นำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ตราสารที่ให้นับเข้าเป็นเงินกองทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์

ข่าวกฏหมายและประกาศ Wednesday August 23, 2000 10:23 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

                                                        23 สิงหาคม 2543
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศทุกธนาคาร
ที่ ธปท.สนส.(11) ว. 2189/2543 เรื่อง นำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ตราสารที่ให้นับเข้าเป็นเงินกองทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์
ธนาคารแห่งประเทศไทยขอนำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ตราสารที่ให้นับเข้าเป็นเงินกองทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2543
สาระสำคัญของประกาศดังกล่าวมีดังนี้
1. ยกเลิกหนังสือของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.ณว.(ว) 1237/2535 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2535 เรื่อง ตราสารที่ให้นับเข้าเป็นเงินกองทุน
2. เพิ่มเติมรายละเอียดคุณสมบัติของตราสารที่มีลักษณะคล้ายทุนที่ให้นับเข้าเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ดังนี้
2.1 กำหนดให้ตราสารที่มีลักษณะคล้ายทุนมีอายุไม่ต่ำกว่า 10 ปี และในช่วง 5 ปีสุดท้ายก่อนครบกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องลดการนับเงินที่ได้รับเนื่องจากการออกตราสารที่มีลักษณะคล้ายทุนเข้าเป็นเงินกองทุนลงร้อยละ 20 ต่อปี
2.2 ธนาคารพาณิชย์มีสิทธิเลื่อนการชำระดอกเบี้ยตามตราสารออกไปได้ ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์นั้นไม่มีกำไรจากการดำเนินงาน และไม่จ่ายเงินปันผลสำหรับหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ์ แต่จะต้องเลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในกรณีที่การชำระดังกล่าวทำให้ธนาคารพาณิชย์มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำกว่าร้อยละ 0 หรือเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยแทรกแซงโดยมีคำสั่งลดทุนและเพิ่มทุน
อนึ่ง ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์เลื่อนการชำระดอกเบี้ยของตราสารที่มีลักษณะคล้ายทุนนี้ออกไป หากธนาคารพาณิชย์ประสงค์จะจ่ายดอกเบี้ยสำหรับจำนวนดอกเบี้ยที่เลื่อนออกไปนั้น ก็สามารถกระทำได้ในอัตราไม่เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิมที่ระบุไว้ตามหน้าตราสาร (Original Coupon Rate) ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นางธาริษา วัฒนเกส)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน
ผู้ว่าการแทน
ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงินโทร. 283-5939 283-5307
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง ตราสารที่ให้นับเข้าเป็นเงินกองทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535 ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดชนิด ประเภท และการคำนวณเงินที่ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทยได้รับเนื่องจากการออกตราสารแสดงสิทธิในหนี้ระยะยาวเกินห้าปีที่มีสิทธิด้อยกว่าเจ้าหนี้สามัญเพื่อถือเป็นเงินกองทุนดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกหนังสือที่ ธปท.ณว.(ว) 1237/2535 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2535 เรื่อง ตราสารที่ให้นับเข้าเป็นเงินกองทุน
ข้อ 2 ให้ธนาคารพาณิชย์นับเงินที่ได้รับเนื่องจากการออกตราสารที่มีลักษณะคล้ายทุน (Hybrid Debt Capital Instruments) หรือตราสารหนี้ด้อยสิทธิระยะยาว (Subordinated Debt) ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อ 3 ถึงข้อ 5
ข้อ 3 ให้ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศยื่นคำขอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อขออนุมัตินับเงินที่ได้รับเนื่องจากการออกตราสารดังกล่าวเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 และให้นับรวมเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ได้ เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว
ข้อ 4 ตราสารที่มีลักษณะคล้ายทุน (Hybrid Debt Capital Instruments) ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังนี้
(1) เป็นตราสารที่ออกโดยไม่มีบุคคลใดค้ำประกัน และไม่มีทรัพย์สินใดจำนำหรือจำนองเป็นหลักประกัน
(2) เป็นตราสารที่มีกำหนดเวลาในการชำระหนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ปี และในช่วง 5 ปีสุดท้ายก่อนครบกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องลดการนับเงินที่ได้รับเนื่องจากการออกตราสารที่มีลักษณะคล้ายทุนเข้าเป็นเงินกองทุนลงร้อยละ 20 ต่อปี
(3) เป็นตราสารที่ไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(4) สิทธิได้รับชำระหนี้ตามตราสารของผู้ทรงต้องอยู่ในลำดับหลังผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้อื่น
(5) ธนาคารพาณิชย์มีสิทธิเลื่อนกำหนดเวลาในการชำระดอกเบี้ยตามตราสารออกไปได้ ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์นั้นไม่มีกำไรจากการดำเนินงาน และไม่จ่ายเงินปันผลสำหรับหุ้นสามัญ และหุ้นบุริมสิทธิ์
(6) เป็นตราสารที่มีการบังคับเลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในกรณีที่การชำระดังกล่าวทำให้ธนาคารพาณิชย์มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำกว่าร้อยละ 0 หรือเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าแทรกแซงโดยมีคำสั่งลดทุนและเพิ่มทุน
ทั้งนี้ ให้ถือเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ได้ตามจำนวนเงินที่ได้รับชำระเต็มมูลค่าแล้ว
ข้อ 5 ตราสารหนี้ด้อยสิทธิระยะยาว (Subordinated Debt) ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังนี้
(1) เป็นตราสารที่ออกโดยไม่มีบุคคลใดค้ำประกัน และไม่มีทรัพย์สินใดจำนำหรือจำนองเป็นประกัน
(2) เป็นตราสารที่มีกำหนดเวลาในการชำระหนี้เกินกว่า 5 ปี และในช่วง 5 ปีสุดท้ายให้ธนาคารพาณิชย์ต้องลดการนับเงินที่ได้รับเนื่องจากการออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิระยะยาวเข้าเป็นเงินกองทุนลงร้อยละ 20 ต่อปี
(3) เป็นตราสารที่ไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(4) สิทธิได้รับชำระหนี้ตามตราสารของผู้ทรง ต้องอยู่ในลำดับหลังผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้อื่น แต่ในลำดับก่อนเจ้าหนี้ตามตราสารที่มีลักษณะคล้ายทุน ตามข้อ 4
ทั้งนี้ ให้ถือเป็นเงินกองทุนได้ตามจำนวนเงินที่ได้รับชำระแล้ว แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 50 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารพาณิชย์นั้น
ข้อ 6 ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2543
(ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุล)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
สนสป11-กส22101-25430823ด
-ยก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