ในปี 2550 เศรษฐกิจภาคใต้โดยรวมชะลอตัว ด้านอุปทาน ผลผลิตพืชผลเกษตรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจาก ปัญหาโลกร้อนมีผลกระทบต่อผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน ขณะที่การท่องเที่ยวโดยรวมขยายตัวดี ส่วนภาคประมง และอุตสาหกรรมลดลง ด้านอุปสงค์ การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกมีสัญญานปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี ขณะเดียวกัน การเบิกจ่ายเงินงบประมาณขยายตัว ส่วนการลงทนลดลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงจากปีก่อน
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจและการเงิน มีดังนี้
1. ภาคเกษตรกรรม ในปี 2550 ผลผลิตพืชผลหลักเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 0.4 ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิต ยางพาราที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ขยายตัวในระดับต่ำเนื่องจากปัญหาโลกร้อน ขณะเดียวกันราคาพืชผลหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.9 เนื่องจากราคาปาล์มน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 59.3 ในขณะที่ราคายางพาราใกล้เคียงกับปีก่อน ส่งผลให้ รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3
ด้านประมงทะเลได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาสัตว์น้ำไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้น ได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการประมงหลายรายประสบปัญหาขาดทุน และหยุดทำประมง ทำให้ปริมาณ สัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือในภาคใต้ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 2.0 ส่วนมูลค่าสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 สำหรับผลผลิตกุ้งมี ปริมาณใกล้เคียงกับปีก่อน โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ชะลอการเลี้ยงหลังจากประสบปัญหาราคากุ้งตกต่ำ ทางด้านราคากุ้ง ปรับตัวลดลงทุกขนาดเมื่อเทียบกับปีก่อน
2. ภาคอุตสาหกรรม การผลิตโดยรวมของภาคใต้ลดลง โดยผลผลิตน้ำมันปาล์มลดลงร้อยละ 9.7 ตาม ปริมาณวัตถุดิบ ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออกได้แก่ สัตว์น้ำแปรรูปและแช่แข็ง อาหารบรรจุกระป๋อง ถุงมือยาง ยางพารา และไม้ยางพาราแปรรูปและเฟอร์นิเจอร์ ปริมาณการส่งออกลดลงร้อยละ 17.0 15.6 10.5 7.7 และ 2.2ตามลำดับ เนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบโดยเฉพาะสัตว์น้ำ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต และการแข่งขัน ที่สูงขึ้น ขณะที่ตลาดหลักชะลอการซื้อ และยอดส่งออกที่ลดลงส่วนหนึ่งเกิดจากการนำระบบ e-Customs1 มาใช้
3. การท่องเที่ยว ปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ประมาณ 2.98 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 8.1 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความร่วมมือกันของภาครัฐและเอกชนในการจัดกิจกรรม ส่งเสริมและทำตลาดการท่องเที่ยวต่อเนื่องตลอดปี โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางฝั่งอันดามันมีการเพิ่มเที่ยวบินของสายการ บินทั้งในและต่างประเทศในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในจังหวัด 1 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ผู้ประกอบการสามารถส่งผ่านข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าและใบขนสินค้าขาออก ผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ แบบไร้เอกสาร โดยไม่ต้องจัดส่งเอกสารในรูปแบบกระดาษ ณ ท่าเรือ หรือสนามบินทั่วประเทศที่ทำการส่งออก โดยผู้ประกอบการสามารถกำหนด เลือกข้อมูลส่งออกไปปรากฎที่ท่าเรือส่งออกปลายทาง เช่น ท่าเรือแหลมฉบังหรือท่าเรือกรุงเทพฯ ได้ ภูเก็ตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 32.3 ขณะที่นักเที่ยวในจังหวัดสงขลาลดลงร้อยละ 18.1 แต่เริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วง ไตรมาสที่ 4 เนื่องจากนักท่องเที่ยวเริ่มมั่นใจและเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยรวมชะลอตัวลง โดยดัชนีการอุปโภค บริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 5.2 ชะลอลงจากร้อยละ 7.7 ในปีก่อน โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และการจดทะเบียน รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 และ 3.8 ตามลำดับ ขณะที่การจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ลดลงร้อยละ 11.5 และ 24.8 ตามลำดับ ทั้งนี้ ส่วนหนี่งเป็นผลจากปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่อง การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน รวมทั้งปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้รายได้ของเกษตรกรจากการจำหน่าย พืชผลหลักจะอยู่ในเกณฑ์ดี และการท่องเที่ยวขยายตัวก็ตาม
