แท็ก
ธปท.
ธนาคารแห่งประเทศไทย
10 กรกฎาคม 2540
เรียน ผู้จัดการ
บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทุกบริษัท
ที่ ธปท.งว.(ว) 1932 / 2540 เรื่อง การรายงานเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระ
เพื่อประโยชน์ในการติดตามเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ของบริษัทเงินทุนอย่างใกล้ชิดอาศัยอำนาจตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ธนาคารกำหนดให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จัดทำรายงานตาราง บ.ง. 3/1.1 : เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระ ยื่นต่อธนาคารเป็นประจำทุกเดือน ตามแบบและคำอธิ24 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ธนาคารกำหนดให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จัดทำรายงานตาราง บ.ง. 3/1.1 : เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระ
อนึ่ง เพื่อมิให้เกิดการรายงานซ้ำซ้อน จึงให้ยกเลิกการรายงานเฉพาะข้อ 3 เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ธุรกิจเงินทุนที่เกินกำหนดชำระ ในแบบตาราง บ.ง.3/1 : เงินให้กู้ยืมและ ลูกหนี้ธุรกิจเงินทุน ตั้งแต่ข้อมูล ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2540 เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นายศิริ การเจริญดี)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ ผู้ว่าการ แทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย แบบรายงานตาราง บ.ง. 3/1.1 และคำอธิบายการจัดทำรายงาน
ส่วนประมวลผลและวิเคราะห์
ฝ่ายกำกับและพัฒนาสถาบันการเงิน
โทร. 2800631 , 2835832
------------------------------------------------------------------------
คำอธิบายประกอบการจัดทำรายงานเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระ
(ตารางบ.ง.3/1.1)
การจัดทำรายงาน ให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ จัดทำรายงานเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระ (ตาราง บ.ง. 3/1.1) ชุดรวมทุกสำนักงาน ณ วันสิ้นเดือนของทุกเดือน โดยแสดงยอดคงค้างของแต่ละรายการเป็นหน่วยพันบาท และให้ใส่เครื่องหมายจุลภาค ,” หลังหลักพันและหลักล้าน
การยื่นรายงาน ให้ยื่นรายงานดังกล่าว จำนวน 2 ชุด และรายงานในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถอ่านได้ (Computer Readable Form : CRF) ตามรูปแบบ (Record Specification Format)ที่ธนาคารกำหนด ต่อฝ่ายกำกับและพัฒนาสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหมกรุงเทพฯ ภายในวันที่ 20 ของเดือนถัดจากเดือนที่ต้องรายงาน
คำอธิบายรายการ
1. เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระตั้งแต่ 1 เดือนแต่ไม่เกิน 3 เดือน หมายถึง เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยตั้งแต่ 1 เดือนแต่ไม่เกิน 3 เดือน นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยที่ระบุไว้ในสัญญาการกู้ยืมเงิน หรือที่ระบุไว้ในเอกสารแห่งหนี้ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
2. เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 3 เดือนแต่ไม่เกิน 6 เดือน หมายถึง เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยเกิน 3 เดือนแต่ไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยที่ระบุไว้ในสัญญาการกู้ยืมเงิน หรือที่ระบุไว้ในเอกสารแห่งหนี้ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
3. เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 6 เดือนแต่ไม่เกิน 1 ปี หมายถึง เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยเกิน 6 เดือนขึ้นไปแต่ไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยที่ระบุไว้ในสัญญาการกู้ยืมเงิน หรือที่ระบุไว้ในเอกสารแห่งหนี้ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
4. เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 1 ปีขึ้นไป หมายถึง เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยเกิน 1 ปีขึ้นไป นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยที่ระบุไว้ในสัญญาการกู้ยืมเงิน หรือที่ระบุไว้ในเอกสารแห่งหนี้ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
อนึ่ง การนับจำนวนเดือนที่ค้างชำระ ให้นับตามเกณฑ์ต่อไปนี้
1. เริ่มนับจำนวนงวดที่ค้างชำระ นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญาการกู้ยืมเงิน หรือที่ระบุไว้ในเอกสารแห่งหนี้ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
2. หากมีการค้างชำระติดต่อกันหลายเดือน และในเดือนถัดมาได้มีการชำระบางส่วน และกลับมาค้างชำระอีกในเดือนและในเดือนถัดมาได้มีการชำระบางส่วน และกลับมาค้างชำระอีกในเดือนถัดไป ให้นับจำนวนเดือนที่ค้างชำระที่เหลืออยู่ทั้งหมดหลังจากหักเดือนที่ชำระไปแล้ว ยกเว้นถ้ามีการชำ
3. กรณีมีการตกลงปรับปรุงโครงสร้างการกู้ยืมและการชำระหนี้ใหม่(Restructure) เพื่อขยายเวลาการชำระหนี้หรือเป็นการให้กู้ยืมเพิ่ม เพื่อให้ลูกหนี้นำเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นมาชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างนั้น หากเป็นการชำระหนี้เก่าพร้อมดอกเบีกรณีมีการตกลงปรับปรุงโครงสร้างการกู้ยืมและการชำระหนี้ใหม่(Restructure) เพื่อขยายเวลาการชำระหนี้หรือเป็นการให้กู้ยืมเพิ่ม เพื่อให้ลูกหนี้นำเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นมาชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างนั้น หากเป็นการชำระหนี้เก่าพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด แล้วกลับมาค้างชำระในงวดที่ 7 เป็นต้นไป ให้เริ่มนับการค้างชำระใหม่เป็นงวดที่ 1 ได้โดยไม่ต้องนำจำนวนงวดที่ค้างอยู่เด
สำหรับกรณีอื่นนอกจากที่กล่าวข้างต้น ให้เริ่มนับการค้างชำระใหม่เป็นงวดที่ 1ได้ โดยไม่ต้องนำจำนวนเดือนที่ค้างอยู่เดิมก่อนการ Restructure มารวมด้วย
4. กรณีลูกหนี้ตามสัญญาคำพิพากษา ซึ่งทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับบริษัทแล้ว และอยู่ระหว่างการผ่อนชำระหนี้ตามคำสั่งศาล หากต่อมาลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้อีกให้รายงานจำนวนเดือนที่ค้างชำระตั้งแต่เดือนที่เริ่มค้างชำระครั้งแรก (ก่อนการฟ้องร้อง) ไปจนกว่าจะตัดบัญชีเป็นสูญ
5. ประเภทการให้กู้ยืม
1) เงินให้กู้ยืมแก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หมายถึงการให้กู้ยืมแก่ธุรกิจอสังหา -ริมทรัพย์ตามความหมายของข้อ 9 ธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ในแบบรายงานเงินให้กู้ยืมแยกตามประเภทธุรกิจ (บ.ง.3/4)
2) เงินให้กู้ยืมเพื่อการจัดหาที่อยู่อาศัย หมายถึงการให้กู้ยืมส่วนบุคคลตามความหมายของข้อ 12.1 เพื่อที่อยู่อาศัย ในแบบรายงานเงินให้กู้ยืมแยกตามประเภทธุรกิจ (บ.ง.3/4)
3) ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาเช่าการเงิน หมายถึงลูกหนี้ตามความหมายของข้อ 1 (4) : ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อในรายงานเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ธุรกิจเงินทุน (บ.ง.3/1)
4) ลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ หมายถึงลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ตามความหมายของข้อ 7 ลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ ในแบบรายงานฐานะการเงิน (บ.ง. 3)
5) เงินให้กู้ยืมอื่น ๆ หมายถึง เงินให้กู้ยืมนอกจากที่กล่าวข้างต้น
6. จำนวนที่ต้องรายงาน ให้แยกรายงานจำนวนเงินต้นคงค้าง จำนวนดอกเบี้ย
คงค้างและจำนวนที่ถูกจัดชั้นตามที่กำหนด ดังนี้
