ไตรมาสที่ 2 ปี 2550 เศรษฐกิจภาคใต้โดยรวมชะลอตัวลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ผลผลิตพืชผลที่สำคัญ ชะลอลง และราคาลดต่ำลง ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง ขณะเดียวกันการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว ลดลง ส่งผลให้การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว ส่วนการลงทุนชะลอตัวลงตามการลดลงของการลงทุนด้านการ ก่อสร้าง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ 2.0
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจและการเงิน มีดังนี้
1. ภาคเกษตรกรรม รายได้ของเกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักลดลงร้อยละ 10.6 เนื่องจากราคาพืชผล หลักลดลงร้อยละ 11.1 ตามราคายางพาราที่ลดลงร้อยละ 14.8 ผลจากการชะลอซื้อของผู้ใช้ยางรายใหญ่ ประกอบกับ นักลงทุนในตลาดล่วงหน้าเริ่มเทขายสัญญาเพื่อทำกำไร ขณะที่ผลผลิตพืชผลหลักเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 2.1 ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตยางพารา เป็นสำคัญ ด้านประมงทะเลปริมาณสัตว์น้ำนำขึ้นท่าเทียบเรือลดลง แม้ว่าการทำประมงทางฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะจังหวัด ภูเก็ต และระนอง หลังจากเกิดธรณีพิบัติภัยสึนามิแล้วมีสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ขึ้น ขณะที่ราคาสัตว์น้ำยังไม่สามารถปรับ เพิ่มขึ้นได้ตามต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนน้ำมัน ทำให้ผู้ประกอบการประมงส่วนหนึ่งหยุดทำการประมง ส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือในภาคใต้ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.2 แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 นอกจากนั้น การทำประมงนอกน่านน้ำยังคงมีความเสี่ยงด้านความไม่ปลอดภัยทางทะเล สำหรับผลผลิตกุ้งเพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ราคากุ้งปรับลดลงทุกขนาด
2. ภาคอุตสาหกรรม โดยรวมของภาคใต้ลดลง โดยผลผลิตน้ำมันปาล์มลดลงร้อยละ 32.5 ตามปริมาณและ คุณภาพของวัตถุดิบ ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋อง ยางพารา สัตว์น้ำแปรรูปและแช่แข็ง ไม้ยางพาราและ เฟอร์นิเจอร์ และถุงมือยาง การผลิตลดลงตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ และวัตถุดิบที่น้อยลง โดยปริมาณการ ส่งออกลดลงร้อยละ 21.6 16.5 15.5 9.7 และ 9.3 ตามลำดับ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประสบปัญหาต้นทุน วัตถุดิบสูงขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าปรับขึ้นได้ไม่มากนัก เพราะภาวะการแข่งขันสูง และมาตรการทางการค้าที่เข้มงวดของ ประเทศคู่ค้าสำคัญ
3. การท่องเที่ยว ภาวะท่องเที่ยวของภาคใต้ลดลง โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคน เข้าเมืองในภาคใต้ประมาณ 607,237 คน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.3 เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ทำให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภาคใต้ตอนล่างลดลง โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลาลดลงร้อยละ 34.6 ส่วนการท่องเที่ยวทางฝั่ง อันดามันชะลอลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงกรีนซีซันนักท่องเที่ยวชาวยุโรปและสแกนดิเนเวียเข้ามาน้อยลง อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวเอเชียและออสเตรเลียเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวชะลอลงไม่มากนัก โดย นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.3 ชะลอลงจากร้อยละ 41.6 ในไตรมาสก่อน
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคชะลอตัวลง ตามปัจจัยลบด้านราคาน้ำมันที่ มีแนวโน้มสูงขึ้น ความไม่แน่นอนทางการเมือง และสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกาจดทะเบียนใหม่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ ลดลงจากไตรมาส เดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.1 13.0 และ 24.0 และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนลดลงร้อยละ 17.4 18.1 และ 7.9 ตามลำดับ ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ 1,937.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 แต่เป็นอัตราที่ชะลอลงจากร้อยละ 19.4 ในไตรมาส ก่อน