5. การลงทุนภาคเอกชน ลดลง โดยเครื่องชี้ด้านการก่อสร้างลดลงจากปีก่อนร้อยละ 9.0 ขณะเดียวกัน การจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลจำนวนรายและทุนจดทะเบียนลดลงร้อยละ 23.6 และ 19.1 ตามลำดับ จากปัจจัยลบ อาทิ ราคา น้ำมันที่สูงขึ้น การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน และปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ดี ปีนี้มีโครงการที่ได้รับ การส่งเสริมการลงทุน จำนวน 76 ราย เงินลงทุน 42,286.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 และ 128.0 ตามลำดับ โดยโครงการลงทุนส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวทางภาคใต้ตอนบนโดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต และสุราษฏร์ธานี เป็นสำคัญ
6. การจ้างงาน ณ สิ้นปีนี้มีจำนวนแรงงานในภาคใต้ที่เข้าโครงการประกันสังคม ตามมาตรา 33 จำนวน 585,476 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 3.4 โดยเพิ่มขึ้นเกือบทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดระนอง ยะลา สงขลา และปัตตานี สำหรับความต้องการแรงงานซึ่งแจ้งผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัดในภาคใต้มีจำนวนทั้งสิ้น 41,147 อัตรา ลดลงจาก ปีก่อนร้อยละ 27.9 ขณะที่มีผู้สมัครงานทั้งสิ้น 53,374 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 และมีการบรรจุงานรวม 31,100 คน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.7
7. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของภาคใต้อยู่ที่ร้อยละ 2.2 ชะลอลงจากร้อยละ 4.9 ในปีก่อน เป็นผลจาก สินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ตามการเพิ่มขึ้นของสินค้าหมวดข้าวสารเหนียว (49.3%) และ หมวดผักและผลไม้ (10.2%) เนื่องจากปีนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศร้อน และแห้งแล้ง ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่มิใช่ อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ของภาคใต้ ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 1.5 ชะลอตัวลงจากร้อยละ 2.5 ในปีก่อน
8. การค้าต่างประเทศ การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้มีมูลค่ารวม 10,299.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน สินค้าส่งออกที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้แก่ ดีบุก ไม้ยางพาราแปรรูปและเฟอร์นิเจอร์ และอาหารกระป๋อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 8.8 และ 2.3 ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกสัตว์น้ำแช่แข็ง ยางพารา และถุงมือยางลดลงร้อยละ 11.5 3.2 และ 2.2 ตามลำดับ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 5,243.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 33.5 ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ และสัตว์น้ำแช่แข็ง เป็นสำคัญ
9. ภาคการคลัง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณมีจำนวน 120,487.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 19.2ตามการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณของคลังจังหวัด เนื่องจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2550 ที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 ทำให้ส่วนราชการต้องเร่งเบิกจ่ายให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนรายได้จากการจัดเก็บภาษี มีจำนวน 31,061.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 17.6 ตามการเพิ่มขึ้นของการจัดเก็บ ภาษีสรรพากร ภาษีสรรพสามิต และภาษีศุลกากร ร้อยละ 18.7 4.0 และ 19.6 ตามลำดับ
10. ภาคการเงิน ณ สิ้นเดือนธันวาคม เงินฝากคงค้างของสาขาธนาคารพาณิชย์ คาดว่ามีจำนวนประมาณ 392,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 6.0 ส่วนสินเชื่อคงค้างมีจำนวนประมาณ 334,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 11.6 สินเชื่อที่ขยายตัวส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีประวัติทางการเงินที่ดี และอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจหลัก 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และสงขลา ขณะที่สินเชื่อรายใหม่ยังคงเข้มงวด สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในเขต 3 จังหวัดชายแดนยังคงเป็นปัจจัยลบต่อภาคธุรกิจและผลการดำเนินงานของสาขาสถาบันการเงินในพื้นที่
แนวโน้ม ปี 2551
เศรษฐกิจภาคใต้ในปี 2551 คาดว่า มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปลายปี เนื่องจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้น จากราคาพืชผลเกษตรสำคัญ อาทิ ยางพารา และปาล์มน้ำมันอยู่ในระดับสูง กอปรกับการท่องเที่ยวขยายตัวดีขึ้นโดยเฉพาะ ทางฝั่งอันดามัน ขณะที่ภาคใต้ตอนล่างเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี สถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มชัดเจนขึ้น ตลอดจน เงินงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง คือ ความผันผวนของราคาน้ำมันใน ตลาดโลก และปัญหาหนี้เสียในส่วนของสินเชื่อประเภทด้อยมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา (SUBPRIME)
