ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้เดือนสิงหาคม ชะลอตัว ด้านอุปทาน ผลผลิตพืชผลเพิ่มขึ้นใน อัตราที่ชะลอลง ตามผลผลิตปาล์มน้ำมันและยางพารา ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวขยายตัวในอัตรา ชะลอลง การประมงปรับตัวดีขึ้น แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง ด้านอุปสงค์ การอุปโภค บริโภคภาคเอกชนขยายตัว การส่งออกและการลงทุนชะลอตัว การเบิกจ่ายงบประมาณลดลง สำหรับ ดัชนีราคาผู้บริโภคชะลอตัว ด้านสินเชื่อและเงินฝากขยายตัว
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนสิงหาคม ปี 2551 มีดังนี้
1. ภาคเกษตร ดัชนีรายได้ของเกษตรกรขยายตัวร้อยละ 55.3 ชะลอลงจากร้อยละ 89.1 ในเดือนก่อน ชะลอตัวลงทั้งผลผลิตและราคา โดยผลผลิตพืชผลสำคัญเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 14.1 ตาม ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันและยางพาราที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 39.8 และร้อยละ 5.2 ตามลำดับ เมื่อ เทียบกับเดือนก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 61.5 และ 10.3 ตามลำดับ ด้านราคาพืชผลสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.1 ชะลอตัวลงตามราคาในตลาดโลกเช่นกัน โดยราคายางและปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.7 และ 5.5 ตามลำดับ
ประมงทะเล ปรับตัวดีขึ้น ปริมาณและมูลค่าสัตว์น้ำที่นำขึ้นท่าเทียบเรือขององค์การสะพาน ปลาในภาคใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 และ 2.2 ตามลำดับ เป็นการเพิ่มขึ้นที่ท่าเทียบเรือฯ จังหวัดระนอง และปัตตานี จากการทำประมงในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการเพาะเลี้ยงกุ้ง ผลผลิตออกสู่ ตลาดลดลงร้อยละ 25.8 เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ยังสูง ขณะที่ราคาปรับตัวขึ้นไม่มาก ไม่จูงใจใน การเลี้ยง ทางด้านราคากุ้งขาวขนาด 50 ตัวต่อกิโลกรัม ที่ตลาดมหาชัยในเดือนนี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 123.9 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.8 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาในเดือน เดียวกันปีก่อนเป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบปี
2. ภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 6.5 จากการผลิต อุตสาหกรรมยางที่ลดลงตามความต้องการของต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและยุโรป แม้ว่าจีนจะ คงมีความต้องการต่อเนื่อง โดยอุตสาหกรรมยางแท่งและยางแผ่นรมควัน มีปริมาณส่งออกผ่านด่าน ศุลกากรในภาคใต้จำนวน 75,421.0 เมตริกตันและ 39,467.1 เมตริกตัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปี ก่อนร้อยละ 9.9 และ 12.9 ตามลำดับ ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมสัตว์น้ำแช่แข็ง มีปริมาณส่งออก ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.1 เป็นการลดลงของผลิตภัณฑ์ปลาและปลาหมึก ขณะที่ ผลิตภัณฑ์กุ้งปรับตัวดีขึ้น จากการส่งออกไปตลาดสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ส่วนอาหารทะเลบรรจุ กระป๋อง มีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.7 ซึ่งตะวันออกกลางยังคงเป็น ตลาดหลักที่มีการขยายตัวดี ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ สำหรับอุตสาหกรรม น้ำมันปาล์มดิบ มีผลผลิตจำนวน 129,386.2 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 36.4 ตามปริมาณวัตถุดิบ
3. การท่องเที่ยว ขยายตัว แต่ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ 271,059 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.4 ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในภาคใต้ตอนล่างเป็นสำคัญ เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่าน ด่านตรวจคนเข้าเมืองในจังหวัดสงขลาเพิ่มขึ้นร้อยละ 49.5 เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการ ท่องเที่ยว ได้แก่ งานตักบาตรพระ 2,500 รูป ประกอบกับเป็นช่วงวันชาติของประเทศมาเลเซีย ส่วน ภาวะการท่องเที่ยวในภาคใต้ฝั่งตะวันตก นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวลดลง เนื่องจากเป็น ช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และปัญหาสถานการณ์ทางการเมือง ที่มีการประท้วงปิดสนามบินในช่วง ปลายเดือน โดยจังหวัดภูเก็ตนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศลดลงร้อยละ 11.6