5. การลงทุนภาคเอกชน ชะลอตัวลงพิจารณาจากเครื่องชี้ทางด้านการก่อสร้าง โดยพื้นที่ก่อสร้างในไตรมาส ที่ 2 ปี 2550 ลดลงเกือบทุกประเภทคิดเป็นร้อยละ 13.5 ยกเว้นพื้นที่ก่อสร้างเพื่อการบริการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 555.8 เนื่องจากมีการก่อสร้างโรงพยาบาล และโรงเรียนเอกชน เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ด้านโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการ ลงทุนมี 21 โครงการ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 1 โครงการ แต่เงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 239.9 เนื่องจากโครงการกิจการขนส่งทางท่อในจังหวัดสงขลา มีเงินลงทุนสูงถึง 7,650 ล้านบาท สำหรับการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคล จำนวนรายและทุนจดทะเบียนลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 34.1 และ 16.7 ตามลำดับ
6. การจ้างงาน ผู้ประกอบการแจ้งความต้องการแรงงานผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัดในภาคใต้ทั้งสิ้น 10,220 อัตรา ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.9 โดยจังหวัดสงขลามีตำแหน่งงานว่างสูงสุด รองลงมาได้แก่ จังหวัด สุราษฎร์ธานี ขณะที่มีผู้สมัครงานทั้งสิ้น 16,150 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.5 และมีการบรรจุงานรวม 9,449 อัตรา เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.4 สำหรับผู้เข้าประกันตนมีจำนวน 581,162 คน ยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 แต่เป็นอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาส ก่อนซึ่งขยายตัวร้อยละ 4.9
7. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของภาคใต้อยู่ที่ร้อยละ 2.0 เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและ เครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ตามการเพิ่มขึ้นของหมวดผักและผลไม้ร้อยละ 14.1 หมวดปลาและสัตว์น้ำร้อยละ 6.7 หมวด ข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งร้อยละ 3.1 ขณะที่หมวดเนื้อสัตว์ลดลงร้อยละ 11.9 ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่มิใช่อาหารและ เครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ตามการเพิ่มขึ้นของค่าโดยสารสาธารณะร้อยละ 5.8 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของไตรมาสที่ 2 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 1.3
8. การค้าต่างประเทศ การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้ มีมูลค่า 2,423.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.2 เป็นผลจากการส่งออกไม้ยางพาราแปรรูปและเฟอร์นิเจอร์ ถุงมือยาง และสัตว์น้ำแช่แข็ง เป็นสำคัญ ขณะที่ยางพารา และอาหารทะเลกระป๋อง มีมูลค่าส่งออกลดลงร้อยละ 16.0 และ 9.7 ตามลำดับ ส่วนการนำเข้ามี มูลค่า 1,173.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 31.4 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของการนำเข้า เครื่องจักรและอุปกรณ์ และน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสำคัญ
9. ภาคการคลัง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการต่าง ๆ ในภาคใต้มีจำนวน 31,010.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.7 ตามการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณของคลังจังหวัดต่างๆ โดยคลังจังหวัดที่มี การเบิกจ่ายในระดับสูง ได้แก่คลังจังหวัดนครศรีธรรมราช คลังจังหวัดสงขลา และคลังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.6 5.8 และ 8.2 ตามลำดับ เนื่องจากมีมาตรการให้เร่งเบิกจ่ายเงินด้านงบลงทุน และให้มีการก่อหนี้ผูกพันภายใน วันที่ 30 มิถุนายน 2550 รวมทั้งมีการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นอย่าง ต่อเนื่อง ส่วนรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากร มีจำนวน 8,258.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.0 ตามการจัดเก็บภาษีสรรพากร ภาษีสรรพสามิต และภาษีศุลกากร ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 24.0 และ 22.8 ตามลำดับ
10. ภาคการเงิน ณ สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ คาดว่ามีจำนวนรวม 389,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.6 ส่วนสินเชื่อมีจำนวนประมาณ 313,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 เป็นการเพิ่มในอัตราชะลอลง โดยมีปัจจัยลบด้านภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ความไม่ชัดเจนทางการเมืองในประเทศ รวมทั้ง เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องระมัดระวังในการให้สินเชื่อมากขึ้น โดยจะเน้น กลุ่มลูกค้าที่เป็นธุรกิจรายเก่าที่มีประวัติการเงินดี และกลุ่มสินเชื่อรายย่อยที่มีแหล่งรายได้แน่นอน เป็นสำคัญ
