ภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ไตรมาส 3 ปี 2552 และแนวโน้ม ปี 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 3, 2009 15:37 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ ไตรมาสที่ 3 ปี 2552 ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ปรับตัวดีขึ้นจากที่หดตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ผ่านมา โดยรายได้ของเกษตรกร แม้ว่าจะยังคงลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ปรับดีขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 เนื่องจากปริมาณผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมัน กระเตื้องขึ้น ส่วนการทำประมงและการเพาะเลี้ยงกุ้งขยายตัวดี แม้ว่าราคาจะปรับลดลงเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกระเตื้องขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา การท่องเที่ยวหดตัวในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า ตามการลดลงของนักท่องเที่ยวในภาคใต้ตอนล่าง ขณะที่นักท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน เพิ่มขึ้น สำหรับการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชน เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง ส่วนการลงทุนและการจ้างงานลดลง แม้ว่าจะมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการต่างๆ เพิ่มขึ้นอัตราเงินเฟ้อชะลอลง ส่วนการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังคงชะลอตัว

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ปี 2552 มีดังนี้

1. ภาคเกษตร ดัชนีรายได้เกษตรกรกระเตื้องขึ้นจากไตรมาสที่ 2 โดยปรับลดลงร้อยละ 35.9 จากที่ปรับลดลงร้อยละ 44.4 ในไตรมาสก่อน เนื่องจากทั้งการผลิตและราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ ยางพารา และปาล์มน้ำมันกระเตื้องขึ้น โดยราคายางแผ่นดิบชั้น 3 กิโลกรัมละ 61.44 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 35.4 แต่ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ปี 2552 ร้อยละ 16.6

ส่วนการทำประมง ปริมาณสัตว์น้ำและมูลค่าสัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือภาคใต้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.5 และ 16.6 ตามลำดับ ตามปริมาณสัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือสงขลาและปัตตานี ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 70 ของภาคใต้ ยอดเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 61.7 และ 34.0 ตามลำดับ ด้านราคากุ้ง ช่วงต้นปีอยู่ในเกณฑ์ดี จึงจูงใจให้เกษตรกรลงกุ้งมากขึ้น ทำให้ผลผลิตกุ้งขาวในไตรมาสนี้ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.2 เป็นผลให้ราคาซื้อขายกุ้งปรับลดลงทุกขนาด

2. ภาคอุตสาหกรรมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยปรับลดลงร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2552 ที่ปรับลดลงร้อยละ 3.7 ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง อาหารทะเลแช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ถุงมือยาง และไม้ยางพาราแปรรูปเพิ่มขึ้น ส่วนผลผลิตยาง และน้ำมันปาล์มดิบลดลง

3. การท่องเที่ยว หดตัวชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.1 ตามการลดลงของนักท่องเที่ยวภาคใต้ตอนล่าง ขณะที่นักท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน เพิ่มขึ้น ส่วนอัตราการเข้าพักเฉลี่ยร้อยละ 40-45 ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยร้อยละ 45-50

4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 0.2 ทั้งนี้ เครื่องชี้การบริโภคที่สำคัญ คือ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.2 ดัชนีหมวดเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 และปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 ส่วนดัชนีหมวดยานยนต์ ลดลงร้อยละ 23.6

5. การลงทุนภาคเอกชน การลงทุนโดยรวมหดตัว แต่เริ่มมีสัญญานการลงทุนจากการขยายตัวของโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนรายและเงินลงทุน ร้อยละ 92.9 และ 16.7 ขณะเดียวกัน พื้นที่รับอนุญาตให้ก่อสร้างปรับตัวลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.6 ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลรายใหม่ ยังคงลดลงทั้งจำนวนรายและเงินทุนจดทะเบียน ร้อยละ 8.2 และ 34.3 ตามลำดับ

6. การจ้างงาน ตำแหน่งงานว่างและการบรรจุงานลดลง ร้อยละ 2.6 และ 11.8 ขณะที่มีผู้สมัครงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 ยอดผู้ประกันตนในภาคใต้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 3.1 ใกล้เคียงกับอัตราการเพิ่มของไตรมาสที่ 2 ขณะที่แรงงานที่เข้าโครงการประกันสังคม ตามมาตรา 33 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 จำนวน 602,206 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.1 โดยเพิ่มขึ้นใน ทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดภูเก็ตที่ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.3

7. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของภาคใต้เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 1.2 เป็นผลจากการลดลงของดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 5.1 ขณะที่ ดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ตามการเพิ่มขึ้นของสินค้าเกือบทุกประเภท โดยเฉพาะผักและผลไม้ ไข่และผลิตภัณฑ์นม ปลาและสัตว์น้ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 0.1 แต่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า

8. การค้าต่างประเทศ การส่งออกในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. ลดลงในอัตราที่ชะลอลง โดยลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 29.7 จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว โดยการส่งออกสินค้าหมวดยางพารา สัตว์น้ำแช่แข็ง ถุงมือยาง และอาหารกระป๋อง มีมูลค่าลดลง ขณะที่การส่งออกไม้ยางพารา แปรรูป มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ด้านนำเข้าลดลงในอัตราที่เร่งตัวขึ้น โดยลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.6 ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ยอดการนำเข้าหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ และสัตว์น้ำแช่แข็ง มีมูลค่าลดลง ส่วนการนำเข้าน้ำยางสังเคราะห์ และอุปกรณ์ก่อสร้าง มีมูลค่าลดลงในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่ การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

การค้าชายแดน มีมูลค่าการค้ารวมลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.7 โดยมูลค่าการส่งออกลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 24.3 อัตราการลดลงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ที่ส่งออกลดลงร้อยละ 34.5 เป็นผลจากการส่งออกสินค้าสำคัญลดลง โดยเฉพาะหมวดยางพารา ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 42.9 ของมูลค่ารวมการส่งออกผ่านด่านฯ ทั้งหมด ลดลงร้อยละ 42.1 ส่วนการนำเข้า ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.9 เป็นผลจากการนำเข้าสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ลดลงเป็นสำคัญ

9. ภาคการคลัง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 27.3โดยเป็นการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.6 และร้อยละ 49.0 ตามลำดับ เนื่องจากภาครัฐได้ให้ความสำคัญในการเร่งรัดเบิกจ่ายเงินงบประมาณ โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการนำเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และเพิ่มการจ้างงาน

10. การเงิน เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคใต้หดตัวลงร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนสินเชื่อคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.3 ชะลอลงจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 ที่ขยายตัวร้อยละ 0.9

แนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2552

สำหรับไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ ยังคงขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร โดยเฉพาะจากยางพาราที่เป็นพืชผลหลักของภาคใต้ รวมทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกยาง ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลดีจากความต้องการซื้อยางจากจีน ที่ยังคงมีอยู่ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน ที่คาดว่าจะขยายมาตรการลดภาษีและจ่ายเงินอุดหนุนต่อไป ตามการเรียกร้องของกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์จีน ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยว มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากมีการเร่งส่งเสริมการตลาดทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยดำเนินการทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น และสัญญาณของการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นและท่องเที่ยวมากขึ้น

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้

ข้อมูลเพิ่มเติม : นาฏน้อย แก้วมีจีน

โทร.0-7423-6200 ต่อ 4329

e-mail : nartnoik@bot.or.th

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