับใช้ที่ผ่านมา มีการหารือกับสถาบันการเงินมาตลอด ประกอบกับผู้บริหารสถาบันการเงินได้
มีส่วนร่วมร่าง พ.ร.บ. นอกจากนี้ นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกฎหมายและคดี ธปท. กล่าวว่า ก่อนที่กฎหมายจะ
มีผลคุ้มครองเงินฝากลดลงเหลือ 1 ล้านบาท ยังคงมีเวลา 5 ปีให้ธนาคารและลูกค้าปรับตัว โดย พ.ร.บ.จะยังคุ้มครองเงินฝาก 100%
ไปจนถึงเดือน ส.ค.2552 และนับตั้งแต่เดือน ก.ค.2552 เป็นต้นไป รัฐบาลจะลดความคุ้มครองลงเหลือเพียง 100 ล.บาทต่อบัญชีเงินฝาก
ส่วนปีที่ 3 หรือตั้งแต่ ก.ค.2553 รัฐบาลจะลดความคุ้มครองเหลือเพียง 10 ล้านลาทต่อบัญชีเงินฝาก และในปีที่ 4 เริ่มตั้งแต่ ก.ค.2554
จะคุ้มครองเงินฝากเพียง 10 ล.บาทต่อบัญชีเงินฝาก และในที่สุดตั้งแต่ ก.ค.2555 เป็นต้นไป รัฐบาลจะคุ้มครองเงินฝากเพียง 1 ล.บาทต่อบัญชี
จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาการย้ายเงินฝาก สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ขณะนี้ได้รับอนุมัติ งปม. 406 ล.บาท
หลังจากนี้ ก.คลังจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองเงินฝาก โดยมีบอร์ดขั้นต่ำ 7 คน หรือสูงสุด 9 คน และตามโครงสร้างกฎหมายใหม่
บอร์ดจะประกอบด้วยตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่สำคัญ อาทิเช่น ก.คลัง และ ธปท. ส่วนพนักงานเจ้าหน้าที่คาดว่าส่วนใหญ่จะยืม
เจ้าหน้าที่จาก ก.คลัง ส่วนสำนักงานที่ตั้งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป (โพสต์ทูเดย์)
2. ธปท.ระบุการดำเนินการทางกฎหมายกับ นรม.ในกรณีให้สัมภาษณ์ว่าสถาบันการเงิน 2 แห่งประสบปัญหา ต้องพิจารณาจากการ
เปิดเผยความลับเป็นหลัก นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกฎหมายและคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช เสนอให้ ธปท.ดำเนินการทางกฎหมายกับนายสมัคร สุนทรเวช นรม. ในกรณีที่มีการให้สัมภาษณ์ระบุว่า
สถาบันการเงิน 2 แห่งที่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่กำลังประสบปัญหานั้น หากพิจารณาโดยหลักการ การที่
ธปท.จะฟ้องร้อง ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงว่ามีการเปิดเผยความลับหรือไม่ หากไม่มีการเปิดเผยความลับ ธปท.จะไม่ดำเนินการ โดย
ผู้เสียหายจะเป็นผู้พิจารณาดำเนินการเอง ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกำกับสถาบันการเงินของ ธปท.ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ (กรุงเทพธุรกิจ 10)
3. ธปท.เตรียมหารือ ก.ศึกษาธิการ ในการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับธนบัตรปลอม นายวรพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี
ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและสนับสนุนการบริหาร สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมหารือ
กับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับการตรวจสอบธนบัตรปลอม เพื่อปลูกฝังเยาวชนในระดับมัธยมศึกษา
ให้เรียนรู้เกี่ยวกับธนบัตรปลอมมากขึ้น และสามารถถ่ายทอดข้อมูลไปยังพ่อแม่ ญาติพี่น้องให้รับข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์ รวมถึง
การใช้ธนบัตรอย่างถูกวิธี ป้องกันการชำรุดเสียหายรวดเร็วเกินไป เพราะในแต่ละปี ธปท.ต้องเสียค่าใช้จ่ายจัดการกับธนบัตรที่ชำรุดและจัดหา
ธนบัตรใหม่เข้ามาหมุนเวียนในระบบถึงปีละ 3,000 ล.บาท พร้อมกันนี้จะเร่งให้ข้อมูลวิธีการตรวจสอบธนบัตรปลอมกับพ่อค้า แม่ค้า โดยเฉพาะ
พื้นที่บริเวณแนวชายแดน ซึ่งค่อนข้างมีปัญหาการระบาดของธนบัตรปลอมมากขึ้น (ข่าวสด)
4. คาดว่าภาวะอุตสาหกรรมในปี 51 จะยังคงขยายตัวได้ นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ภาวะอุตสาหกรรมในช่วงต้นปีที่ผ่านมาฟื้นตัวดีขึ้น เห็นได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวถึง 11.5%
เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 187.37 จากระดับ 168.03 ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปี 51 ดัชนีฯ จะขยายตัวใน
ระดับ 8.3-9.3% สูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 49 และ 50 ที่ขยายตัว 6.4% และ 8.1% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการบริโภคของประชาชน
ในประเทศดีขึ้นมาก เห็นได้จากยอดขายรถจักรยานยนต์ที่เคยหดตัว กลับมาคึกคักอีกครั้ง ประกอบกับการที่สินค้าเกษตรมีราคาดีขึ้น ทำให้สินค้า
อุตสาหกรรมมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ส่วนราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงกว่า 120 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล เชื่อว่าจะไม่กระทบภาคอุตสาหกรรม