ข้อมูลเพิ่มเติม : ภูวดล เหล่าแก้ว โทร. 0 7436 7646 e-mail : phoowadl@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจและการเงิน มีดังนี้
1. ภาคเกษตรกรรม รายได้ของเกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักลดลงร้อยละ 10.6 เนื่องจากราคาพืชผล หลักลดลงร้อยละ 11.1 ตามราคายางพาราที่ลดลงร้อยละ 14.8 ผลจากการชะลอซื้อของผู้ใช้ยางรายใหญ่ ประกอบกับ นักลงทุนในตลาดล่วงหน้าเริ่มเทขายสัญญาเพื่อทำกำไร ขณะที่ผลผลิตพืชผลหลักเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 2.1 ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตยางพารา เป็นสำคัญ ด้านประมงทะเลปริมาณสัตว์น้ำนำขึ้นท่าเทียบเรือลดลง แม้ว่าการทำประมงทางฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะจังหวัด ภูเก็ต และระนอง หลังจากเกิดธรณีพิบัติภัยสึนามิแล้วมีสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ขึ้น ขณะที่ราคาสัตว์น้ำยังไม่สามารถปรับ เพิ่มขึ้นได้ตามต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนน้ำมัน ทำให้ผู้ประกอบการประมงส่วนหนึ่งหยุดทำการประมง ส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือในภาคใต้ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.2 แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 นอกจากนั้น การทำประมงนอกน่านน้ำยังคงมีความเสี่ยงด้านความไม่ปลอดภัยทางทะเล สำหรับผลผลิตกุ้งเพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ราคากุ้งปรับลดลงทุกขนาด
2. ภาคอุตสาหกรรม โดยรวมของภาคใต้ลดลง โดยผลผลิตน้ำมันปาล์มลดลงร้อยละ 32.5 ตามปริมาณและ คุณภาพของวัตถุดิบ ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋อง ยางพารา สัตว์น้ำแปรรูปและแช่แข็ง ไม้ยางพาราและ เฟอร์นิเจอร์ และถุงมือยาง การผลิตลดลงตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ และวัตถุดิบที่น้อยลง โดยปริมาณการ ส่งออกลดลงร้อยละ 21.6 16.5 15.5 9.7 และ 9.3 ตามลำดับ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประสบปัญหาต้นทุน วัตถุดิบสูงขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าปรับขึ้นได้ไม่มากนัก เพราะภาวะการแข่งขันสูง และมาตรการทางการค้าที่เข้มงวดของ ประเทศคู่ค้าสำคัญ
3. การท่องเที่ยว ภาวะท่องเที่ยวของภาคใต้ลดลง โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคน เข้าเมืองในภาคใต้ประมาณ 607,237 คน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.3 เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ทำให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภาคใต้ตอนล่างลดลง โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลาลดลงร้อยละ 34.6 ส่วนการท่องเที่ยวทางฝั่ง อันดามันชะลอลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงกรีนซีซันนักท่องเที่ยวชาวยุโรปและสแกนดิเนเวียเข้ามาน้อยลง อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวเอเชียและออสเตรเลียเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวชะลอลงไม่มากนัก โดย นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.3 ชะลอลงจากร้อยละ 41.6 ในไตรมาสก่อน
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคชะลอตัวลง ตามปัจจัยลบด้านราคาน้ำมันที่ มีแนวโน้มสูงขึ้น ความไม่แน่นอนทางการเมือง และสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกาจดทะเบียนใหม่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ ลดลงจากไตรมาส เดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.1 13.0 และ 24.0 และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนลดลงร้อยละ 17.4 18.1 และ 7.9 ตามลำดับ ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ 1,937.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 แต่เป็นอัตราที่ชะลอลงจากร้อยละ 19.4 ในไตรมาส ก่อน
