แท็ก
กระทรวงการคลัง
10 พฤษภาคม 2542
เรียน ผู้จัดการ
บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทุกบริษัท
ที่ ง.(ว) 666/2542 เรื่อง การนำส่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการอนุญาตให้บริษัทเงินทุนประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่ง อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ธนาคารขอนำส่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่ง อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2542 และได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 116 ตอนที่ 36 ง ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2542 แล้ว
สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ เป็นการอนุญาตให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อหรือให้เช่าแบบลีสซิ่ง สำหรับทรัพย์สินที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ได้รับโอนมาตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยเป็นการให้เช่าซื้อหรือให้เช่าแบบลีสซิ่ง เป็นการทั่วไปไม่จำกัดเฉพาะแก่ผู้โอนทรัพย์สินเท่านั้น โดยกำหนดระยะเวลาที่จะอนุญาตให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจดังกล่าว อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2542
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นายเกียรติชัย โสภาเสถียรพงศ์)
ผู้อำนวยการฝ่าย
ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน
ผู้ว่าการ แทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่ง อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน
โทร. 283-5304, 283-5303
หมายเหตุ ธนาคารจะไม่จัดการชี้แจงรายละเอียดของหนังสือฉบับนี้
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อ
และให้เช่าแบบลีสซิ่ง อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
--------------------------------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20(6) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์พ.ศ. 2522 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดเงื่อนไขในการอนุญาตให้บริษัทเงินทุนประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าทรัพย์สินแบบลีสซิ่ง อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ในประกาศนี้
“ผู้เช่า” หมายความว่า ผู้เช่าซื้อหรือผู้เช่าแบบลีสซิ่ง
“เงินรายงวด” หมายความว่า เงินที่ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระแก่บริษัทเงินทุนในแต่ละงวด ซึ่งประกอบด้วยส่วนที่เป็นดอกผลเช่าซื้อและราคาเงินสดประจำงวดตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าซื้อ
“ค่าเช่า” หมายความว่า ค่าเช่าตามสัญญาเช่าแบบลีสซิ่ง
“การปรับปรุงโครงสร้างหนี้” หมายความว่า การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย
“เช่าซื้อ” หมายความว่า เช่าซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
“การให้เช่าแบบลีสซิ่ง” หมายความว่า การให้เช่าทรัพย์สิน เพื่อให้ผู้เช่าได้ใช้ประโยชน์ในกิจการอุตสาหกรรม เกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการบริการอย่างอื่นเป็นทางค้าปกติ โดยผู้เช่ามีหน้าที่ต้องบำรุงรักษาและซ่อมแซมทรัพย์สินที่เช่า ทั้งนี้ ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ผู้เช่ามีสิทธิที่จะซื้อหรือเช่าทรัพย์สินนั้นต่อไปในราคาหรือค่าเช่าที่ได้ตกลงกัน
ข้อ 2. ให้บริษัทเงินทุนให้เช่าซื้อ หรือให้เช่าแบบลีสซิ่ง ซึ่งทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาเพื่อชำระหนี้จากลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกัน ตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ข้อ 3. การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือสัญญาเช่าแบบลีสซิ่ง เมื่อผู้เช่าผิดนัดไม่ชำระเงินรายงวดสองงวดหรือค่าเช่าสองงวดติด ๆ กัน หรือเมื่อผู้เช่ากระทำผิดสัญญาในข้อ ที่เป็นส่วนสำคัญ ถ้าบริษัทเงินทุนจะบอกเลิกสัญญา บริษัทเงินทุนต้องแจ้งการบอกเลิกสัญญา พร้อมด้วยเหตุผลเป็นหนังสือให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า สามสิบวันนับแต่วันที่ผู้เช่าได้รับหนังสือดังกล่าว ในหนังสือบอกเลิกสัญญานั้นให้ระบุด้วยว่าหากผู้เช่าชำระเงินรายงวดที่ค้างชำระหรือแก้ไขการผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญดังกล่าว แล้วแต่กรณี ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญา การบอกเลิกสัญญานั้นเป็นอันระงับไปในกรณีที่ผิดนัดไม่ชำระเงินรายงวดสองงวดติดต่อกัน หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นสำคัญ หากผู้เช่าชำระเงินรายงวดหรือค่าเช่าที่ค้างชำระหรือแก้ไขการผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาให้การบอกเลิกสัญญานั้นเป็นอันระงับไป
ข้อ 4. เมื่อสิ้นวันที่ 31 ธันวาคม 2542 บริษัทเงินทุนจะประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อหรือการให้เช่าแบบลีสซิ่งตามประกาศฉบับนี้เพิ่มขึ้นอีกไม่ได้
ข้อ 5. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันลงนามเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 23 เมษายน 2542
(นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
-ยก-
เรียน ผู้จัดการ
บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทุกบริษัท
ที่ ง.(ว) 666/2542 เรื่อง การนำส่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการอนุญาตให้บริษัทเงินทุนประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่ง อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ธนาคารขอนำส่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่ง อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2542 และได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 116 ตอนที่ 36 ง ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2542 แล้ว
สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ เป็นการอนุญาตให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อหรือให้เช่าแบบลีสซิ่ง สำหรับทรัพย์สินที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ได้รับโอนมาตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยเป็นการให้เช่าซื้อหรือให้เช่าแบบลีสซิ่ง เป็นการทั่วไปไม่จำกัดเฉพาะแก่ผู้โอนทรัพย์สินเท่านั้น โดยกำหนดระยะเวลาที่จะอนุญาตให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจดังกล่าว อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2542
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นายเกียรติชัย โสภาเสถียรพงศ์)
ผู้อำนวยการฝ่าย
ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน
ผู้ว่าการ แทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่ง อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน
โทร. 283-5304, 283-5303
หมายเหตุ ธนาคารจะไม่จัดการชี้แจงรายละเอียดของหนังสือฉบับนี้
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อ
และให้เช่าแบบลีสซิ่ง อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
--------------------------------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20(6) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์พ.ศ. 2522 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดเงื่อนไขในการอนุญาตให้บริษัทเงินทุนประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าทรัพย์สินแบบลีสซิ่ง อันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ในประกาศนี้
“ผู้เช่า” หมายความว่า ผู้เช่าซื้อหรือผู้เช่าแบบลีสซิ่ง
“เงินรายงวด” หมายความว่า เงินที่ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระแก่บริษัทเงินทุนในแต่ละงวด ซึ่งประกอบด้วยส่วนที่เป็นดอกผลเช่าซื้อและราคาเงินสดประจำงวดตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าซื้อ
“ค่าเช่า” หมายความว่า ค่าเช่าตามสัญญาเช่าแบบลีสซิ่ง
“การปรับปรุงโครงสร้างหนี้” หมายความว่า การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย
“เช่าซื้อ” หมายความว่า เช่าซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
“การให้เช่าแบบลีสซิ่ง” หมายความว่า การให้เช่าทรัพย์สิน เพื่อให้ผู้เช่าได้ใช้ประโยชน์ในกิจการอุตสาหกรรม เกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการบริการอย่างอื่นเป็นทางค้าปกติ โดยผู้เช่ามีหน้าที่ต้องบำรุงรักษาและซ่อมแซมทรัพย์สินที่เช่า ทั้งนี้ ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ผู้เช่ามีสิทธิที่จะซื้อหรือเช่าทรัพย์สินนั้นต่อไปในราคาหรือค่าเช่าที่ได้ตกลงกัน
ข้อ 2. ให้บริษัทเงินทุนให้เช่าซื้อ หรือให้เช่าแบบลีสซิ่ง ซึ่งทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาเพื่อชำระหนี้จากลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกัน ตามสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ข้อ 3. การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือสัญญาเช่าแบบลีสซิ่ง เมื่อผู้เช่าผิดนัดไม่ชำระเงินรายงวดสองงวดหรือค่าเช่าสองงวดติด ๆ กัน หรือเมื่อผู้เช่ากระทำผิดสัญญาในข้อ ที่เป็นส่วนสำคัญ ถ้าบริษัทเงินทุนจะบอกเลิกสัญญา บริษัทเงินทุนต้องแจ้งการบอกเลิกสัญญา พร้อมด้วยเหตุผลเป็นหนังสือให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า สามสิบวันนับแต่วันที่ผู้เช่าได้รับหนังสือดังกล่าว ในหนังสือบอกเลิกสัญญานั้นให้ระบุด้วยว่าหากผู้เช่าชำระเงินรายงวดที่ค้างชำระหรือแก้ไขการผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญดังกล่าว แล้วแต่กรณี ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญา การบอกเลิกสัญญานั้นเป็นอันระงับไปในกรณีที่ผิดนัดไม่ชำระเงินรายงวดสองงวดติดต่อกัน หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นสำคัญ หากผู้เช่าชำระเงินรายงวดหรือค่าเช่าที่ค้างชำระหรือแก้ไขการผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาให้การบอกเลิกสัญญานั้นเป็นอันระงับไป
ข้อ 4. เมื่อสิ้นวันที่ 31 ธันวาคม 2542 บริษัทเงินทุนจะประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อหรือการให้เช่าแบบลีสซิ่งตามประกาศฉบับนี้เพิ่มขึ้นอีกไม่ได้
ข้อ 5. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันลงนามเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 23 เมษายน 2542
(นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
-ยก-