ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงิน เพื่อซื้อหลักทรัพย์หรือโดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

                                                         ธนาคารแห่งประเทศไทย
                              19 มกราคม 2537 
 เรียน ผู้จัดการ
         บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทุกบริษัท
         ที่ ธปท.งพ.(ว) 99/2537 เรื่อง ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงิน เพื่อซื้อหลักทรัพย์หรือ
         โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
         ด้วยปรากฎว่า ในปัจจุบันมีบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บางรายที่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการแสดงข้อเท็จจริงและข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์โดยมีหลักทรัพย์นั้นเป็นประกัน (Margin loan) โดยปฎิบัติเป็นการให้กู้ยืมเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ซึ่งการกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นการปฎิบัติไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้วยังเป็นการเพิ่มความเลี่ยงให้กับสถาบันการเงินอีกด้วย
         เพื่อเป็นการป้องกันการหลีกเลี่ยงในเรื่องดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 ตรีแห่งพระราชบัญญัตติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 พ.ศ. 2526 ธนาคารจึงกำหนดให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ถือปฎิบัติในการทำนิติกรรมให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักรัพย์หรือโดยมีหลักทรัพย์เป็นประกันดังต่อไปนี้
         ข้อ 1. การให้กู้ยืมเงินเพื่อซื่อหลักทรัพย์โดยมีหลักทรัพย์นั้นเป็นประกัน (Margin loan) เฉพาะในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข    และวิธีการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและหรือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และข้อประกาศกำหนดในเรื่องดังกล่าว
         ข้อ 2. การให้กู้ยืมเงินโดยมีหุ้นเป็นประกัน    ในการประกอบธุรกิจเงินทุนไม่ว่าในกรณีใดให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทำนิติกรรมที่มีลักษณะดังนี้
         (1) กำหนดให้ผู้กู้จดทะเบียนใบหุ้นจำนำเป็นประกันการชำระหนี้  โดยระบุชื่อบริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ผู้ให้กู้เป็นผู้รับจำนำ    และส่งมอบใบหุ้นดังกล่าวให้แก่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์
         (2) การให้กู้ยืมจะต้องไม่มีเงื่อนไขหรือข้อตกลงที่จะมีการปรับวงเงินให้กู้เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามราคาของหุ้นที่จำนำเป็นประกันไว้แล้ว
         ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการทำสัญญาให้กู้ยืมเงินโดยไม่ระบุหลักประกัน แต่มีการทำสัญญาอีกฉบับหนึ่งต่างหากว่า ผู้กู้จะต้องนำหุ้นมาเป็นหลักประกันจึงจะเบิกถอนเงินกู้ตามสัญญาฉบับแรกได้หรือทำสัญญาในลักษณะอื่นใดที่มีวัตถุประสงค์เป็นการให้กู้ยืมเงินโดยมีหุ้นเป็นประกัน ธนาคารจะถือว่าเป็นการให้กู้ยืมเงินโดยมีหุ้นเป็นประกันตามวรรคหนึ่ง
         จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
                              ขอแสดงความนับถือ                                 
                                 วิจิตร สุพินิจ
                                  ผู้ว่าการ         
 ส่วนพัฒนาธุรกิจสถาบันการเงิน             
 ฝ่ายกำกับและพัฒนาสถาบันการเงิน                             
 โทร.2835837,2835939