5. การลงทุนภาคเอกชน ชะลอตัวลงพิจารณาจากเครื่องชี้ทางด้านการก่อสร้าง โดยพื้นที่ก่อสร้างในไตรมาส ที่ 2 ปี 2550 ลดลงเกือบทุกประเภทคิดเป็นร้อยละ 13.5 ยกเว้นพื้นที่ก่อสร้างเพื่อการบริการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 555.8 เนื่องจากมีการก่อสร้างโรงพยาบาล และโรงเรียนเอกชน เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ด้านโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการ ลงทุนมี 21 โครงการ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 1 โครงการ แต่เงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 239.9 เนื่องจากโครงการกิจการขนส่งทางท่อในจังหวัดสงขลา มีเงินลงทุนสูงถึง 7,650 ล้านบาท สำหรับการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคล จำนวนรายและทุนจดทะเบียนลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 34.1 และ 16.7 ตามลำดับ
6. การจ้างงาน ผู้ประกอบการแจ้งความต้องการแรงงานผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัดในภาคใต้ทั้งสิ้น 10,220 อัตรา ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.9 โดยจังหวัดสงขลามีตำแหน่งงานว่างสูงสุด รองลงมาได้แก่ จังหวัด สุราษฎร์ธานี ขณะที่มีผู้สมัครงานทั้งสิ้น 16,150 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.5 และมีการบรรจุงานรวม 9,449 อัตรา เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.4 สำหรับผู้เข้าประกันตนมีจำนวน 581,162 คน ยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 แต่เป็นอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาส ก่อนซึ่งขยายตัวร้อยละ 4.9
7. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของภาคใต้อยู่ที่ร้อยละ 2.0 เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและ เครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ตามการเพิ่มขึ้นของหมวดผักและผลไม้ร้อยละ 14.1 หมวดปลาและสัตว์น้ำร้อยละ 6.7 หมวด ข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งร้อยละ 3.1 ขณะที่หมวดเนื้อสัตว์ลดลงร้อยละ 11.9 ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่มิใช่อาหารและ เครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ตามการเพิ่มขึ้นของค่าโดยสารสาธารณะร้อยละ 5.8 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของไตรมาสที่ 2 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 1.3
8. การค้าต่างประเทศ การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้ มีมูลค่า 2,423.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.2 เป็นผลจากการส่งออกไม้ยางพาราแปรรูปและเฟอร์นิเจอร์ ถุงมือยาง และสัตว์น้ำแช่แข็ง เป็นสำคัญ ขณะที่ยางพารา และอาหารทะเลกระป๋อง มีมูลค่าส่งออกลดลงร้อยละ 16.0 และ 9.7 ตามลำดับ ส่วนการนำเข้ามี มูลค่า 1,173.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 31.4 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของการนำเข้า เครื่องจักรและอุปกรณ์ และน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสำคัญ
9. ภาคการคลัง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการต่าง ๆ ในภาคใต้มีจำนวน 31,010.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.7 ตามการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณของคลังจังหวัดต่างๆ โดยคลังจังหวัดที่มี การเบิกจ่ายในระดับสูง ได้แก่คลังจังหวัดนครศรีธรรมราช คลังจังหวัดสงขลา และคลังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.6 5.8 และ 8.2 ตามลำดับ เนื่องจากมีมาตรการให้เร่งเบิกจ่ายเงินด้านงบลงทุน และให้มีการก่อหนี้ผูกพันภายใน วันที่ 30 มิถุนายน 2550 รวมทั้งมีการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นอย่าง ต่อเนื่อง ส่วนรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากร มีจำนวน 8,258.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.0 ตามการจัดเก็บภาษีสรรพากร ภาษีสรรพสามิต และภาษีศุลกากร ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 24.0 และ 22.8 ตามลำดับ
10. ภาคการเงิน ณ สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ คาดว่ามีจำนวนรวม 389,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.6 ส่วนสินเชื่อมีจำนวนประมาณ 313,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 เป็นการเพิ่มในอัตราชะลอลง โดยมีปัจจัยลบด้านภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ความไม่ชัดเจนทางการเมืองในประเทศ รวมทั้ง เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องระมัดระวังในการให้สินเชื่อมากขึ้น โดยจะเน้น กลุ่มลูกค้าที่เป็นธุรกิจรายเก่าที่มีประวัติการเงินดี และกลุ่มสินเชื่อรายย่อยที่มีแหล่งรายได้แน่นอน เป็นสำคัญ
ข้อมูลเพิ่มเติม : ภูวดล เหล่าแก้ว โทร. 0 7436 7646 e-mail : phoowadl@bot.or.th
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--