มากนัก เนื่องจากอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ใช้ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามทิศทางการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มของ ก.พลังงาน
ในช่วงหลังเดือน ก.ค.นี้ ว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมเพียงใด (ไทยโพสต์, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขาดดุลการค้าของ สรอ. เดือน มี.ค. ลดลงจากการนำเข้าที่ชะลอตัว รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 9 พ.ค.51
ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของ สรอ. เดือน มี.ค.51 ลดลงร้อยละ 5.7 เหลือ 58.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อันเป็นผลมาจากการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและการนำเข้าที่ลดลง 6.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เหลือ
206.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งแสดงให้ว่าการที่เศรษฐกิจ สรอ. ชะลอตัวส่งผลต่อการใช้จ่ายภายในประเทศและทำให้ยอดการนำเข้าสินค้า
จากต่างประเทศลดลงด้วย ด้านนักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่าการที่ยอดขาดดุลการค้าลดลงหมายความว่าเศรษฐกิจ สรอ. ขยายตัวแข็งแกร่ง
กว่าที่คาดการณ์ไว้ครั้งแรก และคาดว่ารัฐบาล สรอ. อาจจะปรับเพิ่มประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ สรอ. ในไตรมาสแรกเป็นร้อยละ 0.9
จากร้อยละ 0.6 เมื่อเดือนก่อน ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกปี 50 การส่งออกของ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 ส่วนการนำเข้า
เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 (รอยเตอร์)
2. คาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. ปีนี้จะเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 1 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 9 พ.ค.51 ผลสำรวจความคิดเห็น
ผู้บริโภคที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์และ ม.มิชิแกน ชี้ว่าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจลดลงและจะทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ
สรอ. ขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 1 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ สรอ. ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากโลกาภิวัตน์ทำให้เศรษฐกิจ
อ่อนตัวลงและนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็ก ๆ ได้ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. เดือน เม.ย. ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
และต่ำสุดในรอบ 26 ปี ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ของทั้งสองสถาบันคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สรอ. ปีนี้จะต่ำกว่าร้อยละ 1 ทั้งนี้
เศรษฐกิจของ สรอ. ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.6 ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 และไตรมาสแรกปีนี้ (รอยเตอร์)
3. คาดว่าจีนเกินดุลการค้าถึง 16.65 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน เม.ย. รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 51
รอยเตอร์ประมาณการณ์ว่าในเดือน เม.ย. จีนเกินดุลการค้าถึง 16.65 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. โดยใช้ตัวเลขของผลิตภัณฑ์เครื่องจักร และ
อิเล็กทรอนิกส์ ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ที่เปิดเผยโดย ก.กระทรวงพาณิชย์ของจีนเป็นฐานในการคำนวณ เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งแรก
ของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเกินดุล 16.52 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. และ มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดไว้ว่าจะเกินดุลการค้าที่ระดับ
14.8 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 13.4 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน มี.ค. ทั้งนี้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้จีนส่งออกเครื่องจักร
และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 251.29 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. หรือเท่ากับร้อยละ 59.2 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวม โดยในช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนจีนส่งออกอุปกรณ์ดังกล่าวเพียง 173.31 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. หรือเทียบเท่ากับร้อยละ 47.3 ของการส่งออกรวม (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้ผลิตของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 รายงานจากโซลเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 51
ทางการเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ในเดือน เม.ย. ดัชนีราคาผู้ผลิตของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 9.7 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็น
เดือนที่ 8 เข้าใกล้สถิติสูงที่สุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 41 ที่ร้อยละ 11.0 และเมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้น
จากร้อยละ 8.0 ขณะที่เมื่อเทียบต่อเดือน ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบมากกว่า 10 ปี นับตั้งแต่เดือนม.ค. 41
ซึ่งเป็นแรงกดดันให้ ธ.กลางเกาหลีใต้ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมแรงกดดันดังกล่าว ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวเปิดเผยภายหลังจาก
ที่ ธ.กลางประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 และเตือนว่าภาวะเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 12 พ.ค. 51 9 พ.ค. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.914 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.6800/32.0155 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25625 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 846.71/20.20 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,450/13,550 13,300/13,400 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 117.65 115.84 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 37.59*/33.44** 37.09/33.94 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 12 พ.ค.51
**ปรับลดลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 12 พ.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เชื่อมั่น พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากไม่ส่งผลกระทบกับประชาชน นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การที่ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากจะมีผลบังคับใช้ในช่วงวันที่ 11 ส.ค.ที่จะถึงนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบกับ
ประชาชนส่วนใหญ่ เนื่องจากการเตรียมการบังคับใช้ที่ผ่านมา มีการหารือกับสถาบันการเงินมาตลอด ประกอบกับผู้บริหารสถาบันการเงินได้
มีส่วนร่วมร่าง พ.ร.บ. นอกจากนี้ นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกฎหมายและคดี ธปท. กล่าวว่า ก่อนที่กฎหมายจะ
มีผลคุ้มครองเงินฝากลดลงเหลือ 1 ล้านบาท ยังคงมีเวลา 5 ปีให้ธนาคารและลูกค้าปรับตัว โดย พ.ร.บ.จะยังคุ้มครองเงินฝาก 100%
ไปจนถึงเดือน ส.ค.2552 และนับตั้งแต่เดือน ก.ค.2552 เป็นต้นไป รัฐบาลจะลดความคุ้มครองลงเหลือเพียง 100 ล.บาทต่อบัญชีเงินฝาก
ส่วนปีที่ 3 หรือตั้งแต่ ก.ค.2553 รัฐบาลจะลดความคุ้มครองเหลือเพียง 10 ล้านลาทต่อบัญชีเงินฝาก และในปีที่ 4 เริ่มตั้งแต่ ก.ค.2554
จะคุ้มครองเงินฝากเพียง 10 ล.บาทต่อบัญชีเงินฝาก และในที่สุดตั้งแต่ ก.ค.2555 เป็นต้นไป รัฐบาลจะคุ้มครองเงินฝากเพียง 1 ล.บาทต่อบัญชี
จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาการย้ายเงินฝาก สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ขณะนี้ได้รับอนุมัติ งปม. 406 ล.บาท
หลังจากนี้ ก.คลังจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองเงินฝาก โดยมีบอร์ดขั้นต่ำ 7 คน หรือสูงสุด 9 คน และตามโครงสร้างกฎหมายใหม่
บอร์ดจะประกอบด้วยตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่สำคัญ อาทิเช่น ก.คลัง และ ธปท. ส่วนพนักงานเจ้าหน้าที่คาดว่าส่วนใหญ่จะยืม
เจ้าหน้าที่จาก ก.คลัง ส่วนสำนักงานที่ตั้งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป (โพสต์ทูเดย์)
2. ธปท.ระบุการดำเนินการทางกฎหมายกับ นรม.ในกรณีให้สัมภาษณ์ว่าสถาบันการเงิน 2 แห่งประสบปัญหา ต้องพิจารณาจากการ
เปิดเผยความลับเป็นหลัก นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกฎหมายและคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช เสนอให้ ธปท.ดำเนินการทางกฎหมายกับนายสมัคร สุนทรเวช นรม. ในกรณีที่มีการให้สัมภาษณ์ระบุว่า
สถาบันการเงิน 2 แห่งที่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่กำลังประสบปัญหานั้น หากพิจารณาโดยหลักการ การที่
