คำชี้แจงของกรมสรรพากรเกี่ยวกับฐานภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน

                                            5 สิงหาคม 2547
เรียน      ผู้จัดการ
          ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร*
          บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทุกบริษัท
          ที่ สกง.(11)ว.17/2547 เรื่อง คำชี้แจงของกรมสรรพากรเกี่ยวกับฐานภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน
          ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือลงวันที่ 22 มิถุนายน 2547 สอบถามกรมสรรพากร เกี่ยวกับฐานภาษีเฉพาะสำหรับธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน นั้น
          ธปท.ขอเรียนให้ท่านทราบถึงคำชี้แจงของกรมสรรพากรเกี่ยวกับฐานภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการซื้อและขายคืนหลักทรัพย์ ซึ่งได้แก่ "กำไรห่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการขายคืนหลักทรัพย์"ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ทั้งนี้ ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความที่ได้ตัดตอนมาจากหนังสือตอบของกรมสรรพากรถึง ธปท. เลขที่ กค 0706/7150 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2547
          จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
                                                    ขอแสดงความนับถือ
                                                  (นางสุชาดา กิระกุล)
                                             ผู้อำนวยการอาวุโส สายตลาดการเงิน
                                                       ผู้ว่าการแทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย : ข้อความที่ได้ตัดตอนมาจากหนังสือของกรมสรรพากรถึง ธปท.ที่ กค 0706/7150 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2547
 ทีมวิเคราะห์และพัฒนา 2
 ฝ่ายตลาดการเงินและบริการเงินสำรอง สายตลาดการเงิน
 โทรศัพท์ 0-2283-5130 / 0-2356-7534
 โทรสาร 0-2356-7455
 หมายเหตุ ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง
          *ไม่รวมกิจการวิเทศธนกิจ
          ข้อความที่ได้ตัดตอนมาจากหนังสือกรมสรรพากรถึง ธปท.ที่ กค 0706/150 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2547 ในประเด็นเกี่ยวกับฐานภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการซื้อและขายคืนหลักทรัพย์
          ประเด็นคำถามของ ธปท.
          1. "กำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการขายคืนหลักทรัพย์"ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกจเฉพาะและกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 350)) พ.ศ. 2542 ถือเป็นส่วนหนึ่งของ "กำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการซื้อหรือขายหรือที่ได้จากตั๋วเงิน  หรือตราสารสารแสดงสิทธิในหนี้ใดๆ"ตามมาตรา 91/5(1)(ก) แห่งประมวลรัษฎากรหรือไม่
          2.ความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร(ฉบับที่ 388)พ.ศ. 2544 ซึ่งยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับที่เป็น "กำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการซื้อหรือขายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใดๆ ในแต่ละเดือนภาษี"เป็นจำนวนเท่ากับ"ผลขาดทุนจากการซื้อหรือขายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใดๆ ในเดือนภาษีเท่านั้น" นั้น ครอบคลุมถึงรายรับที่เป็น"กำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการขายคืนหลักทรัพย์"ตามมตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะและกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 350)พ.ศ. 2542 หรือไม่
          คำตอบจากกรมสรรพากร
          1.ฐานภาษีสำหรับกิจการซื้อและขายคืนหลักทรัพย์ ได้แก่ กำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการขายคืนหลักทรัพย์ ตามมาตร 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี(ฉบับที่ 350) พ.ศ. 2542 ไม่ใช่รายรับตามมาตร 91/51(1)(ก) แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งเป็นฐานภาษีสำหรับกิจการธนาคาร
          2.การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับเฉพาะที่เป็นกำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการซื้อหรือขายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใดๆ ในแต่ละเดือนภาษีเป็นจำนวนเท่ากับผลขาดทุนจากการซื้อหรือขายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใดๆ ในเดือนภาษีนั้น ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร(ฉบับที่ 388) พ.ศ. 2544 เป็นการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการประกอบกิจการธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์หรือกฎหมาย เฉพาะ การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเคดิตฟองซิเอร์ และการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ ตามมาตร 91/2 (1)(2) และ(5) แห่งประมวลรัษฎากรเท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึงกิจการซื้อและขายคืนหลักทรัพย์ตามมาตรา 91/2(8)แห่งประมวลรัษฎากร
-ยก-