1) เงินต้น ให้แสดงจำนวนเงินต้นคงค้างสุทธิของเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้แต่ละรายรวมกัน ตามประเภทของการให้กู้ยืมนั้น ๆ หากลูกหนี้รายใดมีสัญญาตั้งแต่ 2 สัญญาขึ้นไป ให้ถือสัญญาที่มีการค้างชำระเป็นจำนวนเดือนสูงสุดเป็นหลัก เช่น ลูกหนี้มี 5 สัญญา สัญญาแรกค้างชำระ 7 เดือน เงินต้นคงค้าง 100,000 บาท สัญญาที่ 2 ค้างชำระ 3 เดือน เงินต้นคงค้าง 50,000 บาท ส่วนสัญญาที่ 3 - 5 มียอดเงินต้นคงเหลือ 500,000 บาท แต่ไม่มียอดค้างชำระ ดอกเบี้ยหรือเงินต้น ให้รายงานจำนวนให้แสดงจำนวนเงินต้นคงค้างสุทธิของเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้แต่ละรายรวมกัน
กรณีลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อฯ ให้รายงานเฉพาะเงินต้นคงค้างซึ่งหักรายได้รอตัดบัญชีแล้ว โดยไม่ต้องรายงานในส่วนของดอกเบี้ย
กรณีลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ ประเภทซื้อตามคำสั่ง ให้รายงานจำนวนเดือนและยอดค้างชำระตั้งแต่วันที่บังคับขายและมีส่วนขาดเป็นยอดหนี้ ส่วนประเภทเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ให้รายงานยอดคงค้างของเงินให้กู้ยืมทั้งสิ้นของลูกหนี้แต่ละรายรวมกัน หากมีการค้าง
ชำระดอกเบี้ยในเดือนใด ให้เริ่มนับเป็นค้างชำระทันที (กรณีที่บริษัทไม่มีการบันทึกบัญชีดอกเบี้ยค้างรับ มีเพียงบันทึกช่วยจำ บริษัทจะต้องนำดอกเบี้ยนั้นมารายงานในส่วนที่งดรับรู้รายได้ด้วย)
2) ดอกเบี้ย ให้แสดงยอดดอกเบี้ยคงค้างของเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ เฉพาะส่วนที่ค้างชำระของลูกหนี้แต่ละรายตามเกณฑ์เดียวกับเงินต้น โดยแยกแสดงเป็นส่วนที่ยังรับรู้รายได้และส่วนที่งดรับรู้รายได้แล้ว
3) จำนวนที่ถูกจัดชั้น หมายถึง เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระซึ่งถูกจัดชั้นโดยธนาคารแห่งประเทศไทยตามรายงานการตรวจสอบครั้งล่าสุด และหรือโดยบริษัทเป็นผู้จัดชั้นครั้งล่าสุดตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ทั้งในส่วนที่เป็นเงินต้นและดอกเบี้ย โดยแยกแสดงตามระดับของการจัดชั้นเป็นชั้นต่ำ ชั้นสงสัยจะสูญ และชั้นสูญ
10 กรกฎาคม 2540
เรียน ผู้จัดการ
บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทุกบริษัท
ที่ ธปท.งว.(ว) 1932 / 2540 เรื่อง การรายงานเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระ
เพื่อประโยชน์ในการติดตามเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ของบริษัทเงินทุนอย่างใกล้ชิดอาศัยอำนาจตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ธนาคารกำหนดให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จัดทำรายงานตาราง บ.ง. 3/1.1 : เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระ ยื่นต่อธนาคารเป็นประจำทุกเดือน ตามแบบและคำอธิ24 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ธนาคารกำหนดให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จัดทำรายงานตาราง บ.ง. 3/1.1 : เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระ
อนึ่ง เพื่อมิให้เกิดการรายงานซ้ำซ้อน จึงให้ยกเลิกการรายงานเฉพาะข้อ 3 เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ธุรกิจเงินทุนที่เกินกำหนดชำระ ในแบบตาราง บ.ง.3/1 : เงินให้กู้ยืมและ ลูกหนี้ธุรกิจเงินทุน ตั้งแต่ข้อมูล ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2540 เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นายศิริ การเจริญดี)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ ผู้ว่าการ แทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย แบบรายงานตาราง บ.ง. 3/1.1 และคำอธิบายการจัดทำรายงาน
ส่วนประมวลผลและวิเคราะห์
ฝ่ายกำกับและพัฒนาสถาบันการเงิน
โทร. 2800631 , 2835832
------------------------------------------------------------------------
คำอธิบายประกอบการจัดทำรายงานเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระ
(ตารางบ.ง.3/1.1)