ข้อมูลเพิ่มเติม : ภูวดล เหล่าแก้ว โทร.0 7436 7646 e-mail : phoowadl@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจและการเงิน มีดังนี้
1. ภาคเกษตรกรรม ในปี 2550 ผลผลิตพืชผลหลักเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 0.4 ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิต ยางพาราที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ขยายตัวในระดับต่ำเนื่องจากปัญหาโลกร้อน ขณะเดียวกันราคาพืชผลหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.9 เนื่องจากราคาปาล์มน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 59.3 ในขณะที่ราคายางพาราใกล้เคียงกับปีก่อน ส่งผลให้ รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3
ด้านประมงทะเลได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาสัตว์น้ำไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้น ได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการประมงหลายรายประสบปัญหาขาดทุน และหยุดทำประมง ทำให้ปริมาณ สัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือในภาคใต้ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 2.0 ส่วนมูลค่าสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 สำหรับผลผลิตกุ้งมี ปริมาณใกล้เคียงกับปีก่อน โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ชะลอการเลี้ยงหลังจากประสบปัญหาราคากุ้งตกต่ำ ทางด้านราคากุ้ง ปรับตัวลดลงทุกขนาดเมื่อเทียบกับปีก่อน
2. ภาคอุตสาหกรรม การผลิตโดยรวมของภาคใต้ลดลง โดยผลผลิตน้ำมันปาล์มลดลงร้อยละ 9.7 ตาม ปริมาณวัตถุดิบ ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออกได้แก่ สัตว์น้ำแปรรูปและแช่แข็ง อาหารบรรจุกระป๋อง ถุงมือยาง ยางพารา และไม้ยางพาราแปรรูปและเฟอร์นิเจอร์ ปริมาณการส่งออกลดลงร้อยละ 17.0 15.6 10.5 7.7 และ 2.2ตามลำดับ เนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบโดยเฉพาะสัตว์น้ำ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต และการแข่งขัน ที่สูงขึ้น ขณะที่ตลาดหลักชะลอการซื้อ และยอดส่งออกที่ลดลงส่วนหนึ่งเกิดจากการนำระบบ e-Customs1 มาใช้
3. การท่องเที่ยว ปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ประมาณ 2.98 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 8.1 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความร่วมมือกันของภาครัฐและเอกชนในการจัดกิจกรรม ส่งเสริมและทำตลาดการท่องเที่ยวต่อเนื่องตลอดปี โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางฝั่งอันดามันมีการเพิ่มเที่ยวบินของสายการ บินทั้งในและต่างประเทศในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในจังหวัด 1 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ผู้ประกอบการสามารถส่งผ่านข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าและใบขนสินค้าขาออก ผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ แบบไร้เอกสาร โดยไม่ต้องจัดส่งเอกสารในรูปแบบกระดาษ ณ ท่าเรือ หรือสนามบินทั่วประเทศที่ทำการส่งออก โดยผู้ประกอบการสามารถกำหนด เลือกข้อมูลส่งออกไปปรากฎที่ท่าเรือส่งออกปลายทาง เช่น ท่าเรือแหลมฉบังหรือท่าเรือกรุงเทพฯ ได้ ภูเก็ตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 32.3 ขณะที่นักเที่ยวในจังหวัดสงขลาลดลงร้อยละ 18.1 แต่เริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วง ไตรมาสที่ 4 เนื่องจากนักท่องเที่ยวเริ่มมั่นใจและเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยรวมชะลอตัวลง โดยดัชนีการอุปโภค บริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 5.2 ชะลอลงจากร้อยละ 7.7 ในปีก่อน โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และการจดทะเบียน รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 และ 3.8 ตามลำดับ ขณะที่การจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ลดลงร้อยละ 11.5 และ 24.8 ตามลำดับ ทั้งนี้ ส่วนหนี่งเป็นผลจากปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่อง การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน รวมทั้งปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้รายได้ของเกษตรกรจากการจำหน่าย พืชผลหลักจะอยู่ในเกณฑ์ดี และการท่องเที่ยวขยายตัวก็ตาม
5. การลงทุนภาคเอกชน ลดลง โดยเครื่องชี้ด้านการก่อสร้างลดลงจากปีก่อนร้อยละ 9.0 ขณะเดียวกัน การจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลจำนวนรายและทุนจดทะเบียนลดลงร้อยละ 23.6 และ 19.1 ตามลำดับ จากปัจจัยลบ อาทิ ราคา น้ำมันที่สูงขึ้น การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน และปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ดี ปีนี้มีโครงการที่ได้รับ การส่งเสริมการลงทุน จำนวน 76 ราย เงินลงทุน 42,286.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 และ 128.0 ตามลำดับ โดยโครงการลงทุนส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวทางภาคใต้ตอนบนโดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต และสุราษฏร์ธานี เป็นสำคัญ