ธปท.จะฟ้องร้อง ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงว่ามีการเปิดเผยความลับหรือไม่ หากไม่มีการเปิดเผยความลับ ธปท.จะไม่ดำเนินการ โดย
ผู้เสียหายจะเป็นผู้พิจารณาดำเนินการเอง ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกำกับสถาบันการเงินของ ธปท.ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ (กรุงเทพธุรกิจ 10)
3. ธปท.เตรียมหารือ ก.ศึกษาธิการ ในการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับธนบัตรปลอม นายวรพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี
ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและสนับสนุนการบริหาร สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมหารือ
กับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับการตรวจสอบธนบัตรปลอม เพื่อปลูกฝังเยาวชนในระดับมัธยมศึกษา
ให้เรียนรู้เกี่ยวกับธนบัตรปลอมมากขึ้น และสามารถถ่ายทอดข้อมูลไปยังพ่อแม่ ญาติพี่น้องให้รับข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์ รวมถึง
การใช้ธนบัตรอย่างถูกวิธี ป้องกันการชำรุดเสียหายรวดเร็วเกินไป เพราะในแต่ละปี ธปท.ต้องเสียค่าใช้จ่ายจัดการกับธนบัตรที่ชำรุดและจัดหา
ธนบัตรใหม่เข้ามาหมุนเวียนในระบบถึงปีละ 3,000 ล.บาท พร้อมกันนี้จะเร่งให้ข้อมูลวิธีการตรวจสอบธนบัตรปลอมกับพ่อค้า แม่ค้า โดยเฉพาะ
พื้นที่บริเวณแนวชายแดน ซึ่งค่อนข้างมีปัญหาการระบาดของธนบัตรปลอมมากขึ้น (ข่าวสด)
4. คาดว่าภาวะอุตสาหกรรมในปี 51 จะยังคงขยายตัวได้ นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ภาวะอุตสาหกรรมในช่วงต้นปีที่ผ่านมาฟื้นตัวดีขึ้น เห็นได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวถึง 11.5%
เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 187.37 จากระดับ 168.03 ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปี 51 ดัชนีฯ จะขยายตัวใน
ระดับ 8.3-9.3% สูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 49 และ 50 ที่ขยายตัว 6.4% และ 8.1% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการบริโภคของประชาชน
ในประเทศดีขึ้นมาก เห็นได้จากยอดขายรถจักรยานยนต์ที่เคยหดตัว กลับมาคึกคักอีกครั้ง ประกอบกับการที่สินค้าเกษตรมีราคาดีขึ้น ทำให้สินค้า
อุตสาหกรรมมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ส่วนราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงกว่า 120 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล เชื่อว่าจะไม่กระทบภาคอุตสาหกรรม
มากนัก เนื่องจากอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ใช้ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามทิศทางการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มของ ก.พลังงาน
ในช่วงหลังเดือน ก.ค.นี้ ว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมเพียงใด (ไทยโพสต์, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขาดดุลการค้าของ สรอ. เดือน มี.ค. ลดลงจากการนำเข้าที่ชะลอตัว รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 9 พ.ค.51
ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของ สรอ. เดือน มี.ค.51 ลดลงร้อยละ 5.7 เหลือ 58.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อันเป็นผลมาจากการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและการนำเข้าที่ลดลง 6.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เหลือ
206.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งแสดงให้ว่าการที่เศรษฐกิจ สรอ. ชะลอตัวส่งผลต่อการใช้จ่ายภายในประเทศและทำให้ยอดการนำเข้าสินค้า
จากต่างประเทศลดลงด้วย ด้านนักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่าการที่ยอดขาดดุลการค้าลดลงหมายความว่าเศรษฐกิจ สรอ. ขยายตัวแข็งแกร่ง
กว่าที่คาดการณ์ไว้ครั้งแรก และคาดว่ารัฐบาล สรอ. อาจจะปรับเพิ่มประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ สรอ. ในไตรมาสแรกเป็นร้อยละ 0.9
จากร้อยละ 0.6 เมื่อเดือนก่อน ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกปี 50 การส่งออกของ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 ส่วนการนำเข้า
เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 (รอยเตอร์)
2. คาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. ปีนี้จะเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 1 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 9 พ.ค.51 ผลสำรวจความคิดเห็น
