การซื้อหรือมีหุ้นใน บ.อื่นเกินอัตราที่ กม. กำหนด

ข่าวกฏหมายและประกาศ Thursday December 14, 1995 12:56 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

                                              ธนาคารแห่งประเทศไทย
14 ธันวาคม 2538
เรียน ผู้จัดการ
บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทุกบริษัท
ที่ ธปท.งพ.(ว) 2693/2538 เรื่อง การซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทอื่นเกินอัตราที่กฎหมาย
กำหนดในลักษณะที่ให้บุคคลอื่นถือหุ้นแทน
โดยที่พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 มาตรา 20 (4) ได้กำหนดห้ามมิให้บริษัทเงินทุนซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดใด ซึ่งรวมถึงบริษัทมหาชนจำกัดไม่ว่าด้วยตนเองหรือโดยตัวแทน เป็นจำนวนเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย
จากการตรวจสอบปรากฎว่าบริษัทเงินุทนมิได้เปิดเผยการถือหุ้นที่แท้จริงในบริษัทจำกัด โดยมีพฤติการณ์ให้บุคคลอื่นถือหุ้นไว้แทนตนในลักษณะของตัวแทน โดยตรงหรือโดยปริยายหรือตัวแทนเชิดหรือเป็นตัวการซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นที่ปรากฎชื่อบริษัทเงินทุนแล้วเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น เป็นการสร้างบริษัทเครือข่ายหรือควบคุมหรือผูกขาดการบริหารงานของบริษัทจำกัดดังกล่าวในการประกอบกิจการอื่นทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม
การกระทำดังกล่าวจำเป็นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากธนาคารก่อน มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 20 (4) ซึ่งธนาคารจะดำเนินการโดยเคร่งครัดต่อไป จึงให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่มีการถือหุ้นบริษัทจำกัดในลักษณะดังกล่าว ยื่นคำขอความเห็นชอบต่อธนาคารพร้อมทั้งแสดงเหตุผลและความจำเป็นภายในกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่ลงในหนังสือนี้
การถือหุ้นของบุคคลในบริษัทจำกัด ที่มีลักษณะเช่นดังต่อไปนี้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการถือว่าแทนบริษัทเงินทุน
1. บริษัท จำกัด ที่จัดตั้งโดยบุคคล ซึ่งมีส่วนได้เสียอย่างสำคัญในบริษัทเงินทุนนั้น หรือมีผู้บริหารของบริษัทจำกัดร่วมกับบริษัทเงินทุน หรือมีบุคคล ซึ่งถือหุ้นในบริษัทจำกัดนั้นรวมกันเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น เข้าถือหุ้นในบริษัทเงินทุนรวมกันเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทเงินทุนนั้น
2. บริษัทจำกัดที่มีบริษัทเงินทุนหรือผู้บริหารบริษัทเงินทุน หรือบุคคลซึ่งถือหุ้นในบริษัทเงินทุนเกินร้อยละห้าของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทเงินทุนนั้น ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น
3. บริษัทจำกัดที่มีบริษัทเงินทุนหรือผู้บริหารบริษัทเงินทุนหรือบุคคล ซึ่งถือหุ้นในบริษัทเงินทุนเกินร้อยละห้าของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทเงินทุนนั้น หรือบริษัทจำกัดตาม 2. ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น
4. บริษัทจำกัดที่มีบริษัทจำกัดตาม 1. หรือ 2. หรือ 3. ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น
5. บริษัทจำกัดที่จัดตั้งขึ้นโดยบุคคล ซึ่งได้รับมอบหมายจากบริษัทเงินทุนหรือผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทเงินทุน
6. บริษัทจำกัดที่พนักงานของบริษัทเงินทุนได้ถือหุ้นไว้แทนบริษัทเงินทุน หรือผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทเงินทุน
ทั้งนี้ การถือหุ้นในบริษัทเงินทุน หรือบริษัทจำกัด โดยบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนตามมาตรา 14 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญติดังกล่าว ให้นับรวมเป็นหุ้นของบุคคลตาม 1. 2. 3. หรือ 4. ข้างต้นด้วย
สำหรับกรณีที่บริษัทเงินทุนไม่แน่ใจว่าบริษัทจำกัดที่เกี่ยวข้องบริษัทใดอาจจะเข้าข่าย เป็นการปฎิบัติหลีกเลี่ยงข้อกำหนดตามมาตรา 20 (4) ดังกล่าว ข้างต้นหรือไม่ ให้บริษัทเงินทุนยื่นหนังสือหารือมายังธนาคารแห่งประเทศไทย โดยส่งมายังฝ่ายกำกับและพัฒนาสถาบันการเงิน
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฎิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
จรุง หนูขวัญ
แทน
ผู้ว่าการ
ส่วนกำกับบริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์
ฝ่ายกำกับและพัฒนาสถาบันการเงิน
โทร. 2835839

แท็ก เครดิต   ธปท.  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