6. การจ้างงาน ณ สิ้นปีนี้มีจำนวนแรงงานในภาคใต้ที่เข้าโครงการประกันสังคม ตามมาตรา 33 จำนวน 585,476 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 3.4 โดยเพิ่มขึ้นเกือบทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดระนอง ยะลา สงขลา และปัตตานี สำหรับความต้องการแรงงานซึ่งแจ้งผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัดในภาคใต้มีจำนวนทั้งสิ้น 41,147 อัตรา ลดลงจาก ปีก่อนร้อยละ 27.9 ขณะที่มีผู้สมัครงานทั้งสิ้น 53,374 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 และมีการบรรจุงานรวม 31,100 คน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.7
7. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของภาคใต้อยู่ที่ร้อยละ 2.2 ชะลอลงจากร้อยละ 4.9 ในปีก่อน เป็นผลจาก สินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ตามการเพิ่มขึ้นของสินค้าหมวดข้าวสารเหนียว (49.3%) และ หมวดผักและผลไม้ (10.2%) เนื่องจากปีนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศร้อน และแห้งแล้ง ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่มิใช่ อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ของภาคใต้ ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 1.5 ชะลอตัวลงจากร้อยละ 2.5 ในปีก่อน
8. การค้าต่างประเทศ การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้มีมูลค่ารวม 10,299.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน สินค้าส่งออกที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้แก่ ดีบุก ไม้ยางพาราแปรรูปและเฟอร์นิเจอร์ และอาหารกระป๋อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 8.8 และ 2.3 ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกสัตว์น้ำแช่แข็ง ยางพารา และถุงมือยางลดลงร้อยละ 11.5 3.2 และ 2.2 ตามลำดับ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 5,243.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 33.5 ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ และสัตว์น้ำแช่แข็ง เป็นสำคัญ
9. ภาคการคลัง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณมีจำนวน 120,487.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 19.2ตามการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณของคลังจังหวัด เนื่องจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2550 ที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 ทำให้ส่วนราชการต้องเร่งเบิกจ่ายให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนรายได้จากการจัดเก็บภาษี มีจำนวน 31,061.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 17.6 ตามการเพิ่มขึ้นของการจัดเก็บ ภาษีสรรพากร ภาษีสรรพสามิต และภาษีศุลกากร ร้อยละ 18.7 4.0 และ 19.6 ตามลำดับ
10. ภาคการเงิน ณ สิ้นเดือนธันวาคม เงินฝากคงค้างของสาขาธนาคารพาณิชย์ คาดว่ามีจำนวนประมาณ 392,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 6.0 ส่วนสินเชื่อคงค้างมีจำนวนประมาณ 334,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 11.6 สินเชื่อที่ขยายตัวส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีประวัติทางการเงินที่ดี และอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจหลัก 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และสงขลา ขณะที่สินเชื่อรายใหม่ยังคงเข้มงวด สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในเขต 3 จังหวัดชายแดนยังคงเป็นปัจจัยลบต่อภาคธุรกิจและผลการดำเนินงานของสาขาสถาบันการเงินในพื้นที่
แนวโน้ม ปี 2551
เศรษฐกิจภาคใต้ในปี 2551 คาดว่า มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปลายปี เนื่องจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้น จากราคาพืชผลเกษตรสำคัญ อาทิ ยางพารา และปาล์มน้ำมันอยู่ในระดับสูง กอปรกับการท่องเที่ยวขยายตัวดีขึ้นโดยเฉพาะ ทางฝั่งอันดามัน ขณะที่ภาคใต้ตอนล่างเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี สถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มชัดเจนขึ้น ตลอดจน เงินงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง คือ ความผันผวนของราคาน้ำมันใน ตลาดโลก และปัญหาหนี้เสียในส่วนของสินเชื่อประเภทด้อยมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา (SUBPRIME)
ข้อมูลเพิ่มเติม : ภูวดล เหล่าแก้ว โทร.0 7436 7646 e-mail : phoowadl@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--