ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง ข้อกำหนดการบัญชีเกี่ยวกับบัตรเงินฝากของบริษัทเงินทุน
—————————————————
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 ทวิแห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2526 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกข้อกำหนดการบัญชีเกี่ยวกับบัตรเงินฝาก เพื่อบริษัทเงินทุนถือปฏิบัติดังนี้
ข้อ 1. ให้บริษัทเงินทุนบันทึกบัญชีการรับฝากเงินโดยออกบัตรเงินฝาก หรือการซื้อบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินอื่นตามจำนวนเงินที่ตราไว้ในบัตรเงินฝาก
ข้อ 2. ในการออกบัตรเงินฝากโดยได้รับเงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่ตราไว้ในบัตรเงินฝากให้บริษัทบันทึกบัญชีจำนวนเงินส่วนต่างนั้นเป็นค่าใช้จ่ายด้วยจำนวนที่เท่ากันทุกเดือน นับแต่วันที่ออกจนถึงวันที่บัตรเงินฝากนั้นครบกำหนด
ข้อ 3.ในการซื้อซื้อลดหรือรับช่วงซื้อลดบัตรเงินฝากชนิดไม่ระบุอัตราดอกเบี้ยที่ออกโดยสถาบันการเงินอื่น ให้บริษัทบันทึกบัญชีจำนวนเงินส่วนต่างจากจำนวนเงินที่ตราไว้ ในบัตรเงินฝากเป็นรายได้ด้วยจำนวนที่เท่ากันทุกเดือนนับแต่วันที่ซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดจนถึงวันที่บัตรเงินฝากนั้นครบกำหนด
ข้อ4.ในการซื้อลดหรือรับช่วงซื้อลดบัตรเงินฝากชนิดระบุอัตราดอกเบี้ย ที่ออกโดยสถาบันการเงินอื่นให้บริษัทบันทึกบัญชีจำนวนเงินส่วนต่างจากมูลค่าของบัตรเงินฝากเป็นรายได้หรือตัดจากรายได้แล้วแต่กรณีด้วยจำนวนที่เท่ากันทุกเดือนนับแต่วันที่ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดจนถึงวันที่บัตรเงินฝากนั้นครบกำหนด
ข้อ 5. ในการขาย ขายลด หรือขายช่วงลดบัตรเงินฝากที่ได้ซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดไว้กรณีมีส่วนต่างจากจำนวนเงินที่ตราไว้ในบัตรเงินฝากหรือส่วนต่างจากมูลค่าของบัตรเงินฝากหลังปรับปรุงด้วยส่วนต่างในข้อ 3. หรือข้อ 4. ซึ่งคงเหลือ ณ วันที่ขาย ขายลดหรือขายช่วงลดบัตรเงินฝากนั้นแล้วให้บริษัทบันทึกบัญชีจำนวนเงินส่วนต่างที่คงเหลือเป็นกำไรหรือขาดทุนแล้วแต่กรณีทันที
ข้อ 6. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้น 15 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2535
วิจิตร สุพินิจ
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109 ตอนที่ 149 วันที่ 24 พฤศจิกายน 2535)