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.0 ตามดัชนีในหมวดภาษีมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 เนื่องจากภาวะการท่องเที่ยวและราคาสินค้าเกษตรอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะเดียวกันปริมาณการใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 ส่วนดัชนีหมวดยานยนต์ลดลงร้อยละ 10.2 ตามการจดทะเบียนรถยนต์และ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการรอรถรุ่นใหม่เปิดตัวในช่วงปลายเดือน และ ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูง ผู้บริโภคจึงชะลอการซื้อ ขณะที่ดัชนีหมวดเชื้อเพลิงลดลงร้อยละ 4.7 ตามปริมาณการใช้น้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล
5. การลงทุนภาคเอกชน ชะลอตัว ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และความเข้มงวดในการให้สินเชื่อของสถาบัน การเงิน โดยพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลลดลงร้อยละ 9.8 ทางด้านโครงการที่ได้รับ อนุมัติส่งเสริมการลงทุน จำนวนโครงการและเงินลงทุนลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 30.0 และ 94.0 ตามลำดับ โดยมีโครงการลงทุนที่น่าสนใจ 2 โครงการ คือ โครงการบ้านพักและศูนย์ สวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ ในจังหวัดภูเก็ตเงินลงทุน 250.0 ล้านบาท และกิจการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ ในจังหวัดระนองเงินลงทุน 100.0 ล้านบาท ส่วนการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลใหม่ จำนวนราย ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.3 แต่ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.9
6. การจ้างงาน เพิ่มขึ้น ผู้ได้รับการบรรจุงานเดือนนี้มีจำนวน 3,040 อัตรา เพิ่มขึ้นจาก เดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.3 ด้านความต้องการจ้างงาน มีตำแหน่งงานว่างที่ผู้ประกอบการใช้ บริการผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัดในภาคใต้จำนวน 2,973 อัตรา เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 0.3 เพิ่มขึ้นมากในจังหวัดนราธิวาส สตูลและปัตตานี ส่วนผู้สมัครงาน มีจำนวน 3,646 คน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.6 ส่วนผู้ประกันตน ณ สิ้นเดือนนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 582,908 คน เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.1
7. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อของภาคใต้ในเดือนนี้ อยู่ที่ร้อยละ 8.3 ชะลอลงจาก ร้อยละ 11.0 ในเดือนก่อน เนื่องจากราคาสินค้าในหมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ชะลอตัวลง เนื่องจากการดำเนินนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล ส่วนราคาสินค้าในหมวด อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ16.0 ตามการเพิ่มขึ้นของข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งเป็นสำคัญ สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของภาคใต้ อยู่ที่ร้อยละ 4.7 ลดลงจากร้อยละ 5.7 ในเดือนก่อน
8. การค้าต่างประเทศ ขยายตัว โดยมูลค่าการค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้มีจำนวน ทั้งสิ้น 1,830.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 28.9 แยกเป็นมูลค่าการ ส่งออก 1,246.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.8 ตามการเพิ่มขึ้นของ มูลค่าส่งออกยางพารา น้ำมันปาล์ม อาหารกระป๋องและสัตว์น้ำแช่แข็ง เป็นสำคัญ ส่วนการนำเข้ามี มูลค่า 583.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 31.6 เป็นผลจากการนำเข้า สัตว์น้ำแช่แข็ง เครื่องจักรและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
9. ภาคการคลัง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการต่าง ๆ ในภาคใต้ มีจำนวน 8,856.4 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.4 ส่วนภาษีอากรจัดเก็บได้ 3,245.4 ล้าน บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 เนื่องจากจัดเก็บภาษีสรรพากรได้ลดลงร้อยละ 2.0 ขณะเดียวกันจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร ได้ลดลงร้อยละ 10.3 และ 13.0 ตามลำดับ
10. การเงิน เงินฝากคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2551 ของสาขาธนาคารพาณิชย์ใน ภาคใต้ มีประมาณ 412,000.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.3 เป็นการ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อนนี้ เนื่องจากมีการออมในลักษณะอื่นที่ได้รับผลตอบแทนสูง กว่ามากขึ้น ทางด้านสินเชื่อคงค้างมี ประมาณ 370,000.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 16.2 โดยยังคงขยายตัวในสินเชื่อประเภทส่วนบุคคล และเงินทุนหมุนเวียนในภาคธุรกิจ