การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์

ข่าวกฏหมายและประกาศ Wednesday June 9, 2004 10:15 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

                                                9 มิถุนายน 2547 
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศทุกธนาคาร
สาขาธนาคารต่างประเทศทุกธนาคาร *
ที่ สนส. (21) ว. 80 / 2547 เรื่อง การนำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์
ธนาคารแห่งประเทศไทยขอส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้สินเชื่อแก่ หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2547 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2547 และได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 121 ตอนพิเศษ 62ง ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2547 แล้ว
สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ คือ
1. ยกเลิกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการ ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2545
2. ในประกาศฉบับนี้ ได้ปรับปรุงสาระสำคัญของประกาศฉบับเดิมดังนี้
2.1 เพิ่มข้อยกเว้นให้การให้สินเชื่อแก่ หรือลงทุนในกิจการที่กระทรวงการคลังมีผล ประโยชน์เกี่ยวข้องตามข้อ 4.3 (ข) ไม่ถูกบังคับตามประกาศฉบับนี้
2.2 เพิ่มข้อยกเว้นให้การให้สินเชื่อแก่ หรือลงทุนในกองทุนรวมที่จัดตั้งโดยส่วนราชการ ตามข้อ 4.3 (ค) ไม่ถูกบังคับตามประกาศฉบับนี้
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค)
ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงิน
ผู้ว่าการ แทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2547
ฝ่ายนโยบายความเสี่ยงและวิเคราะห์ สายนโยบายสถาบันการเงิน
โทร. 0-2283-5304, 0-2283-5303
หมายเหตุ [
] ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่......ณ..........
[X
] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง
สนสว10-คส24001-25470609ด
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อ
แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์
_________________________
1. เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อกำหนดแนวทางรองรับไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของสถาบันการเงิน และ เพื่อพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประชาชน ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงได้ปรับปรุงประกาศธนาคาร แห่งประเทศไทย
2. อำนาจตามกฎหมาย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22(5) และ 22(8) แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 พ.ศ. 2528 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุน ในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น ตามที่กำหนดในประกาศฉบับนี้
3. ขอบเขตการบังคับใช้
ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ ทุกธนาคาร ยกเว้นกิจการวิเทศธนกิจของสาขาธนาคารต่างประเทศ
4. เนื้อหา
4.1 ให้ยกเลิกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุน ในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2545
4.2 ในประกาศฉบับนี้
"บริษัทจำกัด" หมายความว่า บริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญ นิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น
"ผู้ที่เกี่ยวข้อง" หมายความว่า บุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับอีกบุคคลหนึ่งในลักษณะ อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(1) เป็นคู่สมรส บิดา มารดา หรือผู้รับบุตรบุญธรรม
(2) เป็นบุตรหรือบุตรบุญธรรม
(3) เป็นบริษัทจำกัดที่บุคคลนั้นหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) มีอำนาจในการจัดการ
(4) เป็นบริษัทจำกัดที่บุคคลนั้นหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) มีอำนาจควบคุมคะแนน เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
(5) เป็นบริษัทจำกัดที่บุคคลนั้นหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) มีอำนาจควบคุมการแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการ
(6) เป็นบริษัทลูกของบริษัทจำกัดตาม (3) หรือ (4) หรือ (5)
(7) บริษัทร่วมของบริษัทจำกัดตาม (3) หรือ (4) หรือ (5)
(8) เป็นตัวการหรือตัวแทน
ในกรณีที่บุคคลใดถือหุ้นในบริษัทจำกัดใดตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไปของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริษัทจำกัดนั้นเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว
"บริษัทแม่" หมายความว่า บริษัทจำกัดที่มีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทจำกัดอื่น
"บริษัทลูก" หมายความว่า