การจัดทำรายงาน ให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ จัดทำรายงานเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระ (ตาราง บ.ง. 3/1.1) ชุดรวมทุกสำนักงาน ณ วันสิ้นเดือนของทุกเดือน โดยแสดงยอดคงค้างของแต่ละรายการเป็นหน่วยพันบาท และให้ใส่เครื่องหมายจุลภาค ,” หลังหลักพันและหลักล้าน
การยื่นรายงาน ให้ยื่นรายงานดังกล่าว จำนวน 2 ชุด และรายงานในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถอ่านได้ (Computer Readable Form : CRF) ตามรูปแบบ (Record Specification Format)ที่ธนาคารกำหนด ต่อฝ่ายกำกับและพัฒนาสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหมกรุงเทพฯ ภายในวันที่ 20 ของเดือนถัดจากเดือนที่ต้องรายงาน
คำอธิบายรายการ
1. เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระตั้งแต่ 1 เดือนแต่ไม่เกิน 3 เดือน หมายถึง เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยตั้งแต่ 1 เดือนแต่ไม่เกิน 3 เดือน นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยที่ระบุไว้ในสัญญาการกู้ยืมเงิน หรือที่ระบุไว้ในเอกสารแห่งหนี้ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
2. เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 3 เดือนแต่ไม่เกิน 6 เดือน หมายถึง เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยเกิน 3 เดือนแต่ไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยที่ระบุไว้ในสัญญาการกู้ยืมเงิน หรือที่ระบุไว้ในเอกสารแห่งหนี้ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
3. เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 6 เดือนแต่ไม่เกิน 1 ปี หมายถึง เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยเกิน 6 เดือนขึ้นไปแต่ไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยที่ระบุไว้ในสัญญาการกู้ยืมเงิน หรือที่ระบุไว้ในเอกสารแห่งหนี้ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
4. เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 1 ปีขึ้นไป หมายถึง เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยเกิน 1 ปีขึ้นไป นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยที่ระบุไว้ในสัญญาการกู้ยืมเงิน หรือที่ระบุไว้ในเอกสารแห่งหนี้ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
อนึ่ง การนับจำนวนเดือนที่ค้างชำระ ให้นับตามเกณฑ์ต่อไปนี้
1. เริ่มนับจำนวนงวดที่ค้างชำระ นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญาการกู้ยืมเงิน หรือที่ระบุไว้ในเอกสารแห่งหนี้ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
2. หากมีการค้างชำระติดต่อกันหลายเดือน และในเดือนถัดมาได้มีการชำระบางส่วน และกลับมาค้างชำระอีกในเดือนและในเดือนถัดมาได้มีการชำระบางส่วน และกลับมาค้างชำระอีกในเดือนถัดไป ให้นับจำนวนเดือนที่ค้างชำระที่เหลืออยู่ทั้งหมดหลังจากหักเดือนที่ชำระไปแล้ว ยกเว้นถ้ามีการชำ
3. กรณีมีการตกลงปรับปรุงโครงสร้างการกู้ยืมและการชำระหนี้ใหม่(Restructure) เพื่อขยายเวลาการชำระหนี้หรือเป็นการให้กู้ยืมเพิ่ม เพื่อให้ลูกหนี้นำเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นมาชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างนั้น หากเป็นการชำระหนี้เก่าพร้อมดอกเบีกรณีมีการตกลงปรับปรุงโครงสร้างการกู้ยืมและการชำระหนี้ใหม่(Restructure) เพื่อขยายเวลาการชำระหนี้หรือเป็นการให้กู้ยืมเพิ่ม เพื่อให้ลูกหนี้นำเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นมาชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างนั้น หากเป็นการชำระหนี้เก่าพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด แล้วกลับมาค้างชำระในงวดที่ 7 เป็นต้นไป ให้เริ่มนับการค้างชำระใหม่เป็นงวดที่ 1 ได้โดยไม่ต้องนำจำนวนงวดที่ค้างอยู่เด
สำหรับกรณีอื่นนอกจากที่กล่าวข้างต้น ให้เริ่มนับการค้างชำระใหม่เป็นงวดที่ 1ได้ โดยไม่ต้องนำจำนวนเดือนที่ค้างอยู่เดิมก่อนการ Restructure มารวมด้วย
4. กรณีลูกหนี้ตามสัญญาคำพิพากษา ซึ่งทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับบริษัทแล้ว และอยู่ระหว่างการผ่อนชำระหนี้ตามคำสั่งศาล หากต่อมาลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้อีกให้รายงานจำนวนเดือนที่ค้างชำระตั้งแต่เดือนที่เริ่มค้างชำระครั้งแรก (ก่อนการฟ้องร้อง) ไปจนกว่าจะตัดบัญชีเป็นสูญ
5. ประเภทการให้กู้ยืม
1) เงินให้กู้ยืมแก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หมายถึงการให้กู้ยืมแก่ธุรกิจอสังหา -ริมทรัพย์ตามความหมายของข้อ 9 ธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ในแบบรายงานเงินให้กู้ยืมแยกตามประเภทธุรกิจ (บ.ง.3/4)
2) เงินให้กู้ยืมเพื่อการจัดหาที่อยู่อาศัย หมายถึงการให้กู้ยืมส่วนบุคคลตามความหมายของข้อ 12.1 เพื่อที่อยู่อาศัย ในแบบรายงานเงินให้กู้ยืมแยกตามประเภทธุรกิจ (บ.ง.3/4)
3) ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาเช่าการเงิน หมายถึงลูกหนี้ตามความหมายของข้อ 1 (4) : ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อในรายงานเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ธุรกิจเงินทุน (บ.ง.3/1)
4) ลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ หมายถึงลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ตามความหมายของข้อ 7 ลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ ในแบบรายงานฐานะการเงิน (บ.ง. 3)
5) เงินให้กู้ยืมอื่น ๆ หมายถึง เงินให้กู้ยืมนอกจากที่กล่าวข้างต้น
6. จำนวนที่ต้องรายงาน ให้แยกรายงานจำนวนเงินต้นคงค้าง จำนวนดอกเบี้ย
คงค้างและจำนวนที่ถูกจัดชั้นตามที่กำหนด ดังนี้
1) เงินต้น ให้แสดงจำนวนเงินต้นคงค้างสุทธิของเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้แต่ละรายรวมกัน ตามประเภทของการให้กู้ยืมนั้น ๆ หากลูกหนี้รายใดมีสัญญาตั้งแต่ 2 สัญญาขึ้นไป ให้ถือสัญญาที่มีการค้างชำระเป็นจำนวนเดือนสูงสุดเป็นหลัก เช่น ลูกหนี้มี 5 สัญญา สัญญาแรกค้างชำระ 7 เดือน เงินต้นคงค้าง 100,000 บาท สัญญาที่ 2 ค้างชำระ 3 เดือน เงินต้นคงค้าง 50,000 บาท ส่วนสัญญาที่ 3 - 5 มียอดเงินต้นคงเหลือ 500,000 บาท แต่ไม่มียอดค้างชำระ ดอกเบี้ยหรือเงินต้น ให้รายงานจำนวนให้แสดงจำนวนเงินต้นคงค้างสุทธิของเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้แต่ละรายรวมกัน
กรณีลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อฯ ให้รายงานเฉพาะเงินต้นคงค้างซึ่งหักรายได้รอตัดบัญชีแล้ว โดยไม่ต้องรายงานในส่วนของดอกเบี้ย
กรณีลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ ประเภทซื้อตามคำสั่ง ให้รายงานจำนวนเดือนและยอดค้างชำระตั้งแต่วันที่บังคับขายและมีส่วนขาดเป็นยอดหนี้ ส่วนประเภทเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ให้รายงานยอดคงค้างของเงินให้กู้ยืมทั้งสิ้นของลูกหนี้แต่ละรายรวมกัน หากมีการค้าง
ชำระดอกเบี้ยในเดือนใด ให้เริ่มนับเป็นค้างชำระทันที (กรณีที่บริษัทไม่มีการบันทึกบัญชีดอกเบี้ยค้างรับ มีเพียงบันทึกช่วยจำ บริษัทจะต้องนำดอกเบี้ยนั้นมารายงานในส่วนที่งดรับรู้รายได้ด้วย)
2) ดอกเบี้ย ให้แสดงยอดดอกเบี้ยคงค้างของเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ เฉพาะส่วนที่ค้างชำระของลูกหนี้แต่ละรายตามเกณฑ์เดียวกับเงินต้น โดยแยกแสดงเป็นส่วนที่ยังรับรู้รายได้และส่วนที่งดรับรู้รายได้แล้ว
3) จำนวนที่ถูกจัดชั้น หมายถึง เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ที่ค้างชำระซึ่งถูกจัดชั้นโดยธนาคารแห่งประเทศไทยตามรายงานการตรวจสอบครั้งล่าสุด และหรือโดยบริษัทเป็นผู้จัดชั้นครั้งล่าสุดตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ทั้งในส่วนที่เป็นเงินต้นและดอกเบี้ย โดยแยกแสดงตามระดับของการจัดชั้นเป็นชั้นต่ำ ชั้นสงสัยจะสูญ และชั้นสูญ