ผู้บริโภคที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์และ ม.มิชิแกน ชี้ว่าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจลดลงและจะทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ
สรอ. ขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 1 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ สรอ. ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากโลกาภิวัตน์ทำให้เศรษฐกิจ
อ่อนตัวลงและนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็ก ๆ ได้ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. เดือน เม.ย. ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
และต่ำสุดในรอบ 26 ปี ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ของทั้งสองสถาบันคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สรอ. ปีนี้จะต่ำกว่าร้อยละ 1 ทั้งนี้
เศรษฐกิจของ สรอ. ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.6 ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 และไตรมาสแรกปีนี้ (รอยเตอร์)
3. คาดว่าจีนเกินดุลการค้าถึง 16.65 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน เม.ย. รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 51
รอยเตอร์ประมาณการณ์ว่าในเดือน เม.ย. จีนเกินดุลการค้าถึง 16.65 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. โดยใช้ตัวเลขของผลิตภัณฑ์เครื่องจักร และ
อิเล็กทรอนิกส์ ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ที่เปิดเผยโดย ก.กระทรวงพาณิชย์ของจีนเป็นฐานในการคำนวณ เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งแรก
ของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเกินดุล 16.52 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. และ มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดไว้ว่าจะเกินดุลการค้าที่ระดับ
14.8 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 13.4 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน มี.ค. ทั้งนี้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้จีนส่งออกเครื่องจักร
และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 251.29 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. หรือเท่ากับร้อยละ 59.2 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวม โดยในช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนจีนส่งออกอุปกรณ์ดังกล่าวเพียง 173.31 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. หรือเทียบเท่ากับร้อยละ 47.3 ของการส่งออกรวม (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้ผลิตของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 รายงานจากโซลเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 51
ทางการเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ในเดือน เม.ย. ดัชนีราคาผู้ผลิตของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 9.7 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็น
เดือนที่ 8 เข้าใกล้สถิติสูงที่สุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 41 ที่ร้อยละ 11.0 และเมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้น
จากร้อยละ 8.0 ขณะที่เมื่อเทียบต่อเดือน ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบมากกว่า 10 ปี นับตั้งแต่เดือนม.ค. 41
ซึ่งเป็นแรงกดดันให้ ธ.กลางเกาหลีใต้ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมแรงกดดันดังกล่าว ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวเปิดเผยภายหลังจาก
ที่ ธ.กลางประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 และเตือนว่าภาวะเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 12 พ.ค. 51 9 พ.ค. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.914 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.6800/32.0155 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25625 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 846.71/20.20 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,450/13,550 13,300/13,400 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 117.65 115.84 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 37.59*/33.44** 37.09/33.94 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 12 พ.ค.51
**ปรับลดลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 12 พ.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--