(1) บริษัทจำกัดที่มีบริษัทจำกัดอื่นมีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทจำกัดนั้น
(2) บริษัทลูกของบริษัทจำกัดตาม (1) ทุกทอด
"บริษัทร่วม" หมายความว่า บริษัทลูกที่มีบริษัทแม่ร่วมกัน
"อำนาจควบคุมกิจการ" หมายความว่า (1) การที่บุคคลหนึ่งมีหุ้นในบริษัทจำกัดหนึ่งเกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือ
(2) การที่บุคคลหนึ่งมีอำนาจควบคุมคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดหนึ่งไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือไม่ว่าเพราะเหตุอื่นใดหรือ
(3) การที่บุคคลหนึ่งมีอำนาจควบคุมการแต่งตั้งและถอดถอนกรรมการตั้งแต่กึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดในบริษัทจำกัดหนึ่งในกรณีที่บุคคลหนึ่งมีหุ้นในบริษัทจำกัดหนึ่งตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไปของจำนวน หุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลที่มีหุ้น ดังกล่าวมีอำนาจควบคุมกิจการในบริษัทจำกัดนั้น
"ผู้บริหารระดับสูง" หมายความว่า ผู้บริหารตั้งแต่ระดับผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ขึ้นไป
"กิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือ กรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง" หมายความว่า
(1) บริษัทจำกัดที่ธนาคารพาณิชย์ กรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องของบุคคลเหล่านี้ ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละ10 ของ จำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น หรือมีอำนาจควบคุม กิจการในบริษัทจำกัดนั้น
(2) บริษัทร่วมของธนาคารพาณิชย์
"ผู้ถือหุ้น" หมายความว่า
(1) บุคคลที่ถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเกินร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของธนาคารพาณิชย์ โดยให้นับรวมถึงหุ้นที่ถือโดยผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
(2) บุคคลที่มีอำนาจควบคุมกิจการของธนาคารพาณิชย์รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
(3) บริษัทจำกัดที่บุคคลตาม (1) หรือ (2) ถือหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น หรือมีอำนาจควบคุมกิจการในบริษัทจำกัดนั้น
"ธุรกิจทางการเงิน" หมายความว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น ธุรกิจธนาคาร พาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจลิสซิ่ง ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจการรับโอนโดยมีค่าตอบแทนซึ่งสิทธิเรียกร้องที่เกิดจากการจำหน่ายสินค้า เป็นต้น
"ธุรกิจสนับสนุนสถาบันการเงิน" หมายความว่า บริษัทจำกัดที่
(1) มีสถาบันการเงินใดสถาบันการเงินหนึ่งถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 10 ของ จำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น หรือมีสถาบันการเงินหลายแห่งถือหุ้นรวมกัน เกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น และ
(2) ประกอบกิจการอันเป็นงานด้านปฏิบัติการ (back office) หรืองานด้าน สนับสนุน (support) ซึ่งให้บริการแก่สถาบันการเงินและบุคคลอื่น เช่น การบัญชีและการเงิน เทคโนโลยี สารสนเทศ ตรวจสอบภายใน กฎหมาย การกำกับดูแลการปฏิบัติงานของธนาคารพาณิชย์ บัตรเครดิต ข้อมูลเครดิต รับส่งเอกสาร ศูนย์ฝึกอบรม รักษาความปลอดภัย เป็นต้น
4.3 ให้ธนาคารพาณิชย์ระงับการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือ กรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ ในปริมาณเกินสมควร
การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในปริมาณที่เกินสมควร หมายความว่า การให้สินเชื่อหรือ ลงทุนดังต่อไปนี้
(1) การให้สินเชื่อหรือลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกันแก่กิจการหรือ บุคคลตามวรรคหนึ่งเกินร้อยละ 5 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารพาณิชย์หรือ
(2) การให้สินเชื่อหรือลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกันแก่กิจการหรือ บุคคลตามวรรคหนึ่งเกินร้อยละ 50 ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดนั้น หรือ
(3) การให้สินเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกันแก่กิจการหรือบุคคลตาม วรรคหนึ่งเกินร้อยละ 25 ของยอดหนี้สินรวมของบริษัทจำกัดหรือบุคคลนั้น
การให้สินเชื่อตามวรรคหนึ่ง และวรรคสองโดยการรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลด ตั๋วเงินให้ถือเป็นการให้สินเชื่อแก่ทั้งผู้ทรงซึ่งขายตั๋วเงิน และบุคคลซึ่งต้องรับผิดตามกฎหมายตั๋วเงินนั้นด้วย
การให้สินเชื่อหรือลงทุนในวรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสามไม่ใช้บังคับแก่กรณี
(ก) การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในส่วนราชการ
(ข) การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในบริษัทจำกัดที่กระทรวงการคลังมีอำนาจ ควบคุมกิจการหรือถือหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น
