ภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ไตรมาส 4 ปี 2552 และแนวโน้ม

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 2, 2010 14:32 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ฉบับที่ 1/2553

ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ ไตรมาสที่ 4 ปี 2552 เศรษฐกิจของภาคใต้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งทางด้านการผลิตและการใช้จ่าย โดยรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นจากที่หดตัวในไตรมาสก่อน เนื่องจากราคายางพาราและปาล์มน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น การทำประมงทะเลเพิ่มขึ้นทั้งในด้านปริมาณและมูลค่า อย่างไรก็ตามผลผลิตกุ้งจากการเพาะเลี้ยงลดลง ด้านการผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นทั้งการผลิตเพื่อการส่งออกและการผลิตเพื่อการขายในประเทศ การท่องเที่ยวเร่งตัวขึ้น จากการออกมาตรการส่งเสริมทั้งการลดราคาห้องพัก และทำการตลาด ทำให้มีการเพิ่มเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศมายังจังหวัดภูเก็ต เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการลงทุนโดยรวมปรับตัวดีขึ้น ทางด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นและความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ปี 2552 มีดังนี้

1. ภาคเกษตร รายได้เกษตรกรขยายตัวถึงร้อยละ 41.4 จากไตรมาสก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ 36.8 เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น โดยยางแผ่นดิบชั้น 3 ราคาที่ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ในไตรมาสนี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.25 บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 52.6 เนื่องจากความต้องการใช้ยางในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ผลผลิตของโลกลดลง ส่วนปาล์มน้ำมันราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.06 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.2

ทางด้านประมงทะเล ปริมาณและมูลค่าสัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือภาคใต้มีปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 และร้อยละ 4.2 ส่วนผลผลิตกุ้งในภาคใต้ลดลงร้อยละ 10.2 ด้านราคาซื้อขายกุ้งขนาด 50ตัวต่อกิโลกรัมเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ขณะที่กุ้งขนาด 70-100 ตัวต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นกุ้งขนาดเล็กราคาปรับลดลง อนึ่ง การจำหน่ายกุ้งในโครงการรับจำนำกุ้งขาวแวนนาไมปี 2552 นั้น อยู่ระหว่างขออนุมัติหลักเกณฑ์จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

2. ภาคอุตสาหกรรมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 28.0 เร่งตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 1.0 เมื่อพิจารณารายละเอียด อุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกปรับตัวดีขึ้น ตามการผลิตยาง อาหารทะเลแช่แข็ง อาหารทะเลบรรจุกระป๋องและไม้ยางพาราแปรรูปที่มีความต้องการจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาก ขณะเดียวกันการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งเป็นการผลิตที่พึ่งพาตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน

3. การท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ลดลงร้อยละ 0.1 เป็นผลจากนักท่องเที่ยวฝั่งตะวันตก เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 18.4 เนื่องจาก การส่งเสริมการตลาดโดยการลดราคาห้องพัก การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว การเพิ่มเที่ยวบินตรงและเช่าเหมาลำ ทำให้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยร้อยละ 60 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยร้อยละ 56 ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในภาคใต้ตอนล่างเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 เร่งตัวขึ้นมากจากไตรมาสก่อนที่มีนักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 10.4

4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 0.9 ตามการปรับตัวดีขึ้นของภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.5 ส่วนดัชนีหมวดเชื้อเพลิง และปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า สำหรับหมวดยานยนต์ แม้จะลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 10.2 แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ลดลงร้อยละ 23.6 การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้เป็นผลจากรายได้เกษตรกรที่สูงขึ้น การท่องเที่ยวที่ดีขึ้น การเร่งการเบิกจ่ายของภาครัฐและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง

5. การลงทุน การลงทุนโดยรวมปรับตัวดีขึ้น จากการขยายตัวของพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง และการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลรายใหม่ รวมทั้งการเพิ่มทุนจดทะเบียนธุรกิจที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และเงินเพิ่มทุนจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลลดลง

6. การจ้างงาน การบรรจุงานลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.3 โดยมีจำนวนผู้สมัครงานลดลงร้อยละ 3.6 ขณะที่มีตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ส่วนผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ในภาคใต้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน

7. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของภาคใต้กลับมาบวกที่ร้อยละ 3.1 หลังจากติดลบมาตั้งแต่ไตรมาส 2 ตามดัชนีราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.8 จากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าผักและผลไม้ ขณะที่หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร เนื่องจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ร้อยละ 0.5

8. การค้าต่างประเทศ มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้า กอปรกับ ไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็นช่วงเริ่มเกิดวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐอเมริกา โดยสินค้าหมวดยางพารา ที่มีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกมากที่สุด มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 นอกจากนี้ สินค้าที่มูลค่าส่งออกเร่งตัวสูงขึ้น ได้แก่ ไม้ยางพาราแปรรูป และอาหารกระป๋อง ส่วนการส่งออกสัตว์น้ำมูลค่าทรงตัว ขณะที่ถุงมือยางมีมูลค่าส่งออกลดลง สำหรับการนำเข้าลดลง ร้อยละ 13.6 เป็นการลดลงในอัตราที่ชะลอลงจากที่ลดลงร้อยละ 25.6 ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากมีการนำเข้าอุปกรณ์ก่อสร้างเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ

9. ภาคการคลัง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 49.1 โดยการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.8 และร้อยละ 201.5 ตามลำดับ เนื่องจากภาครัฐได้ให้ความสำคัญในการเร่งรัดเบิกจ่ายเงินงบประมาณและงบประมาณไทยเข้มแข็ง

ขณะที่ การจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.9 เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตได้เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ โดยจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 186.5 เนื่องจากมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีในหมวดน้ำมัน สุรา เบียร์และยาสูบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2552 ในขณะที่การจัดเก็บภาษีสรรพากรลดลงร้อยละ 2.9

10. การเงิน เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคใต้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 หดตัวจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.1 เนื่องจากผู้ออมเงินหันไปออมเงินในผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่จูงใจกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ส่วนเงินให้สินเชื่อขยายตัวจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.8 กระเตื้องขึ้นหลังจากที่เดือนก่อนหน้าหดตัวร้อยละ 0.1

แนวโน้มไตรมาส 1 ปี 2553

เศรษฐกิจภาคใต้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญยังอยู่ในระดับสูงทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมัน ส่งผลให้รายได้เกษตรกรอยู่ในเกณฑ์ดี และมีการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการลงทุนภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว นอกจากนี้ยังได้รับแรงกระตุ้นจาก การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณตามโครงการไทยเข้มแข็ง ทางด้านเงินฝากและเงินให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์จะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ผ่อนคลายความเข้มงวดในการพิจารณาการให้สินเชื่อแก่ภาคเอกชน

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้

ข้อมูลเพิ่มเติม : นาฏน้อย แก้วมีจีน

โทร.0-7423-6200 ต่อ 4329 e-mail : nartnoik@bot.or.th

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