24 ธันวาคม 2540
เรียน ผู้จัดการ
บริษัทเงินทุน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ทุกบริษัท
ที่ ง.(ว) 3955/2540 เรื่อง การนำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (ฉบับที่ 3)
พ.ศ.2540
ธนาคารขอนำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2540 ซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศทั่วไป เล่มที่ 114 ตอนพิเศษ 120 ง ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2540 และจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นไป พร้อมนี้ธนาคารขอยกเลิกหนังสือเวียนที่ ธปท.งพ.(ว) 2184/2538 เรื่อง รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีดอกเบี้ยค้างรับ ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2538
สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้สรุปได้ดังนี้
1.ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นไป เมื่อลูกหนี้รายใดค้างชำระดอกเบี้ยหรือผู้เช่าซื้อค้างชำระเงินค่างวดเป็นระยะเวลารวมกันเกิน 6 เดือน ไม่ว่าลูกหนี้รายนั้นจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตามให้บริษัทระงับการบันทึกบัญชีเป็นรายได้ตามเกณฑ์สิทธิ
2. กรณีลูกหนี้ค้างชำระดอกเบี้ยหรือผู้เช่าซื้อค้างชำระเงินค่างวด เป็นระยะเวลารวมกันเกิน 6 เดือน บริษัทจะบันทึกบัญชีเป็นรายได้ตามเกณฑ์สิทธิได้ใหม่ เมื่อลูกหนี้ได้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดที่ค้างชำระทั้งหมดแล้ว หรือได้มีการปรับปรุงโครงสร้างการชำระหนี้ใหม่หรือได้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพหนี้และได้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดตามเงื่อนไข การชำระหนี้ใหม่เป็นเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นางธาริษา วัฒนเกส)
ผู้อำนวยการฝ่าย 9
ฝ่ายกำกับสถาบันการเงิน
ผู้ว่าการ แทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชี
ของบริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2540
ฝ่ายกำกับสถาบันการเงิน
โทร. 2835304, 2835837
------------------------------------------------------------------------
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2540
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 ทวิ และมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกข้อกำหนดไว้เป็นมาตรฐาน ดังนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกบทนิยามคำว่า "หลักประกัน" ในข้อ 2 แห่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ลงวันที่ 6 มีนาคม 2538
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 4 แห่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ลงวันที่ 6 มีนาคม 2538 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "ข้อ4ภายใต้บังคับข้อ 5 ในการจัดทำบัญชีรวมทั้งงบการเงิน" ให้บริษัทถือปฏิบัติตามเกณฑ์สิทธิทุกสิ้นเดือนเว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ให้ระงับการถือปฏิบัติตามเกณฑ์สิทธิและให้ถือปฏิบัติตามเกณฑ์เงินสดแทน
(1) เมื่อลูกหนี้เงินให้กู้ยืมและหรือลูกหนี้ที่เกิดจากการค้ำประกันหรือการรับรองรับอาวัลหรือสอดเข้าแก้หน้าในตั๋วเงินรายใดค้างชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลารวมกันเกินหกเดือน ทั้งนี้ ไม่ว่าลูกหนี้รายนั้นจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม
(2)เมื่อผู้เช่าซื้อสังหาริมทรัพย์ค้างชำระเงินค่างวดเป็นระยะเวลารวมกันเกินหกเดือน ในกรณีที่ลูกหนี้ตาม (1) ค้างชำระดอกเบี้ย หรือผู้เช่าซื้อตาม (2) ค้างชำระเงินค่างวด เป็นระยะเวลารวมกันเกินหกเดือนบริษัทจะบันทึกบัญชีเป็นรายได้ตามเกณฑ์สิทธิได้ใหม่ก็ต่อเมื่อลูกหนี้ได้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดที่ค้างชำระทั้งหมดแล้วหรือลูกหนี้หรือผู้เช่าซื้อดังกล่าวทำหนังสือรับสภาพหนี้ หรือให้บุคคลอื่นเป็นระยะเวลารวมกันเกินหกเดือน บริษัทจะบันทึกบัญชีเป็นรายได้ตามเกณฑ์สิทธิได้ใหม่ก็ต่อเมื่อลูกหนี้ได้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดที่ค้างชำระทั้งหมดแล้วหรือลูกหนี้หรือผู้เช่าซื้อดังกล่าวทำหนังสือรับสภาพหนี้ หรือให้บุคคลอื่น รับโอนหนี้ของลูกหนี้หรือได้มีการปรับปรุงโครงสร้างชำระหนี้ใหม่หรือได้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพหนี้ ทั้งนี้ ลูกหนี้หรือผู้เช่าซื้อได้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดตามเงื่อนไขการชำระหนี้ใหม่เป็นเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่าหกเดือน
ในกรณีที่ลูกหนี้ตาม (1) และผู้เช่าซื้อตาม (2) ค้างชำระดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดเป็นระยะเวลาตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไปบริษัทจะบันทึกบัญชีเป็นรายได้ตามจำนวนเงินที่ได้รับชำระก็ได้”
ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2540
(นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
