นางสาวดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจ และแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
เศรษฐกิจไทยในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาสที่ 2 ยังขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งจากการใช้จ่าย ภายในประเทศและการส่งออก ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูงและอัตราการว่างงานอยู่ใน ระดับต่ำต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณว่าต้นทุนการผลิตและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้เริ่มส่งผลกระทบ ต่อความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งเริ่มบั่นทอนความสามารถ ในการแข่งขันด้านราคาของภาคการส่งออก นอกจากนี้ สถานการณ์ต่างประเทศมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งคณะกรรมการฯจะติดตามอย่างใกล้ชิด
ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ผ่านมา โดยอัตราเงินเฟ้อเร่งขึ้นจาก ราคาน้ำมันและอาหารสดที่เพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับการส่งผ่านต้นทุนการผลิตไปสู่ราคาสินค้าอื่นๆ เกิดขึ้นเร็วกว่าในอดีตเพราะเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี นอกจากนี้ เครื่องชี้การคาดการณ์เงินเฟ้อเพิ่ม สูงขึ้นเป็นลำดับ ทำให้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในเกณฑ์สูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง
คณะกรรมการฯ เห็นว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีมากขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของ ภาคเอกชนและทำให้การดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจทำได้ยากขึ้นในระยะต่อไป และมีผลกระทบต่อ ศักยภาพการเติบโตและความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว จึงมีมติให้ขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 3.25 เป็นร้อยละ 3.50 ต่อปี โดยมีผลทันที
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะติดตามแนวโน้มเงินเฟ้อและการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมหากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงสูงต่อเนื่อง
ข้อมูลเพิ่มเติม : นายอัครพล จับจิตรใจดล โทร 0 2283 5621 e-mail: akkharac@bot.or.th