(ค) การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกองทุนรวมที่จัดตั้งโดยส่วนราชการ
(ง) การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น หรือ บริษัทจำกัดที่นิติบุคคลดังกล่าวมีอำนาจควบคุมกิจการหรือถือหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่ จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น ในระหว่างเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2544
(จ) การให้สินเชื่อโดยมีหลักประกันเต็มจำนวนเป็นเงินฝากสถาบันการเงิน หรือ หลักทรัพย์รัฐบาลไทยที่ปราศจากภาระผูกพันและโอนเปลี่ยนมือได้ ทั้งนี้ การตีราคาหลักทรัพย์ให้ ถือเอามูลค่าที่ตราไว้ของหลักทรัพย์หรือตราสารนั้น
(ฉ) การให้สินเชื่อหรือลงทุนในธุรกิจทางการเงิน และธุรกิจสนับสนุนสถาบัน การเงิน
(ช) การให้สินเชื่อหรือลงทุนในธุรกิจที่มีการปรับโครงสร้างหนี้ซึ่งธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในธุรกิจนั้นก่อน การปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนธุรกิจที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร พาณิชย์มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องก่อนการปรับโครงสร้างหนี้ หากการปรับโครงสร้างหนี้จำเป็นต้องให้ สินเชื่อหรือลงทุนเพิ่มจนเกินอัตราที่กำหนดตามวรรคสอง จะต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่ง ประเทศไทยก่อน
4.4 ให้ธนาคารพาณิชย์ระงับการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือ กรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์โดยมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติ
ารให้สินเชื่อหรือลงทุนในกรณีต่อไปนี้ ให้ถือว่ามีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษ ผิดไปจากปกติ
(1) การให้สินเชื่อหรือลงทุนโดยไม่ได้พิจารณาถึงฐานะและผลการดำเนินงานของธุรกิจ หรือไม่ได้มีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ
(2) การให้สินเชื่อหรือลงทุนในลักษณะที่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กิจการนั้น เช่น เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราปกติของลูกค้าที่มีความเสี่ยงระดับเดียวกัน ไม่มีการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน ไม่ดำเนินการให้ หลักประกันมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย เป็นต้น
(3) การให้สินเชื่อที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าลูกหนี้ไม่ได้ดำเนินธุรกิจจริง
4.5 ให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำนโยบายการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคาร พาณิชย์หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือ ให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ โดยจะต้องมีข้อกำหนดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
(1) ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการ ปฏิบัติเกี่ยวกับการให้สินเชื่อ การก่อภาระผูกพัน การลงทุนในหลักทรัพย์ และการขายสินทรัพย์ของ ธนาคารพาณิชย์
(2) การให้สินเชื่อหรือลงทุนดังกล่าวข้างต้น ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ธนาคารพาณิชย์ด้วยมติเป็นเอกฉันท์เข้าร่วมพิจารณาอนุมัติสินเชื่อนั้น
4.6 ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ใดได้ให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นเกินอัตราส่วนที่กล่าวในข้อ 4.3 วรรคสอง ข้างต้น ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ และไม่ใช่เป็นการให้สินเชื่อที่มีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจาก ปกติ ดังกล่าวในข้อ 4.4 ให้คงอัตราส่วนนั้นต่อไปได้ แต่จะให้สินเชื่อหรือลงทุนเพิ่มอีกไม่ได้ เว้นแต่
(ก) ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุญาตหรือสั่งการเป็นอย่างอื่นไว้แล้ว ให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติตามนั้น
(ข) ในกรณีที่ได้ทำสัญญาให้สินเชื่อโดยมีวงเงินเกินอัตราที่กำหนดในข้อ 4.3 วรรคสอง ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติตามสัญญานั้นได้ แต่จะเพิ่มวงเงินหรือขยาย กำหนดเวลาต่าง ๆ ตามสัญญาไม่ได้
(ค) ในกรณีที่เป็นเงินให้สินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการที่ประกอบ ธุรกิจการนำเข้าหรือส่งออก ธนาคารพาณิชย์สามารถให้สินเชื่อในวงเงินเดิมต่อไปได้อีก 3 ปี นับแต่ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2544 หลังจากนั้น จะต้องลดอัตราส่วนลงเหลือตามอัตราที่กำหนด
5. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2547
(ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
สนสป10-คส24001-25470601ด
-ยก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