เรียน ผู้จัดการ
บริษัทเงินทุน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ทุกบริษัท
ที่ ง.(ว) 3955/2540 เรื่อง การนำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (ฉบับที่ 3)
พ.ศ.2540
ธนาคารขอนำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2540 ซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศทั่วไป เล่มที่ 114 ตอนพิเศษ 120 ง ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2540 และจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นไป พร้อมนี้ธนาคารขอยกเลิกหนังสือเวียนที่ ธปท.งพ.(ว) 2184/2538 เรื่อง รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีดอกเบี้ยค้างรับ ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2538
สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้สรุปได้ดังนี้
1.ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นไป เมื่อลูกหนี้รายใดค้างชำระดอกเบี้ยหรือผู้เช่าซื้อค้างชำระเงินค่างวดเป็นระยะเวลารวมกันเกิน 6 เดือน ไม่ว่าลูกหนี้รายนั้นจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตามให้บริษัทระงับการบันทึกบัญชีเป็นรายได้ตามเกณฑ์สิทธิ
2. กรณีลูกหนี้ค้างชำระดอกเบี้ยหรือผู้เช่าซื้อค้างชำระเงินค่างวด เป็นระยะเวลารวมกันเกิน 6 เดือน บริษัทจะบันทึกบัญชีเป็นรายได้ตามเกณฑ์สิทธิได้ใหม่ เมื่อลูกหนี้ได้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดที่ค้างชำระทั้งหมดแล้ว หรือได้มีการปรับปรุงโครงสร้างการชำระหนี้ใหม่หรือได้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพหนี้และได้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดตามเงื่อนไข การชำระหนี้ใหม่เป็นเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นางธาริษา วัฒนเกส)
ผู้อำนวยการฝ่าย 9
ฝ่ายกำกับสถาบันการเงิน
ผู้ว่าการ แทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชี
ของบริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2540
ฝ่ายกำกับสถาบันการเงิน
โทร. 2835304, 2835837
------------------------------------------------------------------------
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2540
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 ทวิ และมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกข้อกำหนดไว้เป็นมาตรฐาน ดังนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกบทนิยามคำว่า "หลักประกัน" ในข้อ 2 แห่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ลงวันที่ 6 มีนาคม 2538
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 4 แห่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ลงวันที่ 6 มีนาคม 2538 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "ข้อ4ภายใต้บังคับข้อ 5 ในการจัดทำบัญชีรวมทั้งงบการเงิน" ให้บริษัทถือปฏิบัติตามเกณฑ์สิทธิทุกสิ้นเดือนเว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ให้ระงับการถือปฏิบัติตามเกณฑ์สิทธิและให้ถือปฏิบัติตามเกณฑ์เงินสดแทน
(1) เมื่อลูกหนี้เงินให้กู้ยืมและหรือลูกหนี้ที่เกิดจากการค้ำประกันหรือการรับรองรับอาวัลหรือสอดเข้าแก้หน้าในตั๋วเงินรายใดค้างชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลารวมกันเกินหกเดือน ทั้งนี้ ไม่ว่าลูกหนี้รายนั้นจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม
(2)เมื่อผู้เช่าซื้อสังหาริมทรัพย์ค้างชำระเงินค่างวดเป็นระยะเวลารวมกันเกินหกเดือน ในกรณีที่ลูกหนี้ตาม (1) ค้างชำระดอกเบี้ย หรือผู้เช่าซื้อตาม (2) ค้างชำระเงินค่างวด เป็นระยะเวลารวมกันเกินหกเดือนบริษัทจะบันทึกบัญชีเป็นรายได้ตามเกณฑ์สิทธิได้ใหม่ก็ต่อเมื่อลูกหนี้ได้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดที่ค้างชำระทั้งหมดแล้วหรือลูกหนี้หรือผู้เช่าซื้อดังกล่าวทำหนังสือรับสภาพหนี้ หรือให้บุคคลอื่นเป็นระยะเวลารวมกันเกินหกเดือน บริษัทจะบันทึกบัญชีเป็นรายได้ตามเกณฑ์สิทธิได้ใหม่ก็ต่อเมื่อลูกหนี้ได้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดที่ค้างชำระทั้งหมดแล้วหรือลูกหนี้หรือผู้เช่าซื้อดังกล่าวทำหนังสือรับสภาพหนี้ หรือให้บุคคลอื่น รับโอนหนี้ของลูกหนี้หรือได้มีการปรับปรุงโครงสร้างชำระหนี้ใหม่หรือได้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพหนี้ ทั้งนี้ ลูกหนี้หรือผู้เช่าซื้อได้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดตามเงื่อนไขการชำระหนี้ใหม่เป็นเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่าหกเดือน
ในกรณีที่ลูกหนี้ตาม (1) และผู้เช่าซื้อตาม (2) ค้างชำระดอกเบี้ยหรือเงินค่างวดเป็นระยะเวลาตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไปบริษัทจะบันทึกบัญชีเป็นรายได้ตามจำนวนเงินที่ได้รับชำระก็ได้”
ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2540
(นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย